Friday, 26 April 2024
NEWSFEED

‘โรงเรียนพรตพิทยพยัต’ ให้นักเรียนไว้ทรงผมตามเพศวิถีได้ เพศวิถีชาย-ผมสั้น เพศวิถีหญิง-ผมยาว แต่ต้องดูเรียบร้อย

เมื่อวานนี้ (11 มี.ค. 67) ‘โรงเรียนพรตพิทยพยัต’ ประกาศเรื่องให้นักเรียนสามารถไว้ทรงผมตามเพศวิถีได้ ผ่านเพจ ‘โรงเรียนพรตพิทยพยัต Protpittayapayat School’ โดยระบุว่า…

“ประกาศโรงเรียนพรตพิทยพยัต 

เรื่อง การไว้ทรงผมตามเพศวิถี

>> นักเรียนชาย และเพศวิถีชาย สามารถไว้ผมสั้นได้ซึ่งเป็นไปตามความเหมาะสมและมีความเรียบร้อย

>> นักเรียนหญิง และเพศวิถีหญิง สามารถผมยาวได้ แต่ให้รวบผมและมัดโบสีตามระดับชั้นให้เรียบร้อย”

‘รร.กำเนิดวิทย์’ ประกาศรายชื่อผลการสอบคัดเลือกเป็น ‘นร.ชั้น ม.4’ ชี้ ผ่านทั้งหมด 72 คน ย้ำ!! หากตัวจริงไม่มามอบตัวจะถือสละสิทธิ์

(11 มี.ค.67) ตามที่โรงเรียนกำเนิดวิทย์ได้กำหนดให้ผู้ผ่านการสอบคัดเลือกรอบแรกเพื่อเข้าเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ปีการศึกษา 2567 ส่งเอกสารประกอบการพิจารณาคัดเลือกนักเรียนรอบสองและเข้าสอบสัมภาษณ์ตามประกาศโรงเรียนกำเนิดวิทย์ เรื่อง ผลการสอบคัดเลือกรอบแรกเพื่อเข้าเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ปีการศึกษา 2567 โรงเรียนกำเนิดวิทย์ ลงวันที่ 18 ธันวาคม 2566 นั้น บัดนี้ โรงเรียนกำเนิดวิทย์ ได้ประมวลผลเรียบร้อยแล้ว จึงขอประกาศรายชื่อนักเรียนที่ได้รับการคัดเลือกเป็นตัวจริง 72 คน และตัวสำรอง 120 คน รวม 192 คน ดังรายละเอียดในเอกสารแนบท้ายประกาศนี้ และขอให้นักเรียนที่ได้รับคัดเลือกเป็นตัวจริงดำเนินการ ดังนี้

>> 13 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป

ดาวน์โหลดเอกสารยืนยันการเข้าเป็นนักเรียนโรงเรียนกำเนิดวิทย์
และเอกสารประกอบการมอบตัวได้ที่เว็บไซต์ http://ww.kvis.ac.th 

>> ภายใน 20 มีนาคม 2567
1. ส่งเอกสารยืนยันการเข้าเป็นนักเรียนโรงเรียนกำเนิดวิทย์ที่ลิงก์
https://forms.gle/B5WkbYvfBcuBynsz9 
2. ส่งเอกสารประกอบการมอบตัวทางไปรษณีย์ด่วนพิเศษ (EMS) โดยยึดวันประทับตราไปรษณีย์เป็นสำคัญ มาที่ฝ่ายวิชาการฯ โรงเรียนกำเนิดวิทย์ 999 หมู่ 1 ต.ป่ายุบใน อ.วังจันทร์ จ.ระยอง 21210 

>> 29 มีนาคม 2567
เวลา 10:00 - 12:00 น. ทดสอบวัดระดับภาษาอังกฤษออนไลน์

>> 28 เมษายน - 12 พฤษภาคม 2567
เข้าร่วมค่ายเตรียมความพร้อมภาษาอังกฤษ (Kamnoetvidya Science Academy Pre-sessional Camp 2024) โดยโรงเรียนจะแจ้งรายละเอียดให้ทราบต่อไป

