Thursday, 28 March 2024
NEWS

เปิด 10 ชุดนักเรียนสวยที่สุดในโลก จะมีประเทศไหนบ้าง มาดูกันเลย!! ✨✨

1. เกาหลีใต้ = ผู้หญิงมักจะสวมกระโปรงกับเสื้อเชิ้ต ส่วนผู้ชายจะเป็นกางเกงขายาว เสื้อเชิ้ต ผูกเน็คไทหูกระต่าย ให้ดูลูกคุณ ซึ่งโดยรวมการออกแบบนั้นจะพิถีพิถันและสะดุดตามีสไตล์อยู่เสมอ

2. ไทย = การออกแบบไม่ยุ่งยากจุกจิก กับเนื้อผ้าและสีผ้า มีเพียงแค่เชิ้ตสีขาวกับกระโปรง ก็สร้างความประทับใจได้ไม่ต่างกัน จนเป็นกระแสฮิตที่จีนและเวียดนาม

3. ญี่ปุ่น = การสวมเครื่องแบบนักเรียน เป็นข้อบังคับใน ม.ต้น และ ม.ปลายส่วนใหญ่
โดยผู้ชายจะสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว แจ็คเก็ตสีเข้ม ส่วนผู้หญิงจะสวมเสื้อสีขาว แจ็กเก็ตสีเข้ม บวกกับกระโปรงที่มีเน็คไท หรือก็คือชุดทหารเรือ

4. เวียดนาม = ชุดนักเรียนหญิง จะพัฒนามาจากชุดอ่าวหญ่าย ที่เป็นชุดเเต่งกายประจําชาติ ใส่แล้วจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

5. ภูฏาน = จะสวมเครื่องแบบตามชุดประจําชาติของประเทศ

6. อังกฤษ = ปัจจุบันเครื่องแบบนักเรียนของอังกฤษส่วนใหญ่ จะมีสีหลักเป็นสีเขียวเข้ม สื่อถึงความสงบและเอื้อเฟื้อ

7. ฮ่องกง = ฮ่องกงได้สร้างรูปแบบเพิ่มเติม โดยใช้สีฟ้าหรือสีขาวเป็นสีพื้นฐาน โดยมีการผสมเฉดสีการตัดเย็บและการประดับตกแต่งที่แตกต่างกันตามแต่ละโรงเรียน

8. จีน = โรงเรียนส่วนใหญ่ยังคงรักษาเอกลักษณ์แบบดั้งเดิมเอาไว้ โดยเด็กประถมจะแต่งเครื่องแบบคล้ายทหาร ใส่เสื้อสีขาวกับผ้าพันคอสีแดง ส่วนนักเรียนหญิงระดับมัธยมปลาย อนุญาตให้สวมชุดจีนโบราณได้ ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างเสื้อเชิ้ตที่มีสไตล์จากชุดกี่เพ้า พร้อมสวมคู่กับกระโปรง

9. มาเลเซีย = เด็กผู้หญิงจะสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมทับด้วยชุดกระโปรงสีฟ้าที่เป็นเอกลักษณ์ เรียกได้ว่าเป็นชุดนักเรียนที่กลายเป็นแฟชันสําหรับนักท่องเที่ยว ฮิตไม่แพ้ชุดนักเรียนไทยเลย ส่วนเด็กผู้ชายมักสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสีขาวหรือสีอื่น ๆ

10. ศรีลังกา = เครื่องแบบส่วนใหญ่จะเป็นสีขาว มีเพียงสีน้ำเงินเท่านั้นที่จะมิกซ์เข้ากัน และเด็กผู้หญิงทุกวัยจะสวมเสื้อผ้าที่มีโทนสีขาวเป็นหลัก ให้ดูเรียบง่าย และสะดุดตา

‘เตรียมอุดมฯ’ ประกาศรายชื่อผู้ผ่านคัดเลือก สำหรับบัญชี ‘รายชื่อสำรอง’ เพื่อเข้าศึกษาระดับชั้น ม.4 หลังมีที่ว่างจากการสละสิทธิ์ จำนวน 298 ราย

(28 มี.ค.67) จากเพจเฟซบุ๊ก ‘ผู้ปกครองเด็กเตรียม’ โพสต์ข้อความประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือก จากบัญชีรายชื่อสำรอง ประเภทสอบคัดเลือกทั่วไป ครั้งที่ 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ปีการศึกษา 2567 โดยระบุว่า…

ตามประกาศโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เรื่องการรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ปีการศึกษา 2567 และประกาศโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เรื่องประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือก ประกาศ ณ วันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2567 ทั้งนี้ จากการรายงานตัวและมอบตัวนักเรียน เมื่อวันอังคารที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2567 ปรากฏว่ามีที่ว่างจากการสละสิทธิ์ของนักเรียน จำนวน 298 คน จากการประชุมคณะกรรมการการรับนักเรียนระดับโรงเรียน โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ในการประชุมครั้งที่ 3/2567 เมื่อวันศุกร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2567 มีมติเห็นชอบให้เรียกนักเรียนที่สอบได้เพิ่มเติมจากบัญชีรายชื่อสำรอง ประเภทสอบคัดเลือกทั่วไป

โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา จึงประกาศเรียกนักเรียนที่สอบได้เรียงตามลำดับสำรอง ประเภทสอบคัดเลือกทั่วไป เพื่อรายงานตัวและมอบตัว เป็นนักเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ตามแผนการเรียน จำนวน 298 ราย ดังนี้

1. ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือก จากบัญชีรายชื่อสำรอง ประเภทการสอบคัดเลือกทั่วไป ครั้งที่ 1 แผนการเรียนวิทย์ - คณิต
https://www.triamudom.ac.th/.../2567/670327_1-VK_v1.pdf

2. ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือก จากบัญชีรายชื่อสำรอง ประเภทการสอบคัดเลือกทั่วไป ครั้งที่ 1 แผนการเรียนภาษา - คณิต
https://www.triamudom.ac.th/.../2567/670327_2-PK_v1.pdf

3. ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือก จากบัญชีรายชื่อสำรอง ประเภทการสอบคัดเลือกทั่วไป ครั้งที่ 1 แผนการเรียนภาษา - ฝรั่งเศส
https://www.triamudom.ac.th/.../2567/670327_3-PF_v1.pdf

4. ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือก จากบัญชีรายชื่อสำรอง ประเภทการสอบคัดเลือกทั่วไป ครั้งที่ 1 แผนการเรียนภาษา - เยอรมัน
https://www.triamudom.ac.th/.../2567/670327_4-PG_v1.pdf

5. ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือก จากบัญชีรายชื่อสำรอง ประเภทการสอบคัดเลือกทั่วไป ครั้งที่ 1 แผนการเรียนภาษา - ญี่ปุ่น
https://www.triamudom.ac.th/.../2567/670327_5-PJ_v1.pdf

6. ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือก จากบัญชีรายชื่อสำรอง ประเภทการสอบคัดเลือกทั่วไป ครั้งที่ 1 แผนการเรียนภาษา - จีน
https://www.triamudom.ac.th/.../2567/670327_6-PC_v1.pdf

7. ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือก จากบัญชีรายชื่อสำรอง ประเภทการสอบคัดเลือกทั่วไป ครั้งที่ 1 แผนการเรียนภาษา - สเปน
https://www.triamudom.ac.th/.../2567/670327_7-PS_v1.pdf

8. ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือก จากบัญชีรายชื่อสำรอง ประเภทการสอบคัดเลือกทั่วไป ครั้งที่ 1 แผนการเรียนภาษา - เกาหลี
https://www.triamudom.ac.th/.../2567/670327_8-PKo_v1.pdf

ทั้งนี้ ให้นักเรียนที่สอบผ่านการคัดเลือกปฏิบัติ ดังนี้

1. ผู้ปกครองนำนักเรียนมารายงานตัวและมอบตัว ในวันจันทร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2567 ตามรอบเวลา ณ ห้องเกียรติยศ 111 ตึก 2 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา หากไม่รายงานตัวและมอบตัวในวันเวลาดังกล่าว ถือว่าสละสิทธิ์

2. ผู้ปกครองจะต้องนำนักเรียน เข้าร่วมโครงการและกิจกรรมต่าง ๆ ตามประกาศทางเว็บไซต์ของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา หากนักเรียนไม่ปฏิบัติตามที่โรงเรียนกำหนด จะถือว่าสละสิทธิ์ทั้งนี้ ขอความร่วมมือให้ปฏิบัติตามมาตรการของโรงเรียน และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสาร ที่เว็บไซต์ www.triamudomacth และเพจงานประชาสัมพันธ์ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา

‘สสวท.’ ประกาศรายชื่อนักเรียนได้รับ ‘ทุน พสวท.’ จำนวน 40 คน ยืนยันสิทธิ์ภายใน 19 เมษายน 67

เมื่อไม่นานมานี้ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) กระทรวงศึกษาธิการ ได้ประกาศสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรื่องผลการคัดเลือกผู้ได้รับทุนพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ทุน พสวท.) ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ประจำปีการศึกษา 2567 ระบุข้อความว่า…

ตามที่ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) กระทรวงศึกษาธิการ ได้ดำเนินการสอบคัดเลือกนักเรียนเข้ารับทุนพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ทุน พสวท. ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ประจำปีการศึกษา 2567 รอบที่ 2 โดยการสอบวัดทักษะปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ และสอบความคิดสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2567 และสอบสัมภาษณ์ เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2567 นั้น

บัดนี้ สสวท. ได้ประมวลผลการสอบเรียบร้อยแล้ว จึงประกาศรายชื่อนักเรียนที่ได้รับการคัดเลือกให้มีสิทธิ์รับทุน พสวท. ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ประจำปีการศึกษา 2567 จำนวน 40 คน และนักเรียนที่ได้รับคัดเลือกฯ ลำดับสำรอง จำนวน 5 คน เรียงตามลำดับคะแนน รายละเอียดดังเอกสารแนบท้ายประกาศ 1

นักเรียนที่ได้รับการคัดเลือกให้มีสิทธิ์รับทุน พสวท. ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ประจำปีการศึกษา 2567 จำนวน 40 คน ต้องแจ้งรายชื่อโรงเรียนที่จะเข้ารับทุน พสวท. และยืนยันสิทธิ์รับทุน พสวท. ตามแบบฟอร์มในเอกสารแนบท้ายประกาศ 2 ภายในวันศุกร์ที่ 19 เมษายน 2567 เวลา 18.00 น. ซึ่งโรงเรียนแต่ละแห่ง สามารถรับนักเรียนทุน พสวท. ได้ไม่เกิน 12 คนเท่านั้น ในกรณีที่โรงเรียนนั้นมีนักเรียนประสงค์จะรับทุนเกิน 12 คน นักเรียนที่อยู่ในลำดับที่ 13 เป็นต้นไป จะต้องเลือกศึกษาในโรงเรียนอื่นที่มีนักเรียนทุน พสวท. ยังไม่เต็มจำนวน 12 คน ทั้งนี้ ไม่สามารถรับทุนหรือเข้าร่วมโครงการอื่นซ้ำซ้อนกับทุน พสวท. โดยนักเรียนที่ประสงค์ศึกษาต่อในโรงเรียนที่ไม่ใช่ศูนย์โรงเรียน พสวท. 10 แห่ง จะต้องแนบเอกสารใบรับรองลงลายมือชื่อผู้อำนวยการโรงเรียนที่ยืนยันการจัดหลักสูตรและกิจกรรมตามหลักสูตรโปรแกรมเสริม พสวท. ตามแบบฟอร์มในเอกสารแนบท้ายประกาศ 3

กรณีที่นักเรียนที่ได้รับการคัดเลือกให้มีสิทธิ์รับทุน พสวท. แจ้งความประสงค์ขอสละสิทธิ์รับทุน หรือไม่ยืนยันสิทธิ์ตามวันและเวลาที่กำหนด สสวท. จะเรียกตัวนักเรียนที่ได้รับการคัดเลือกลำดับสำรองตามลำดับจนครบจำนวนทุนต่อไป โดย สสวท. จะประกาศรายชื่อนักเรียนทุน พสวท. ระดับมัธยมศึกษา ตอนปลาย ประจำปีการศึกษา 2567 และโรงเรียนที่จะเข้ารับทุน พสวท. ภายในวันอังคารที่ 30 เมษายน 2567

'มหิดลวิทยานุสรณ์' เรียกครั้งที่ 3 อันดับสำรอง ที่ 97 ถึง 119

เมื่อไม่นานมานี้ โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ ได้เผยแพร่ประกาศเรื่อง การเรียกนักเรียนที่ผ่านการสอบคัดเลือกเป็นตัวสำรองเข้าเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ปีการศึกษา 2567 โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ ครั้งที่ 4 ระบุข้อความว่า…

ตามประกาศโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ เรื่อง ผลการสอบคัดเลือกนักเรียนเข้าเป็นนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ปีการศึกษา 2567 โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ ลงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 และได้เรียกตัวสำรองลำดับที่ 35 - 96 ปรากฏว่ามีนักเรียนยืนยันสิทธิ์การมอบตัว รวมทั้งสิ้นจำนวน 217 คน ในการนี้จึงขอให้นักเรียนที่ผ่านการสอบคัดเลือกเป็นตัวสำรองในลำดับที่ 97 - 119 เข้าสู่ระบบของโรงเรียน ผ่านเว็บไซต์ https://apply.mwit.ac.th /oginphp เพื่อยืนยันสิทธิ์การมอบตัว ภายในวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2567 เวลา 08.30 น. หากนักเรียนไม่ยืนยันสิทธิ์การมอบตัวตามวันและเวลาที่โรงเรียนกำหนดจะถือว่านักเรียนสละสิทธิ์การเข้าเป็นนักเรียนโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์

ขอให้นักเรียนที่ผ่านการสอบคัดเลือกเป็นตัวสำรองในลำดับที่ 97 - 119 ดำเนินการดังนี้

1. ยืนยันสิทธิ์การมอบตัวในระบบรับสมัคร พร้อมแนบแบบยืนยันสิทธิ์ และดำเนินการตามขั้นตอนที่ได้ระบุไว้ ภายในวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2567 เวลา 08.30 น.

