Saturday, 20 April 2024
NEWS

‘ปตท.’ คว้ารางวัล ‘ประชาบดี’ ประจำปี 2566 เชิดชูเกียรติช่วยเหลือสังคมด้วยใจอาสา

เมื่อไม่นานมานี้ นายนิสิต พงษ์วุฒิประพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่เลขานุการบริษัทและองค์กรสัมพันธ์ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เป็นผู้แทน นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. เข้ารับโล่และเข็มรางวัลประชาบดี ประเภทบุคคลผู้ทำคุณประโยชน์ ประจำปี 2566 จากนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ประธานในพิธีมอบรางวัล ‘ประชาบดี’ ประจำปี 2565 และประจำปี 2566 ซึ่งจัดขึ้นโดยกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เพื่อเชิดชูเกียรติแก่ผู้ทำประโยชน์ดีเด่นที่มุ่งมั่นช่วยเหลือผู้ที่อยู่ในสภาวะยากลำบากและทำงานด้านสังคมด้วยใจจิตอาสา ณ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

‘ณัฐนันดา-วัตรธพงษ์’ โชว์ลีลาเก็บแต้มในการแข่งอินไลน์สเกต คว้าเหรียญทองแดงจากศึกเอเชียนเกมส์ มาฝากคนไทยได้สำเร็จ

เมื่อวันที่ 4 ต.ค. 66 ‘ณัฐนันดา ปสุตนาวิน’ และ ‘วัตรธพงษ์ คงปาน’ 2 นักโรลเลอร์สเกตทีมชาติ คว้า 1 เหรียญทองแดง จากการแข่งขันประเภทอินไลน์ ฟรีสไตส์ สเกต สลาลอม คู่ผสม ในมหากรรมกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 หรือ ‘หางโจวเกมส์’ ที่เมืองหางโจว ประเทศจีน

ในการแข่งขัน 2 นักกีฬาไทย ที่โชว์ลีลาบนล้อสเกตลงฐานต่างๆ เก็บคะแนนคว้าเหรียญทองแดงมาครอง มีแต้มเสีย 15 คะแนน และเป็นเหรียญแรกของทีม ‘เอ็กซ์ตรีมไทย’ อีกด้วย

โดยเหรียญทองตกเป็นของนักกีฬาเจ้าภาพจีน จ้าง เหา, จู้ ซีอี้ แต้มเสีย 7 คะแนน และเหรียญเงินเป็นของมิกะ โมริโติก, ทาอิกิ ชิบากากิ จากญี่ปุ่น เสีย 14 คะแนน

ส่วน ‘ศิรินทร์ทิพย์ รักอักษร’ กับ ‘ปณิฐิ พวงสายใจ’ นักกีฬาไทยอีกคู่ได้อันดับ 6 เสีย 29 คะแนน

หลังจบการแข่งขัน ‘ณัฐนันดา’ กับ ‘วัตรธพงษ์’ เปิดเผยร่วมกันว่า รู้สึกดีใจ และภูมิใจมากที่สามารถคว้าเหรียญแรก ในเอเชียนเกมส์ครั้งนี้ให้กับทีมเอ็กซ์ตรีมได้สำเร็จ เนื่องจากทุกคนฝึกซ้อมกันมาดี ทุ่มเทอย่างเต็มที่ การได้เหรียญครั้งนี้ถือว่าทำได้ตามเป้าหมาย ทำได้ตามแผนที่วางไว้ ก็ต้องขอขอบคุณทาง ‘คุณภูริต ภิรมย์ภักดี’ นายกสมาคมกีฬาเอ็กซ์ตรีมแห่งประเทศไทย, การกีฬาแห่งประเทศไทย, ผู้สนับสนุนทุกภาคส่วน และทีมงานผู้ฝึกสอน ที่ทำให้พวกเราคว้าเหรียญกลับไปฝากแฟนกีฬาชาวไทยได้สำเร็จ

สุดช็อก!! เหตุกลั่นแกล้งในโรงเรียนที่ ‘ญี่ปุ่น’ พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ เผย ปี 2022 พบเด็กขาดเรียน-ถูกแกล้ง-ใช้ความรุนแรงกว่า 6 แสนเคส

เมื่อวันที่ 4 ต.ค. 66 สำนักข่าวซินหัว, โตเกียว รายงานว่า กระทรวงศึกษาธิการ วัฒนธรรม กีฬา วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีของประเทศญี่ปุ่น รายงานว่ากรณีกลั่นแกล้งอันเป็นที่รับรู้ในโรงเรียนของญี่ปุ่น พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์กว่า 680,000 กรณีในปีการศึกษา 2022

ผลสำรวจจากกระทรวงฯ พบว่ากรณีกลั่นแกล้งอันเป็นที่รับรู้ในโรงเรียนประถม มัธยมต้น และมัธยมปลายของญี่ปุ่นในปีการศึกษา 2022 ซึ่งสิ้นสุดเดือนมีนาคม รวมอยู่ที่ 681,948 กรณี เพิ่มขึ้นจากปีการศึกษาก่อนหน้ามากกว่า 60,000 กรณี และเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นปีที่ 10

กรณีกลั่นแกล้งอันเป็นที่รับรู้ในโรงเรียนของญี่ปุ่นในปีการศึกษา 2022 แบ่งเป็นโรงเรียนประถม 551,944 กรณี โรงเรียนมัธยมต้น 111,404 กรณี โรงเรียนมัธยมปลาย 15,568 กรณี และโรงเรียนการศึกษาพิเศษ 3,032 กรณี