หากไม่ส่งเอกสารยืนยันการเข้าเป็นนักเรียนและเอกสารประกอบการมอบตัวภายในวันที่กำหนดจะถือว่าสละสิทธิ์และโรงเรียนจะเรียกนักเรียนจากบัญชีสำรองมามอบตัวตามลำดับต่อไป

จึงประกาศมาให้ทราบโดยทั่วกัน

คณะวิทยาศาสตร์ 'สจล.' เปิดรับสมัครบุคคลเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี แด่น้องๆ ที่ศึกษาอยู่ระดับ ม.ปลาย ใน 'ชัยนาท-อุทัยธานี-กาญจนบุรี-อ่างทอง-สุพรรณบุรี'

เมื่อไม่นานมานี้ เพจ ‘Sci KMITL’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า…

📣 คณะวิทยาศาสตร์ สจล. รับสมัครบุคคลเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี #TCAS2 โควตาบัณฑิตคืนถิ่นในพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี 
ประจำปีการศึกษา 2567 สำหรับน้อง ๆ ที่ศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ในจังหวัดชัยนาท อุทัยธานี กาญจนบุรี อ่างทอง และสุพรรณบุรี 

📅 เปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ - 28 มี.ค. 67
สมัครได้ที่ >> https://new.reg.kmitl.ac.th/admission

รีวิว!! ทำไมเด็กจีนต้องเรียนหนัก ตั้งแต่เช้ายันค่ำ เพราะไม่เก่งจริง!! เข้า รร.รัฐ ไม่ได้ เรียนเอกชนก็แพงหูฉี่

(6 มี.ค. 67) จากช่องติ๊กต็อก ‘maymae.chinaexpert’ หรือที่รู้จักในชื่อ ‘เมเม่ ChinaExpert’ ได้โพสต์คลิปหลังตนกำลังยืนอยู่หน้าโรงเรียนประถมของเมืองจงซาน ประเทศจีน เวลา 19.45 น. ขณะที่เด็กนักเรียนเพิ่งเลิกเรียนกัน (ตามเวลาเลิก 19.30 น.) พร้อมกับแชร์มุมมองว่าทําไมเด็กเมืองจีนจะต้องเรียนดึกและหนักขนาดนี้ หลังจากที่ได้ไปถามเด็กนักเรียนจีนรายหนึ่ง จึงได้ความว่า…

7 โมง ก็ต้องมาโรงเรียน พอเลิกเรียนเสร็จ ก็ต้องเรียนพิเศษ แล้วก็ต้องทําการบ้าน ถ้าใครได้เลิกทุ่มนึงจะเป็นเด็กธรรมดา ส่วนถ้าเรียนห้องคิงจะเป็นเด็กที่เก่ง ต้องเลิกเรียน 3 ทุ่ม นอกจากนี้ หน้าโรงเรียนก็จะมีของกินขาย เพราะเด็กเลิกเรียนดึกก็จะรู้สึกหิวข้าว

ฉะนั้น เมืองจีนจะเรียนหนักกันมาก เพราะถ้าผลสอบคะแนนออกมาไม่ดี จะสอบเข้าโรงเรียนรัฐไม่ได้ และโรงเรียนเอกชนก็แพงมาก บวกกับที่ประชากรเขาเยอะการแข่งขันจึงสูง เพราะคนเป็นพ่อเป็นแม่เห็นลูกเรียนไม่ดีก็เครียด ทำให้แต่ละบ้านก็อัดวิชาแข่งกัน เด็ก ๆ เลยเลิกเรียนดึก

'เตรียมอุดมฯ' ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือก ชั้นม.4 ปี 2567 โควตาประเภท 'โอลิมปิกวิชาการ-ความสามารถพิเศษ'