2. ศึกษารายละเอียดและกรอกข้อมูลในเอกสารประกอบการมอบตัวให้ครบถ้วนสมบูรณ์ แล้วนำส่งไฟล์เอกสารผ่านทางลิงก์ https:/bit.y/49N3e01 ภายในวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2567 เวลา 12.00 น.

3. นำเอกสารประกอบการมอบตัวต้นฉบับมายื่น ในวันจันทร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2567 เวลา 10.00-12.00 น. ณ โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ ทั้งนี้นักเรียนต้องแนบใบรับรองแพทย์และใบรายงานผลการเอกซเรย์ปอดจากโรงพยาบาลที่แสดงว่านักเรียนเป็นผู้มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ไม่เป็นโรคติดต่อ และสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในหอพักได้

PROGRAM

เปิดใจเจ้าพ่อดาราโฆษณา ทุกสินค้าต่างแย่งชิง "แมน เสฏฐวุฒิ" | Click on Crazy EP.13

? Click on Crazy EP.13 เปิดใจเจ้าพ่อดาราโฆษณา ทุกสินค้าต่างแย่งชิง "แมน เสฏฐวุฒิ"

?เสฏฐวุฒิ พรธนาวุฒิ (แมน)
นักแสดง 

✅ดำเนินรายการโดย แองจี้ THE STUDY TIMES 

⏰ วันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ เวลา 2 ทุ่มตรง

?ช่องทางรับชม 
Facebook และ YouTube: THE STUDY TIMES

เส้นทาง นักร้อง Cover ลงยูทูบ เตะตาค่ายได้ออกซิงเกิ้ล "พีช ปณิชา" | Click on Crazy EP.12

? Click on Crazy EP.12 เส้นทาง นักร้อง Cover ลงยูทูบ เตะตาค่ายได้ออกซิงเกิ้ล "พีช ปณิชา"

?ปณิชา เมธวิชิตชัย (พีช)
นักร้อง

✅ดำเนินรายการโดย แองจี้ THE STUDY TIMES 

⏰ วันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม เวลา 2 ทุ่มตรง

?ช่องทางรับชม 
Facebook และ YouTube: THE STUDY TIMES

กำเนิด 'เครื่องล้างจาน' แรกของโลก | Click on Clever EP.21

?Click on Clever EP.21 กำเนิด 'เครื่องล้างจาน' แรกของโลก

“เครื่องล้างจาน” สิ่งประดิษฐ์ที่ทำให้กิจกรรมน่าเบื่อหน่ายง่ายดายขึ้น
ใครคือผู้คิดค้น “เครื่องล้างจาน” คนแรกของโลก ด้วยสาเหตุสุดแปลก เพราะ “โมโหจานแตก” วันนี้จะพาไปรู้จักเธอกัน!!

✅ดำเนินรายการโดย (กันต์) ธนพัฒน์ แจ่มปรีชา 

?ช่องทางรับชม 
Facebook และ YouTube: THE STUDY TIMES

TRENDING
GUIDE TO LEARNING

ได้เวลาโกอินเตอร์ “อังกฤษ”แจกฟรีทุนเรียนป.โท

ถึงเวลาได้โกอินเตอร์! “อังกฤษ”แจกฟรีทุนเรียนป.โท พร้อมค่าเทอม/ค่าที่พัก/ค่าตั๋วเครื่องบิน/เบี้ยเลี้ยง ฟรี
.
รัฐบาลอังกฤษประกาศเปิดรับสมัครนักศึกษาเข้ารับทุนชีฟนิ่ง (Chevening) ประจำปี 2023-2024 ซึ่งเป็นทุนให้เปล่าที่จะช่วยให้ผู้นำที่โดดเด่นจากทั่วทุกมุมโลกสามารถศึกษาต่อระดับปริญญาโทเป็นระยะเวลา 1 ปีในอังกฤษ โดยเปิดให้เลือกเรียนสาขาใดก็ได้ มหาลัยใดก็ได้ 
.
สิ่งที่จะได้รับ 
✔️ ฟรี! ค่าตั๋วเครื่องบิน
✔️ ฟรี! ที่พัก
✔️ ฟรี! ค่าเบี้ยเลี้ยงรายเดือน
✔️ ฟรี! ค่าเล่าเรียน
✔️ ค่าใช้จ่ายชีวิตประจำวัน 
✔️ ค่าเดินทางในประเทศ 
✔️ ค่าตั้งรกราก 

 

Charisma 13 กุญแจ สู่ความสามารถไร้ขีดจำกัด

อะไรคือสิ่งที่ทำให้คนๆนึงเป็นคนที่มีความสามารถไร้ขีดจำกัดและเรารู้สึกอยากจะมีความสามารถแบบนั้นได้บ้างหรืออยากมีคาริสม่าเปล่งประกายแบบนั้นได้บ้าง
.
Charisma (อ่านว่า คะ ริส หม่า) แปลว่า เสน่ห์
.
คำนี้เป็นคำนาม เป็นคำที่ใช้แทนการมีเสน่ห์แบบที่ค่อนข้างจะลึกซึ้งกว่าแบบอื่น เพราะจะเป็นเสน่ห์ในแง่ การที่สามารถดึงดูดใจ หรือชักจูงใจให้คนอื่น นำไปเป็นแบบอย่างได้ เช่นพวก ซุปเปอร์สตาร์ดังๆ นักพูดดังๆ นักการเมือง ผู้ซึ่งมีเสน่ห์ ดึงดูดใจทุกครั้งที่กล่าวสุนทรพจน์ หรือ แสดงออกต่อหน้าสาธารณชน ไม่ใช่เพราะเขาพูดเก่ง หรือไม่ใช่เพราะเขาหน้าตาหล่อ หรือหุ่นดี แต่เป็นเสน่ห์รวมๆ ที่อยู่ในบุคลิกภาพของเขา ทำให้เขาสามารถสื่อสาร และก่อเกิดเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนมากมาย คำๆ นี้มาจากรากศัพท์ภาษากรีก ว่า Kharisma ซึ่งแปลว่า ของประทานจากพระเจ้า ดังนั้นเสน่ห์แบบนี้บางคราวจึงเกิดขึ้นมาแบบเหนือธรรมชาติ หรือเกินกว่าที่จะอธิบายถึงที่มาที่ไป ดังนั้น charisma นี้ จึงมีความหมายว่า พรสรรค์ ด้วย มาดูกันว่า 13 กุญแจสำคัญของการเป็นคนที่มีคาริสม่ามีอะไรบ้าง
.
1. ความเชื่อ (Belief) : ความเชื่อในสิ่งที่ทำ ความเชื่อมั่นในตัวเองในทางที่ดี และมักจะมองเห็นคุณค่าในตัวผู้อื่น หรือเชื่อมั่นในตัวผู้อื่นเช่นกัน
.
2. มีความหลงใหล ( Passion ): หลงใหลในสิ่งที่ทำ บางครั้งก็หลงใหลในขั้นสุดโต่ง จนคนส่วนใหญ่มักจะมองว่า “บ้า” แต่บ้าแบบมีเป้าหมายมีทิศทางหนักแน่นชัดเจน

3. มีความริเริ่ม (Initiative) : ริเริ่ม และลงมือทำอย่างรวดเร็ว ในเมื่อคนแบบนี้มีความคิดใหม่ๆขึ้นมาแล้ว เค้าจะไม่รอให้ใครลงมือทำก่อนเค้าแน่นอน และไม่ลังเลที่จะทำสิ่งที่เค้าคิดให้เกิดขึ้น
.
4. จดจ่อ (Focus) : หากคำว่า โฟกัสหรือการจดจ่อของคุณ มีเพียงคำว่า “โฟกัส” คำเดียว สำหรับคนเหล่านี้จะมีคำว่า โฟกัส โฟกัส โฟกัส โฟกัส โฟกัส นับร้อยครั้งในหัวของเค้า เห็นได้ชัดว่า เค้าจะจดจ่อและโฟกัสกับสิ่งที่เค้าตั้งใจทำแค่ไหน
.
5. เตรียมตัวอย่างดี (Preparation) : คนเหล่านี้จะเตรียมพร้อมเสมอและมีการเตรียมตัวเตรียมการไว้ดีเสมอ
.
6. ซักซ้อม (Practice) : ซักซ้อมเสมอในสิ่งที่เค้ารักที่เค้าสนใจในสิ่งที่เค้าทำ ดังคำกล่าวของ บรูซลี (Bruce Lee) ว่า " ผมไม่กลัวคนที่ฝึกเตะเป็นหมื่นท่าแค่ครั้งเดียวหรอก แต่ผมกลัวคนที่ฝึกเตะท่าเดียวเป็นหมื่นครั้งต่างหาก"
.
7. มีความเพียร (Perseverance) : ความเพียรเป็นสิ่งที่คนเหล่านั้นเห็นเพียงคนเดียวและอยู่กับมันในทุกๆวัน ทุกเวลา 24 ชั่วโมงต่อวัน 365 วันต่อปี แต่มักจะเป็นสิ่งที่คนภายนอกมองว่า คนเหล่านั้นโชคดีจัง ในเวลาที่คนเหล่านั้นประสบความสำเร็จ
.
8. ความกล้าหาญ ( Courage ) : ความกลัวเป็นปฏิกิริยาตอบสนอง..แต่ความกล้าหาญคือ"การตัดสินใจ"ที่จะไม่ตอบสนองต่อความกลัว ทำให้กลายเป็นบุคลิกหลักๆ ที่เราจะเห็นได้จากคนที่มีคาริสม่าเลยก็ว่าได้
.
9. การเป็นคนที่รับคำสั่งสอนได้ (Teachability) : อีกในนึงคือมีความนอบน้อม รับฟังผู้อื่นติชมได้ แล้วยังรักการเรียนรู้จากคนรอบข้างเสมอ
.
10: จิตใจดีมีน้ำใจ (Kindness) : มีน้ำจิตน้ำใจที่ดี อาจจะไม่ใช่ทุกคนที่จะมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี เพราะบางคนก็เป็น Artist อาจจะเข้ากับคนอื่นได้ลำบากด้วยซ้ำ แต่คนเหล่านี้ลึกๆ แล้วจะความเมตตาและมีจิตใจที่ดีจนคนรอบข้างสัมผัสได้11. มีความรับผิดชอบสูง (Responsibility) : รับผิดชอบในวินัยของตนเองรวมถึงรับผิดชอบต่อสิ่งที่ทำผิด คุณจะไม่มีทางเห็นคนเหล่านี้พยายามโยนความผิดที่เกิดขึ้นให้กับคนอื่นแน่ๆหากเค้าเป็นคนทำเองเค้าจะ รับผิดชอบในสิ่งที่กระทำด้วยความกล้าหาญ
.
12. รักตัวตนของตัวเอง (Self-Love) มีความรักในตัวเองและเห็นคุณค่าของตัวเอง คนเหล่านี้จะตกหลุมรักตัวเองในทุกๆวันและมีความสุขจนคนรอบข้างอยากรักเค้าตามไปด้วยเลย
.
13. มีความรู้คุณคน (Gratitude) : ซาบซึ้งในบุญคุณของคนที่ช่วยเหลือเขา และขอบคุณพร้อมทั้งตอบแทนช่วยเหลือกลับเท่าที่เขาจะทำได้ และไม่มีวันลืมคนที่มีพระคุณกับเขาทุกคน