เมื่อไม่นานมานี้ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ออกประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือก ประเภทโควตาโอลิมปิกวิชาการ และ ประเภทโควตา ความสามารถพิเศษ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ปีการศึกษา 2567 ผ่านเพจเฟซบุ๊ก ‘งานประชาสัมพันธ์ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา’ ระบุว่า…

ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือก ประเภทโควตาแต่ละประเภท ปี 2567 ดังนี้

1.ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือก ประเภทโควตาโอลิมปิกวิชาการ
https://www.triamudom.ac.th/website/images/2567/std_Queta2567/01_Olimpic2567.pdf

2. ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือก ประเภทโควตา ความสามารถพิเศษ (ด้านกีฬา)
https://www.triamudom.ac.th/website/images/2567/std_Queta2567/02_sport67.pdf 

3. ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือก ประเภทโควตา ความสามารถพิเศษ (ดนตรีไทยร่วมสมัย)
https://www.triamudom.ac.th/website/images/2567/std_Queta2567/03_thai-music67.pdf 

4. ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือก ประเภทโควตา ความสามารถพิเศษ (นาฏศิลป์ไทย) 
https://www.triamudom.ac.th/website/images/2567/std_Queta2567/04_Thai_dance67.pdf 

5. ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือก ประเภทโควตา ความสามารถพิเศษ (ดุริยางค์)
https://www.triamudom.ac.th/website/images/2567/std_Queta2567/05_orchestra67.pdf 

6. ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือก ประเภทโควตา ความสามารถพิเศษ (ศิลปะ)
https://www.triamudom.ac.th/website/images/2567/std_Queta2567/06_art2567.pdf 

 

'จีน' ยกระดับ 184 โรงเรียน พัฒนาครั้งใหญ่ 'ฐานการศึกษา AI' บ่มเพาะความรู้ทางดิจิทัลแก่ 'ครู-เด็ก' รอบด้าน หนุนยุค AI เฟื่อง

เมื่อไม่นานนี้ สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า กระทรวงศึกษาธิการของจีน ประกาศรายชื่อโรงเรียนประถมและมัธยมจำนวน 184 แห่ง ซึ่งถูกคัดเลือกเป็นฐานการศึกษาปัญญาประดิษฐ์ (AI) ด้วยเป้าหมายส่งเสริมการพัฒนาการศึกษาปัญญาประดิษฐ์ให้ดียิ่งขึ้น

รายงานระบุว่าโรงเรียนประถมและมัธยมควรปรับใช้หลักสูตรเทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยีทั่วไป และหลักสูตรที่เกี่ยวข้องอื่นๆ พร้อมกับเสริมสร้างทรัพยากรการศึกษาและการเรียนการสอน และจัดการฝึกอบรมและแนะแนวครู เพื่อเกื้อหนุนการศึกษาปัญญาประดิษฐ์

กระทรวงฯ จะเสริมสร้างแนวปฏิบัติของฐานการศึกษาที่กำหนดข้างต้น สนับสนุนการมีบทบาทนำเป็นตัวอย่างในการพัฒนาหลักสูตรปัญญาประดิษฐ์ในโรงเรียน การบูรณาการรายวิชา การปฏิรูปวิธีการสอน ร่วมสร้างและแบ่งปันทรัพยากรการศึกษาทางดิจิทัล บ่มเพาะความรู้ทางดิจิทัลของครู และส่งเสริมการพัฒนานักเรียนอย่างรอบด้าน

'ดร.เอ้' ตั้งกระทู้ถาม "เมื่อมันสมองเวียดนามชั้นยอด กำลังกลับบ้าน" 'รัฐบาลไทย' จะพัฒนาเด็กไทยให้ 'สู้-แข่งขัน' ได้อย่างไรต่อไป

(23 ก.พ.67) ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ 'ดร.เอ้' รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กทม. ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว 'เอ้ สุชัชวีร์' ตั้งกระทู้ถาม "เมื่อมันสมองเวียดนามชั้นยอด กำลังกลับบ้าน" เวียดนาม น่ากลัวเกินกว่าที่เราคิด รัฐไทยเราจะสู้ แข่งขันได้อย่างไร? โดยระบุว่า...