ทักษะแห่งอนาคตโลก 4.0 วัยเรียน-วัยแรงงาน -ผู้สูงวัย ต้องมี

ปัจจุบันมีจำนวนประชากร 5 คน ทำงานเลี้ยงผู้สูงอายุ 1 คน คาดว่าปี 2583 ประเทศไทยจะเหลือประชากรไม่ถึง 2 คน ทำงานดูแลผู้สูงอายุ 1 คน ดังนั้น จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนพัฒนาเยาวชนให้มีความรู้และทักษะที่จำเป็น ควบคู่การส่งเสริมให้ผู้สูงอายุปรับตัวเข้ากับโลกแห่งความทันสมัย
.
การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ของโลกศตวรรษที่ 21 ส่งผลให้รูปแบบการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เปลี่ยนแปลงไป  และการเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างเต็มรูปแบบ ดังนั้น การเตรียมพร้อมคุณภาพของคนให้มีทักษะแห่งอนาคตที่จำเป็น โดยจากการศึกษาจำแนก การเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลต่อการพัฒนาคนไทยออกเป็น 5 สถานการณ์ ได้แก่
.
1. การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรจากการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย และการเคลื่อนย้ายถิ่นฐาน
2. ช่องว่างระหว่างวัยที่กว้างขึ้น เพราะประสบการณ์บริบทชีวิต และความคิดแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
3. การพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยีที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสังคมเป็นวงกว้าง
4. การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอาชีพและรูปแบบการทำงาน มีทั้งอาชีพเกิดใหม่และหายไป
5. กระบวนการเรียนรู้ที่มีความหลากหลายขึ้น เน้นการเรียนเชิงรุกและบูรณาการข้ามสาขา
.
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ได้นำเสนอทักษะที่จำเป็นแห่งอนาคต เพื่อเตรียมการพัฒนาคุณภาพคนไทยทุกช่วงวัย รองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของโลกศตวรรษที่ 21 เริ่มด้วย
.
ช่วงปฐมวัย (0-5 ปี) การพัฒนาช่วงวัยนี้ควรเปิดโอกาสให้เด็กๆได้สำรวจสิ่งแวดล้อมรอบตัวอย่างปลอดภัย เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ที่หลากหลาย มีมุมมองต่อโลกอย่างกว้างขวาง มีการเตรียมความพร้อมในการพัฒนาทุกด้านพร้อมกัน ทั้งด้านร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม ควบคู่กับการพัฒนาผู้ปกครอง ผู้ดูแลและครูให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีการพัฒนาเด็กปฐมวัยโดยเฉพาะ มี 5 อันดับทักษะที่จำเป็นแห่งอนาคตดังนี้
1.การคิดเชิงสร้างสรรค์
2.ความอยากรู้อยากเห็น
3.ความสามารถทางกายภาพ การแก้ปัญหา และการสื่อสาร
4.การอ่านออกเขียนได้
5.ความเข้าใจและการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัล การเข้าใจผู้อื่น
.
ช่วงวัยเรียน/วัยรุ่น (5-21ปี) การพัฒนาช่วงวัยนี้ควรให้ความสำคัญกับความยืดหยุ่นหลากหลาย ครอบคลุมการพัฒนาทั้งกาย ใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญา ตลอดจนทักษะพื้นฐานและทักษะที่เชื่อมสู่โลกการทำงาน ไม่จำกัดการเรียนรู้อยู่ในห้องเรียนเพียงอย่างเดียว ส่งเสริมการค้นหาตัวตนและความถนัดของเด็ก และมีช่องทางการเรียนรู้ที่ตอบสนองได้ทั้งในและนอกระบบโดยมี 5 อันดับทักษะที่จำเป็นแห่งอนาคต
1.ความเข้าใจและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล
2.การอ่านออกเขียนได้
3.การเป็นผู้เรียนเชิงรุก
4.การเป็นพลเมืองที่ดี
5.ความอยากรู้อยากเห็น การคิดเชิงสร้างสรรค์
.
ช่วงวัยแรงงาน(15-59 ปี )การพัฒนาในช่วงวัยนี้ควรเสริมสร้างความต้องการเรียนรู้ เปิดโอกาสให้เกิดการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ที่เชื่อมโยงตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน โดยโอกาสในการพัฒนาตนเองดังกล่าว ควรควบคู่กันทั้งการเรียนรู้อย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการ ต้องเป็นไปอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ มี 5 อันดับทักษะที่จำเป็นแห่งอนาคตดังนี้ 
1.ความเข้าใจและการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัล การแก้ปัญหา
2.ความรู้ทางธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ
3.การคิดเชิงสร้างสรรค์
4.การทำงานร่วมกับผู้อื่น
5.การปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมที่หลากหลาย
.
ช่วงวัยผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป กลุ่มผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) ซึ่งการพัฒนาในช่วงวัยนี้ควรมีรูปแบบการเรียนรู้ใหม่ๆ ที่เหมาะสมสำหรับผู้สูงวัย โดยเฉพาะ สนับสนุนการนำความรู้และประสบการณ์ของผู้สูงวัยมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศ ชุมชน และตัวผู้สูงวัยเอง เพื่อเสริมสร้างคุณค่าและต่อยอดบทบาทในสังคมของผู้สูงอายุ และรับมือกับการเข้าสู้สังคมผู้สูงวัยอย่างยั่งยืนโดย 5 อันดับทักษะที่จำเป็นแห่งอนาคต  
1.การปรับตัว
2.การมองโลกในแง่ดี
3.ความเข้าใจและการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัล
4.ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ การเข้าใจผู้อื่น
5.การแก้ปัญหา
.
แล้วแนวทางการส่งเสริมในแต่ละช่วงวัย ควรปฎิบัติอย่างไร ? เราแบ่งได้ดังนี้ 
1. นโยบายการศึกษา
•    ช่วงปฐมวัย : มีนโยบายและงบประมาณทางการศึกษาเพื่อพัฒนาเด็กช่วงปฐมวัยโดยเฉพาะ ครอบคลุมการเตรียมความพร้อมทั้งเด็กและผู้ดูแล
•    ช่วงวัยเรียน : ปฎิรูปหลักสูตรและกระบวนการเรียนการสอนให้ทันสมัย สอดคล้องความต้องการและจำเป็น ควบคู่กับการยกระดับวิชาชีพและการจัดการศึกษาแบบกระจายอำนาจ
•    ช่วงวัยทำงาน : ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต มีเงินทุนแรงงานเพื่อการพัฒนาตนเอง สนับสนุนการเรียนรู้ในที่ทำงาน โดยมีหลักสูตรเฉพาะสำหรับผู้ใหญ่ และสายอาชีพที่ต่างกัน
•    ช่วงผู้สูงอายุ : จะมีนโยบายพัฒนาทักษะ ส่งเสริมการจ้างงานและการเรียนรู้ตลอดชีวิตของผู้สูงอายุให้ผู้สูงอายุยังมีบทบาทและสามารถเป็นพลังในการขับเคลื่อนประเทศ
.
2. กระบวนการเรียนรู้
•    ช่วงปฐมวัย : ใช้กิจกรรมที่เหมาะสมกับช่วงอายุ ลักษณะการเรียนรู้ และความสนใจของแต่ละคน เน้นการเรียนแบบแบ่งปันความคิดร่วมกันและการจัดการเรียนรู้ที่ไม่เป็นทางการ
•    ช่วงวัยเรียน : เน้นการเรียนรู้แบบบูรณาการร่วมกับการทำงาน เสริมสร้างสมรรถนะจากประสบการณ์จริง และมีผู้เรียนเป็นศูนย์กลางในการจัดการศึกษา
•    ช่วงวัยทำงาน : เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง  นำความเชี่ยวชาญของผู้เรียนมาเป็นฐาน สามารถวางแผนการเรียนรู้ตามจังหวะของตนเอง มีการอบรมที่มีคุณภาพ และเรียนรู้จากประสบการณ์จริงในการทำงาน
•    ช่วงผู้สูงอายุ : ออกแบบกระบวนการเรียนรู้ให้เหมาะกับช่วงวัย เน้นฝึกการอบรมเชิงประสบการณ์ การอภิปราย การบูรณาการ การเรียนรู้แบบร่วมมือ และมุ่งต่อยอดทักษะ ความรู้เดิม
.
3. สภาพแวดล้อม
•    ช่วงปฐมวัย : สภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย เอื้อต่อการเรียนรู้ร่วมกัน สนับสนุนการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์สร้างพัฒนาการทางสมอง และให้อิสระแก่เด็ก
•    ช่วงวัยเรียน : ออกแบบพื้นที่การเรียนรู้ที่เชื่อมโยง เป็นสัดส่วน สามารถรองรับกิจกรรมการเรียนและการทำงานที่แตกต่างกันได้  ให้ผู้เรียนได้ลงมือปฎิบัติจริง เกิดปฎิสัมพันธ์แลกเปลี่ยนระหว่างกัน
•    ช่วงวัยทำงาน : ส่งเสริมการเรียน การมีส่วนร่วม และการเติบโตร่วมกันภายในองค์กร มีเส้นทางความก้าวหน้าของอาชีพที่ชัดเจน เพื่อเป็นแรงจูงใจให้พนักงานพัฒนาตนเองสู่ความสำเร็จ
•    ช่วงผู้สูงอายุ : พัฒนาสภาพแวดล้อมให้สอดคล้องกับลักษณะการเรียนรู้ ผู้สูงอายุต้องการสภาพแวดล้อมเชิงสนับสนุนที่เห็นอกเห็นใจ ไม่เป็นทางการผ่อนคลาย และเป็นมิตรต่อการเรียนรู้
.
4. เทคโนโลยี
•    ช่วงปฐมวัย : จัดสรรสื่อและเทคโนโลยีทั้งสื่อดั่งเดิมและสื่อดิจิทัล ช่วยส่งเสริมการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
•    ช่วงวัยเรียน : นำเทคโนโลยีมาใช้ช่วยจัดการเรียนการสอน เช่น แพลตฟอร์มเพื่อเข้าถึงเนื้อหา และนวัตกรรมวิเคราะห์ข้อมูลผู้เรียนและออกแบบการเรียนรู้ที่ตอบสนองผู้เรียนแต่ละคน
•    ช่วงวัยทำงาน :ใช้เทคโนโลยีเพื่อเป็นสื่อและช่องทางในการเรียนรู้ และใช้สนับสนุนการประเมินผลการปฏิบัติงาน เพื่อวางแผนการเติบโตในอาชีพ และประยุกต์ใช้ทักษะและความรู้ในการทำงาน

LITE

ไอเท็มติดห้องพัก ราวตากผ้าเกาะระเบียง

พิมเป็นคนหนึ่งที่พอมาอยู่หอละไม่ค่อยชอบหอตัวเองตรงระเบียงแคบไม่มีที่เดิน แค่วางราวตากผ้าอันเดียวก็คือเต็มละ จะตากรองเท้าตากอะไรไม่ได้เลย จนไปเห็นคนนึงรีวิวเจ้าตัวนี้ใน tiktok ก็เลยลองสอยมาสิ

ตัวนี้เป็นราวตากผ้าสแตนเลส แบบเกาะระเบียง หรือว่าจริงๆก็เกาะตรงหน้าต่างด้วยก็ได้นะหรือตรงไหนก็ได้ที่เป็นขอบๆๆๆ บอกเลยว่าไอเท็มนี้ควรมีสำหรับคนอยู่หอ อยู่คอนโด ที่มีพื้นที่จำกัดมากกกก

วัสดุอุปกรณ์สมราคานะ ราคาไม่แพง คนงบน้อยต้องสอยเลยนะ สามารถรับน้ำหนักได้ถึง 13 กิโลกรัมเลยนะยิ่งกว่าคุ้ม ตัวนี้จะทำจากโลหะ + ABS อย่างดีเลย
.
ยี่ห้อที่พิมซื้อมาเขามีให้เลือก 3 ขนาด มีเล็ก กลาง ใหญ่ พิมซื้อแบบเล็กเพราะระเบียงเราก็ไม่ได้ใหญ่จะได้ประหยัดพื้นที่ด้วย

จริงๆไม่ได้เอามาแค่ตากรองเท้า ตากผ้าเล็กๆนะ ใช้ทำอย่างอื่นได้ นี่ที่หอเลี้ยงแมวเอาแมวมาดูนั่งชมวิวกลางคืนคือน่ารักมากกก 5555555 ทาสแมวบอกเลยว่าถูกใจมากค่าาา หรือจะเอามามิกซ์เป็นที่วางกระถางต้นไม้ได้ด้วยสำหรับใครที่ชอบแนวธรรมชาติคือเก๋มากกกก

หรือบางทีเลยนะก็เอามาคว่ำจานคว่ำกะละมังให้แห้ง จริงๆเอาไปทำได้หลายอย่างมากกก แล้วแต่เราจะทำได้เลยนะ เห็นมั้ย ??? ซื้อแค่อันเดียวคุ้มเอาไปทำได้ตั้งหลายอย่าง

พิกัด
ออนไลน์ https://shope.ee/9zMF5ANujo 
ราคา : 135 บาท


 

“ตกนรกอเวจีปอยเปตแสนล้านภพแสนล้านชาติ” มารู้จัก “นรกอเวจี” เครื่องเตือนใจเพื่อทำความดี