6 ปีที่แล้ว เมื่อครั้งผมทำหน้าที่ประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย หรือ ทปอ. ได้นำทีมอธิการบดีจากหลายมหาวิทยาลัย เดินทางเยือนสหรัฐอเมริกา เพื่อศึกษาดูงานวิจัย และสร้างเสริมความสัมพันธ์กับสถาบันการศึกษาระดับโลก

หนึ่งในองค์กรสำคัญที่เราเข้าเยี่ยม คือ สถาบันการศึกษาต่างประเทศแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ Institute of International Education (IEE) ที่เป็นองค์กรหลักภายใต้การสนับสนุนของรัฐบาลอเมริกัน เพื่อดูแลนักศึกษาต่างชาติ และเป็นผู้ดูแลกองทุนฟูลไบร์ทอันโด่งดัง

วันนั้นเจ้าภาพที่มาต้อนรับเรา คือ ดร. อลัน กู๊ดแมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ IEE เพื่อนต่างวัยของผม ซึ่งภายหลังกรุณามาช่วยเป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอล หรือ Carnegie Mellon University (Thailand) มหาวิทยาลัยสุดยอดด้านคอมพิวเตอร์ หนึ่งเดียวในเอเชียแปซิฟิกจากอเมริกา ที่ผมก่อตั้งขึ้น 

ดร.อลัน เดินเข้ามาสะกิดผม ชี้ให้เห็นข้อมูลสำคัญที่สุด คือ...

"จำนวนนักศึกษาเวียดนาม ที่มาเรียนในสหรัฐอเมริกา มากกว่า 2 หมื่นคน มากขึ้นแบบก้าวกระโดด และมากกว่าจำนวนนักศึกษาไทย 4-5 เท่าแล้ว" 

"ประเทศคุณยังไม่รู้ ไม่ตื่นเต้นเลยหรือ ที่รู้ว่า เวียดนามกำลังจะมีคนชั้นมันสมองจำนวนมากว่าของคุณมากมาย ที่ได้รับการศึกษาจากประเทศชั้นนำ กลับบ้านเพื่อพัฒนาประเทศ เพื่อแข่งขันกับคุณ..."

ผมหยุดนิ่ง งงไปพักหนึ่ง ยอมรับว่าเป็นข้อมูลตรง ของจริง ตรงหน้า จากคนที่รู้เรื่องนี้ดีที่สุดคนหนึ่งในโลก  

ผมตกใจเพราะข้อมูลนี้ ชี้ให้เห็นชัดว่า...

1. เศรษฐกิจเวียดนาม เติบโตไว จนทำให้คนเวียดนามจำนวนมาก มีรายได้สูงขึ้นจนสามารถส่งลูกหลาน เรียนอเมริกาและประเทศชั้นนำได้

2. เด็กเวียดนาม มีศักยภาพสูงขึ้นมาก ทั้งด้านภาษาอังกฤษ และด้านวิชาการที่ยอดเยี่ยม คะแนนวัดผล PISA สูงกว่าเด็กไทยโดยเฉลี่ยทุกด้าน ทำให้นักศึกษาเวียดนามได้ทุนเรียนฟรีจำนวนมาก จากมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก ไม่ต้องพึ่งพางบประมาณรัฐ

3. รัฐบาลเวียดนาม มีวิสัยทัศน์ มองไกล ไม่ปิดกั้น ส่งเสริมให้เด็กเวียดนามเรียนต่อในต่างประเทศจำนวนมาก รัฐอำนวยความสะดวกทุกอย่าง

4. รัฐบาลอเมริกันและโลกตะวันตก วันนี้มองเวียดนามไม่ใช่ศัตรู แต่มองเป็นพันธมิตรใหม่ในเอเชีย และมั่นใจในอนาคตทางเศรษฐกิจ เพราะเวียดนามมุ่งเป้า 'ยกระดับการศึกษา' จึงรับเด็กเวียดนามให้มาเรียนในมหาวิทยาลัยอเมริกัน ทั้งยังชอบความขยัน อดทน มีวินัยของเด็กเวียดนาม

5. อเมริกาไม่ใช่จุดหมายเดียว ยังมีอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน ญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และรัสเซีย คิวบา ที่เป็นมิตรรักของเวียดนามในอดีต ที่มีมหาวิทยาลัยชั้นยอด รับเด็กเวียดนามจำนวนมากต่อปี มากกว่ารับเด็กไทยมากมายนัก

ยิ่งไปกว่านั้น สมัยที่ผมเรียนที่ MIT ผมมีเพื่อนเวียดนามที่เกิดในอเมริกา ที่เรียนเก่งสุดๆ และยังคงผูกพัน สามัคคี มีความรักชาติ บ้านเกิดของบิดามารดา พร้อมกลับไปช่วย หรือพร้อมช่วยเหลือคนเวียดนามด้วยกันเต็มที่

ผมแชร์เรื่อง 'เวียดนามกับไทย' มาหลายครั้ง ตั้งแต่ยังเป็นอธิการบดีพระจอมเกล้าลาดกระบัง จนมาทำงานการเมือง เพื่อกระตุ้นเตือน แต่ไม่เห็นความมุ่งมั่น ไม่เห็นการเอาจริงเอาจัง ของรัฐบาลไทย ในการ 'พัฒนาศักยภาพของเด็กไทย'

ผมจึงขอตั้ง 'กระทู้ถาม' ในฐานะพลเมืองไทย ว่า รัฐบาลจะทำอย่างไร ให้เด็กไทยได้รับการพัฒนา ยกระดับทักษะ เพื่ออยู่รอดได้ ในโลกที่เต็มไปด้วยการแข่งขันด้านทรัพยากรมนุษย์ และจะเป็น 'ปัญหาปากท้อง' คนไทยอาจไม่หลุดพ้นจากวงจรความยากจน เพราะไม่มีทักษะที่โลกอนาคตต้องการ เศรษฐกิจไทยก็ไม่โต

ผมยังมั่นใจ #เด็กไทยไม่แพ้ใครในโลก แต่รัฐต้องมุ่งมั่น ต้องทำงานหนักกว่านี้ ไม่งั้นเรา แพ้เวียดนาม (แน่ ๆ)

ด้วยความห่วงใยครับ

5 ประเทศที่ ‘คนเวียดนาม’ ไปเรียนต่อมากที่สุด

จากข้อมูลของ องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ในปี 2021 เวียดนามเป็นประเทศอาเซียนที่มีประชากรออกไปเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาในต่างประเทศ จำนวนทั้งหมด 137,022 คน

โดยจุดหมายยอดฮิต 5 อันดับแรก คือ ญี่ปุ่น (44,128 คน) เกาหลีใต้ (24,928 คน) สหรัฐอเมริกา (23,155 คน) ออสเตรเลีย (14,111 คน) แคนาดา (8,943 คน) นอกจากนี้ ตัวเลขนักเรียนนอกของเวียดนามเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในอาเซียนยังเรียกได้ว่านำแบบไม่เห็นฝุ่น เพราะอันดับ 2 อย่าง ‘อินโดนีเซีย’ นั้นมีจำนวนนักเรียนที่ไปเรียนต่างประเทศเพียง 59,224 คน อันดับ 3 อย่าง ‘มาเลเซีย’ มี 48,810 คน ขณะที่ ‘ไทย’ ที่มาเป็นอันดับที่ 4 มีทั้งหมด 28,609 คน

ปัจจัยที่ทำให้เวียดนามมีนักเรียนออกไปเรียนต่างประเทศได้มาก มีทั้ง ‘ค่านิยมในการออกไปเรียนต่างประเทศของชาวเวียดนาม’ เอง ในกรณีที่เป็นครอบครัวมีฐานะและมีกำลังส่งลูกหลานไปเรียน และ ‘ทุนการศึกษาจากต่างประเทศ’ 