เมื่อวลีสุดฮิต “ตกนรกอเวจีปอยเปตแสนล้านภพแสนล้านชาติ” ในโลกโซเชียล ทำให้ช่วงนี้หลายคนอยากรู้เรื่องราว “นรกอเวจี” ตามความเชื่อทางศาสนาพุทธมากขึ้น แล้วรู้หรือไม่? ความจริงแล้ว อเวจี เป็นแค่ส่วนหนึ่งของนรกเท่านั้น
.
โลกของ “นรก” หรือ “นรกภูมิ” ในศาสนาพุทธนั้นคือ ดินแดนหนึ่งที่เชื่อกันว่าผู้ที่ทำบาปตอนยังเป็นมนุษย์เมื่อเสียชีวิตแล้วจะต้องไปเกิดในนรก และถูกลงโทษตามคำพิพากษาของมัจจุราช โดยตามไตรภูมิกถาแล้ว นรกภูมิเป็นดินแดนหนึ่งในกามภพอันเป็นหนึ่งในภพทั้งสาม คือ กามภพ รูปภพ และอรูปภพ รวมเรียกว่า "ไตรภพ" หรือ "ไตรภูมิ"
.
นรกของพระพุทธศาสนาต่างจากนรกของศาสนาอื่นๆ ในฝั่งตะวันตกอยู่สองเรื่อง คือ 1.ชาวตะวันตกเชื่อว่าเมื่อเราตายไปจะไม่ได้ไปเกิดและรับโทษในนรกภูมิตามคำพิพากษาของพระเจ้า แต่เป็นเพราะบาปกรรมที่ตนได้กระทำเมื่อมีชีวิต และ 2.ระยะเวลาถูกลงโทษในนรกเป็นไปตามโทษานุโทษ ไม่ได้ชั่วกัปชั่วกัลป์ แต่ก็กินเวลานานมาก เมื่อพ้นโทษจากนรกแล้วจะได้กลับไปเกิดในโลกที่สูงขึ้นตามแต่กรรมดีที่ได้กระทำไว้หรือตามแต่ผลกรรมที่เหลืออยู่ แล้วแต่กรณี
.
สำหรับ คติไตรภูมินั้นโลกนรก หรือ “นิรยภูมิ” เป็นส่วนหนึ่งของอบายภูมิหรือทุคติภูมิ 4 ประกอบด้วยพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลสุดลูกหูลูกตา มีนรกอีกหลายขุมซ้อนทับกันหลายชั้น แต่ละชั้นก็มีนรกบริวารรวมนับร้อยขุม
.
นิรยภูมิจะแบ่งออกเป็น “มหานรก” มีทั้งหมด 8 ขุมใหญ่ ที่ตั้งซ้อนทับเป็นชั้นๆ และแยกกันอย่างชัดเจนอยู่ลึกลงไปใต้โลกมนุษย์ เรียงจากชั้นบนสุดลงไปยังชั้นล่างสุด ซึ่งสามารถแบ่งจากโทษเบาสุดไปจนถึงโทษหนักสุดได้ดังนี้
.
1. สัญชีวนรก คือ นรกไม่มีวันแตกดับ เป็นนรกสำหรับผู้ที่เบียดเบียนผู้อื่น สัตว์นรกจะถูกทรมานจากนิรยบาลด้วยสารพัดวิธีจากคมอาวุธจนตาย แต่ก็จะมี “ลมกรรม” พัดผ่านให้คืนชีพมาเสวยโทษทัณฑ์เรื่อยๆ ต้อง เกิด-ตาย วนเวียนอยู่เช่นนั้นจนครบอายุขัย อายุของสัตว์นรกในสัญชีวนรก คือ 500 ปี โดย 1 วันนรก เท่ากับ 9 ล้านปีโลกมนุษย์
.
2. กาฬสุตตนรก คือ นรกเส้นด้ายดำ เป็นนรกสำหรับผู้ที่ทำร้ายผู้มีพระคุณหรือทำลายชีวิตสัตว์โลก เมื่อสัตว์นรกถูกตีด้วยด้ายดำจนเกิดเส้นตามร่างกาย จะถูกเฉือนด้วยคมอาวุธตามรอยนั้น อายุของสัตว์นรกในกาฬสุตตนรก คือ 1,000 ปี โดย 1 วันนรก เท่ากับ 3 โกฏิ (1 โกฏิ เท่า 10 ล้าน) กับอีก 6 ล้านปีโลกมนุษย์
.
3. สังฆาฏนรก คือ นรกบดขยี้ เป็นนรกสำหรับผู้ที่ไร้ความเมตตา ชื่นชอบการทารุณกรรม สัตว์นรกจะถูกกระหน่ำตีด้วยค้อนเหล็กและบดทับด้วยลูกไฟกับภูเขาเหล็ก อายุของสัตว์นรกในสังฆาฏนรก คือ 2,000 ปี โดย 1 วันนรก เท่ากับ 14 โกฏิกับอีก 5 ล้านปีโลกมนุษย์
.
4. โรรุวนรก คือ นรกแห่งเสียงคร่ำครวญ นรกสำหรับเหล่าคนโลภ ฉ้อโกง ร่างของสัตว์นรกจะถูกตรึงให้นอนคว่ำหน้า หัว มือ และเท้าจมอยู่ในดอกบัวเหล็กที่เปลวเพลิงลุกท่วม ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด แต่ไม่ตาย อายุของสัตว์นรกในโรรุวนรก คือ 4,000 ปี โดย 1 วันของนรกขุมนี้เท่ากับ 23 โกฏิกับอีก 4 ล้านปีโลกมนุษย์
.
5. มหาโรรุวนรก คือ นรกแห่งเสียงคร่ำครวญอย่างยิ่งยวด นรกสำหรับคนจิตใจโหดเหี้ยม อำมหิต ทำความชั่วทั้งหลายด้วยจิตอาฆาตพยาบาท ดอกบัวเหล็กของนรกขุมนี้จะเพิ่มคมตามกลีบดอก โดยสัตว์นรกต้องจมอยู่ในดอกบัวเหล็กทั้งตัว อายุของสัตว์นรกในมหาโรรุวนรก คือ 8,000 ปี โดย 1 วันนรก เท่ากับ 921 โกฏิกับอีก 6 ล้านปีโลกมนุษย์
.
6. ตาปนรก คือ นรกแห่งความร้อนรุ่ม นรกสำหรับคนบาปที่เต็มไปด้วยโลภะ โทสะ โมหะ และความเห็นแก่ได้ สัตว์นรกจะถูกหลาวเหล็กแท่งใหญ่ราวต้นตาลเสียบพร้อมเปลวไฟพวยพุ่ง ก่อนถูกสุนัขนรกฉุดกระชากลงมากิน อายุของสัตว์นรกในตาปนรก คือ 16,000 ปี โดย 1 วันนรกเท่ากับ 1,842 โกฏิกับอีก 12 ล้านปีโลกมนุษย์
.
7. มหาตาปนรก คือ นรกแห่งความร้อนรุ่มอย่างยิ่งยวด เป็นนรกสำหรับผู้ที่เคยฆ่าคนและฆ่าสัตว์เป็นหมู่มาก ๆ ไม่คำนึงถึงชีวิตผู้อื่น ต้องอยู่ในกำแพงและภูเขาเหล็กที่เต็มไปด้วยหนามแหลม พร้อมลมกรดพัดพาร่างไปโดนหนามเสียบ อายุของสัตว์นรกขุมนี้คือ ครึ่งกัลป์ (1 กัลป์ เท่ากับระยะเวลาที่อายุของมนุษย์ไขลงจากอสงไขยปี จนถึง 10 ปี แล้วไขขึ้นจาก 10 ปี จนถึงอสงไขยปีอีกรอบ ครบ 1 คู่ เรียกว่า 1 กัลป์ ซึ่งอสงไขยปีเท่ากับเลข 1 ตามด้วยเลขศูนย์ 140 ตัว)
.
8. อเวจีนรก คือ นรกอันแสนสาหัสไร้ความปรานี เป็นมหานรกที่ลึกและกว้างใหญ่ที่สุด เป็นนรกสำหรับผู้ทำกรรมหนักอย่างหาที่สุดมิได้ เช่น ฆ่าบุพการี ฆ่าพระอรหันต์ ทำร้ายพระพุทธเจ้าให้ห้อพระโลหิต และยุยงให้คณะสงฆ์แตกแยก ขุมนรกล้อมด้วยกำแพงเหล็กที่เปลวไฟลุกท่วม สัตว์นรกจะถูกเพลิงเผาผลาญด้วยอิริยาบถต่างๆ ทั้ง นั่ง ยืน หรือนอน ตามกรรมของตน อยู่ห้องสี่เหลี่ยมและหลาวเหล็กเสียบทะลุร่างตรึงให้แน่นิ่งไม่สามารถขยับร่างกายได้ อายุของสัตว์นรกในอเวจีนรก คือ 1 กัลป์
.
นอกจากนี้ในแต่ละขุมยังมี “ยมโลกนรก” อยู่อีก 320 ขุม อยู่รอบ 4 ทิศ ทิศละ 10 ของมหานรกแต่ละขุม เรียกว่า “อุสสทนรก” ดังนี้
.
1. คูถนรก เต็มไปด้วยหนอนตัวใหญ่คอยกัดกินสัตว์นรกที่ผ่านเข้ามา
2. กุกกุฬนรก เต็มไปด้วยเถ้าถ่านคอยเผาสัตว์นรกให้กลายเป็นจุณ
3. อสิปัตตนรก มีต้นมะม่วงใหญ่หลอกล่อสัตว์นรกมาพักพิง จากนั้นใบมะม่วงจะกลายเป็นหอกพุ่งแทงสัตว์นรก รวมถึงมีกำแพงเหล็กติดเปลวเพลิงขวางกั้นพร้อมสุนัขนรกและแร้งนรกคอยรุ่มฉีกกินสัตว์นรก
4. เวตรณีนรก เต็มไปด้วยน้ำเค็มและเครือหวายหนามเหล็กล้อมคอยทิ่มแทงให้เกิดแผล มีไฟลุกท่วมกลางน้ำกับดอกบัวกลีบคมที่มีเปลวเพลิงติดอยู่ตลอด มีนิรยบาลใช้เบ็ดเกี่ยวลากขึ้นมาบนฝั่งเพื่อทำทัณฑ์ทรมานต่อ
.
และ “นรก” ก็ไม่ได้มีอยู่แค่ใต้ดินของโลกมนุษย์เราเหมือนอย่าง “นรกอเวจี” เท่านั้น แต่ยังมีนรกที่อยู่ไกลออกไปนอกโลกในจักรวาลอันไกลโพ้นอีกด้วย นั่นก็คือ “โลกันตนรก” เป็นนรกขุมที่ยิ่งใหญ่อีกขุมหนึ่ง เป็นขุมนรกสำหรับผู้ที่กระทำทรมานบุพการีหรือทำร้ายผู้ทรงศีล 
.
ในโลกันตนรกมีสภาพมืดสนิท แสงดาวแสงเดือนและแสงตะวันก็ส่องไปไม่ถึง เสมือนคนหลับตาในเดือนดับข้างแรม สัตว์นรกที่มาเกิดในโลกันตนรก จะมีสภาพแปลกประหลาด มีสรีระร่างกายใหญ่โต มีเล็บมือและเล็บเท้ายาว ต้องใช้เล็บมือและเท้าเกาะอยู่ตามเชิงเขาจักรวาลห้อยโหนโยนตัว โดยเอาหัวลงมาข้างล้างชั่วนิรันดร์และต้องทรมานอยู่ในความมืด หากพลัดตกลงไปเบื้องล่างก็จะเป็นทะเลดำที่เป็นน้ำกรดและมีความเย็นเฉียบ ทำให้ต้องรีบตะเกียกตะกายกลับขึ้นไปห้อยโหนเช่นเดิม

 

แอ่ว “เจียงใหม่” ไหว้พระวัดอุโมงค์ วัดโบราณ สงบงามท่ามกลางเมือง

ในช่วงที่ผ่านมา จ.เชียงใหม่ กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม เนื่องจากความเรียบง่ายของคนเมือง วิถีชีวิตที่น่ารักอบอุ่น ตลอดจนมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย หนึ่งในนั้นคือ “วัดอุโมงค์ เชียงใหม่” วัดโบราณที่ตั้งอยู่กลางใจเมือง แต่กลับเงียบสงบ ร่มเย็น และเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่งดงาม รอให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัสความสงบ กราบพระขอพร และถวายสังฆทาน
.
วัดอุโมงค์ ประวัติที่มาเป็นอย่างไร ? จากตำนานเล่าว่า เดิมทีบริเวณวัดอุโมงค์ หรือสวนพุทธธรรม เป็นพื้นที่วัดของกษัตริย์ในยุคสมัยของพระเจ้ามังรายมหาราช เพราะพระองค์ได้ทำนุบำรุงพระศาสนา และสร้าง “วัดเวฬุกัฏฐาราม” (วัดไผ่ 11 กอ) ขึ้น
.
เมื่อยุคสมัยและการปกครองของผู้นำเปลี่ยนผ่าน ก็ยังมีการฟื้นฟูบริเวณวัดเรื่อยๆ จนเข้าสู่ยุคของพระเจ้ากือนาธรรมาธิราช พระองค์ได้ทำการบูรณะ ซ่อมแซมเจดีย์ และสร้างอุโมงค์ทางเดิน 4 ทิศ เพื่อให้เป็นที่จำพรรษาของพระมหาเถรจันทร์ และตั้งชื่อว่า “วัดอุโมงค์เถรจันทร์” หรือ “วัดอุโมงค์ เชียงใหม่”
.
จุดเด่นวัดอุโมงค์ เชียงใหม่ ที่ไม่ควรพลาด : 
.
1. อุโมงค์ทางเดิน 4 ทิศ
อุโมงค์ทางเดิน 4 ทิศขนาดใหญ่เป็นหนึ่งจุดเด่นสำคัญ เนื่องจากด้านในมีการเจาะช่องผนังสำหรับวางเทียน ทำให้ภายในอุโมงค์นั้นค่อนข้างมืด เงียบ และสงบ ตามทางเดินจะมีรูปจิตรกรรมฝาผนังเกือบตลอดเส้นทาง นอกจากนี้ภายในอุโมงค์จะมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ นักท่องเที่ยวสามารถเดินลอดใต้อุโมงค์เพื่อเข้ามากราบไหว้พระ ขอพร ตลอดจนชมความงดงามของภาพจิตรกรรมฝาผนังรูปต่างๆ ได้ เช่น ภาพจิตรกรรมนก ดอกโบตั๋น ดอกบัว เมฆ เป็นต้น
.
หากใครที่มีโอกาสได้ไปเที่ยวที่วัดอุโมงค์ เชียงใหม่ในช่วงฤดูฝน หรือปลายฝนต้นหนาว จะพบว่าบริเวณด้านหน้า หรือรอบๆ ของอุโมงค์มีมอสส์สีเขียวขึ้นปกคลุม สร้างความสวยงาม สบายตา ในขณะเดียวกันก็ร่มรื่นและเงียบสงบด้วย
.
2. เจดีย์ 700 ปี วัดอุโมงค์ เชียงใหม่
เจดีย์วัดอุโมงค์ เชียงใหม่ ตั้งอยู่บริเวณใกล้กับทางเข้าอุโมงค์ทางขึ้นลงเจดีย์มีบันไดนาคที่งดงามอยู่ด้านข้าง โดยจะเป็นสถาปัตยกรรมทรงระฆังกลม บริเวณทรงกรวยด้านบนของเจดีย์จะเป็นรูปกลีบดอกบัว บริเวณฐานส่วนล่างจะมีปูนปั้นลวดลายสวยงามตามแบบสถาปัตยกรรมของศิลปะพม่า ทั้งนี้เจดีย์วัดอุโมงค์ถือว่าเป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมเก่าแก่และสะท้อนให้เห็นถึงสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิม
.
3. เศียรพระพุทธรูปฝีมือช่างพะเยา
อีกหนึ่งจุดเด่นวัดอุโมงค์ คือ พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง ที่บริเวณลานด้านข้างทางเข้าอุโมงค์จะมีการจัดตั้งเศียรพระพุทธรูปจำนวนมาก ซึ่งพระพุทธรูปส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นโดยชาวพะเยาที่มีฝีมือช่วง พ.ศ.1950-2100 เป็นหนึ่งในคุณค่าทางสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจ
.
นอกจากนี้วัดอุโมงค์ เชียงใหม่ยังมีจุดเด่นอีกหลายๆ แห่งที่น่าสนใจและควรค่าแก่การมาเยี่ยมเยือน เช่น เสาหินอโศกจำลองจากประเทศอินเดีย หลักศิลาจารึกบันทึกประวัติความเป็นมาของวัดอุโมงค์ เชียงใหม่ หอสมุดธรรมโฆษณ์ โรงภาพปริศนาธรรม ตลอดจนมีสำนักปฏิบัติธรรมวัดอุโมงค์ สวนพุทธธรรม สำหรับผู้ที่สนใจปฏิบัติธรรมท่ามกลางความเงียบสงบ
.
วัดอุโมงค์ เปิดกี่โมง วันไหนบ้าง?
วัดอุโมงค์ เชียงใหม่ เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-20.00 น. นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้ทั้งในช่วงกลางวัน และสามารถเดินทางมากราบไหว้ขอพรพระที่วัดอุโมงค์ช่วงกลางคืนได้ไม่เกินเวลา 2 ทุ่ม ทั้งนี้ควรงดใช้เสียงดัง และแต่งกายด้วยชุดสุภาพเหมาะสม
 

© Copyright 2021, All rights reserved. THE STUDY TIMES
Take Me Top