โดยในหมู่ทุนการศึกษาทั้งหมด ทุนที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้น ๆ คือ ทุนจากมูลนิธิ Vietnam Education Foundation (VEF) ที่ ‘สหรัฐอเมริกา’ ตั้งขึ้นในปี 2003 เพื่อให้ทุนการศึกษาเด็กเวียดนามไปศึกษาต่อในสหรัฐฯ โดยใช้เงินจำนวน 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่เวียดนามส่งเป็นเงินใช้หนี้สงครามให้สหรัฐฯ ทุกปี โดยส่วนมากจะได้เข้าศึกษาในคณะและสาขาที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีในมหาวิทยาลัยดังระดับโลกต่าง ๆ ทั้ง Harvard และ Stanford

ความสำคัญของทุนนี้เห็นได้ชัดจากผลงานของผู้ได้รับทุนเก่าที่ส่วนมากกลับมาทำงาน และประสบความสำเร็จในการสร้างธุรกิจใหม่ ๆ ในประเทศ โดยเฉพาะสตาร์ตอัปด้านเทคโนโลยี โดยผลงานที่โดดเด่นของผู้ได้รับทุน VEF ก็อย่างเช่น Palexy บริษัทสตาร์ตอัปด้านแมชชีนเลิร์นนิ่ง และ VNG บริษัทยูนิคอร์นเจ้าของแอปแชท Zalo ที่ในปัจจุบันเป็นที่นิยมในเวียดนามมากกว่า Facebook

นี่ทำให้นอกจากเวียดนามจะมีเด็กไปเรียนต่างประเทศเป็นจำนวนมากแล้ว จำนวนหนึ่งยังเป็นผู้ที่กำลังศึกษาด้านเทคโนโลยี ซึ่งเป็นแรงงานที่เป็นที่ต้องการมากในหลาย ๆ ประเทศที่กำลังแข่งขันกันสร้างเศรษฐกิจดิจิทัล รวมทั้ง เวียดนามที่มีการเติบโตรวดเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้มีศักยภาพในการดึงแรงงานกลับประเทศ ไม่เกิดปรากฏการณ์ ‘สมองไหล’ อย่างที่ผ่านมา

ปัจจุบัน เวียดนามมีตลาดงานที่พร้อมรองรับบัณฑิตศักยภาพสูงจากต่างประเทศ เพราะเป็นประเทศที่มีบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ ๆ สนใจเข้าไปลงทุนจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น LG และ Alibaba และมีศักยภาพในการผลิตสินค้าเทคโนโลยีระดับสูงต่าง ๆ โดยในปี 2020 มีการส่งออกสินค้าในประเภทนี้คิดเป็นสัดส่วนถึง 42% เพิ่มจากเพียง 13% ในปี 2010

จากการศึกษาของ Google, Temasek, และ Bain เวียดนามจะเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจดิจิทัลเติบโตมากที่สุดในภูมิภาคภายอาเซียนภายในปี 2025 และดึงดูดเงินลงทุนได้มากที่สุดในระหว่างปี 2025-2030

เปิด 3 รายชื่อผู้โชคดีได้รับทุนเรียนโท ม.ซีอานเจียวทง ประเทศจีน ทุนใหญ่ประจำปี 2567 ตามพระราชดำริ 'กรมสมเด็จพระเทพฯ'

เมื่อไม่นานมานี้ มูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับทุนไปศึกษาวิชา ณ มหาวิทยาลัยซีอานเจียวทง (Xi'an Jiaotong University : XUTU) สาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๗ (ค.ศ. ๒๐๒๔) ระดับปริญญาโท หลักสูตรภาษาอังกฤษ 

ตามที่มูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีได้มีประกาศลงวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๖ เรื่อง รับสมัครคัดเลือกบุคคลเพื่อรับทุนการศึกษาไปศึกษาวิชา ณ มหาวิทยาลัยซีอานเจียวทง (Xi'an Jiaotong University: XJTU) สาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๗ (ค.ศ. ๒๐๒๔) ระดับปริญญาโท หลักสูตรภาษาอังกฤษ และประกาศลงวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๖๗ เรื่อง ขยายเวลารับสมัครคัดเลือกบุคคลเพื่อรับทุนการศึกษาไปศึกษาวิชา ณ มหาวิทยาลัยซีอานเจียวทง (Xi'an Jiaotong University: XJTU) สาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๗ (ค.ศ. ๒๐๒๔ ระดับปริญญโท หลักสูตรภาษาอังกฤษ และประกาศลงวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ เรื่อง รายชื่อผู้มีสิทธิเข้ารับการสัมภาษณ์เพื่อรับทุนการศึกษาไปศึกษาวิชา ณ มหาวิทยาลัยชีอานเจียวทง (Xi'an Jiaotong University : XJTU) สาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๗ (ค.ศ. ๒๐๒๔) ระดับปริญญาโท หลักสูตรภาษาอังกฤษ นั้น

บัดนี้ คณะกรรมการคัดเลือกบุคคลเพื่อรับทุนการศึกษาจากมหาวิทยาลัยซีอานเจียวทง (Xi'an Jiaotong University : XJTU) สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ดำเนินการสัมภาษณ์ผู้สมัคร และประมวลผลการประเมินความเหมาะสมของบุคคลเพื่อรับทุนเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับทุนดังกล่าว ดังต่อไปนี้

๑. นายสรวิชญ์ แวววีรคุปต์
๒. นายพัชรดนัย สมบัติเสถียร
๓. นายโภคิน พรหมวิจิตรการ
ไม่มีผู้ได้รับคัดเลือกสำรอง

ทั้งนี้ ขอให้ผู้มีรายชื่อเป็นผู้มีสิทธิได้รับทุนข้างต้นนี้ รายงานตัวเพื่อยืนยันการรับทุนกับมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ผ่านระบบออนไลน์ ในวันเสาร์ที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ เวลา ๑๓.๐๐ - ๑๕.๐๐ น. ทาง URL https://meeting-nstda.webex.com/meet/renuka และกรอกรายละเอียดในแบบฟอร์มยืนยันการรับทุนการศึกษาในเอกสารแนบท้าย แล้วส่งให้มูลนิธิฯ ทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ nfo@princess-it.org ภายในวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ เวลา ๑๗.๐๐ น.

หากผู้มีสิทธิได้รับทุนไม่มารายงานตัวตามกำหนดดังกล่าว โดยมิได้แจ้งให้มูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทราบ จะถือว่าสละสิทธิ์การรับทุนในครั้งนี้

อนึ่ง มูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะพิจารณาเพิกถอนการให้ทุนแก่ผู้มีสิทธิได้รับทุน หากเข้ากรณีใดกรณีหนึ่ง ดังนี้

๑. ผู้มีสิทธิได้รับทุนไม่สามารถดำเนินการสมัครเข้าศึกษาตามเงื่อนไขของมหาวิทยาลัยซีอานเจียวทงได้ภายในวันที่มหาวิทยาลัยกำหนด

๒. หากคณะกรรมการตรวจสอบภายหลังพบว่า ผู้มีสิทธิได้รับทุนเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติไม่ตรงตามที่กำหนดในประกาศรับทุน

๓. ผู้มีสิทธิได้รับทุนหลีกเลี่ยงและละเลย การรายงานตัวหรือปฏิบัติตามที่มูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศ ตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี กำหนด

๔. ผู้มีสิทธิได้รับทุนหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงกำหนดการเดินทางไปศึกษาต่อเมื่อมหาวิทยาลัยซีอานเจียวทง ตอบรับแล้ว

๕. ผู้มีสิทธิได้รับทุนไม่ได้รับการตอบรับให้เข้าศึกษาจากมหาวิทยาลัยซีอานเจียวทง


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STUDY TIMES
Take Me Top