ทั้งนี้ มีกรณีกลั่นแกล้งอันเป็นที่รับรู้ในโรงเรียนของญี่ปุ่นที่ถูกพิจารณาเป็นกรณี ‘ร้ายแรง’ เนื่องด้วยเด็กที่ถูกกลั่นแกล้งฆ่าตัวตายหรือไม่มาเรียนทั้งหมด 923 กรณี

ผลสำรวจยังพบโรงเรียนในญี่ปุ่น 29,842 แห่ง หรือคิดเป็นร้อยละ 82.1 เผยว่ามีการรับรู้ถึงกรณีกลั่นแกล้ง ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีการศึกษาก่อนหน้า ขณะจำนวนพฤติกรรมใช้ความรุนแรงและการไม่เข้าเรียนพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ด้วย

สำหรับปีการศึกษา 2022 ญี่ปุ่นมีเด็กขาดเรียนเป็นเวลา 30 วันขึ้นไป เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นปีที่ 10 อยู่ที่ 299,048 คน ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์ และเพิ่มขึ้นกว่า 54,000 คน หรือร้อยละ 22 จากปีการศึกษาก่อนหน้า

‘เพจดัง’ ฉะ!! ‘นโยบายปลอด 0 ร มส’ กัดกินการศึกษาไทย มองผิวเผินดีเลิศ แท้จริงทำเด็กขาดวินัย-ไร้ความรับผิดชอบ

(5 ต.ค. 66) เพจวันนั้นเมื่อฉันสอน ซึ่งเป็นเพจของครูหนุ่มในพื้นที่ต่างจังหวัดที่มีผู้ติดตามกว่า 1.6 แสนคน ได้เขียนบทความเรื่อง ‘นโยบายปลอด 0 ร มส กำลังผลิตเด็กที่ขาดความรับผิดชอบ’ ระบุว่า ดาบสองคมของนโยบายที่แสนดี พูดความจริงได้มั้ยกับการศึกษาไทย ถ้าพูดไม่ได้ทุกอย่างมันก็ดีเลิศประเสริฐศรีมณีเด้ง แต่ถ้าพูดได้คุณจะได้รับฟังความจริงอีกด้าน

นโยบายปลอด 0 ร มส แนวคิดอันแสนดีของระบบการศึกษาที่จะนำพาประเทศเราไปสู่ฝั่งฝัน เพราะเด็กทุกคนตั้งใจเรียนครูเอาใจใส่ช่วยเหลือเด็กให้จบการศึกษาได้ทุกคน

แต่ความจริงแล้วกลับไม่เป็นอย่างนั้นเพราะเด็กเกิดความรู้สึกว่า ‘เรียนยังไงก็ผ่าน’ ‘ไม่ส่งงานก็ผ่าน’ ‘ทำยังไงก็ผ่านวันสุดท้ายค่อยไปแก้’

สิ่งเหล่านี้ได้ก่อให้เกิดเด็กที่ไม่มีความรับผิดชอบออกมากมายสู่สังคม คนตั้งใจเรียนก็ท้อใจเพราะคนที่ไม่ตั้งใจก็ผ่านเหมือนกันจนไม่รู้ว่าจะทำดีไปทำไมเพราะไม่เรียนก็ผ่านเหมือนกัน ครูเองก็ถูกบีบให้ตัดสินด้วยผลการเรียนปลอม ๆ ออกมา

ผมเคยคุยกับ ผอ.ของผมท่านหนึ่งเรื่องการรายงานผลอ่านเขียนว่าจะให้รายงานตามความจริงไหม ? ทำไมต้องถามอย่างงั้นล่ะเพราะสถานศึกษาบางแห่งเมกคะแนนสอบจนเป็นเรื่องปกติ ผลการสอบเลิศหรูแต่เด็กก็อ่านไม่ออกก็มี มีการโกงข้อสอบเอาเฉลยมาให้บอก และที่มันเป็นแบบนี้ส่วนหนึ่งเพราะนโยบายที่บีบลงมาต้องได้ 90 เต็มร้อย จึงจะมีหน้าตาอยู่ได้

ระบบที่ครูพูดความจริงไม่ได้ ระบบที่ครูตัดสินตามความจริงไม่ได้กำลังกัดกินการศึกษาไทย ในชั้นเรียนระดับมัธยมเราจะเจอทั้งเด็กที่อ่านไม่ออกท่องสูตรคูณไม่ได้เป็นเรื่องปกติ ‘เพราะอ่านไม่ออกก็ได้เลื่อนชั้นอยู่ดี’

ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราต้องตั้งคำถามว่า สิ่งที่เป็นอยู่มันดีแล้วจริง ๆ ใช่ไหมกับการทำให้เด็กเกิดความคิดว่า ‘เรียนอย่างไรก็ได้ ทำยังไงก็ผ่าน’

ถ้ามันดีจริงก็คงไว้ แต่ถ้ามันไม่ได้ดีอย่างที่คิดก็ควรเกิดการเปลี่ยนแปลงปัญหาการศึกษาเป็นปัญหาของทุกคนเพราะถ้าเด็กคนหนึ่งได้รับการศึกษาที่ไม่มีคุณภาพวันหนึ่งเขาอาจจะเป็นภัยของสังคม ลูกคุณเรียนเก่งแล้วเรียนดีแล้ว คุณให้การอบรมสั่งสอนที่ดี แต่วันหนึ่งเขาอาจจะถูกทำร้ายจากเด็กคนอื่นที่ขาดการศึกษาที่ดีของสังคมก็ได้

จงอย่ารอให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้น

‘3 นักวิทย์’ ผู้ค้นพบ ‘ควอนตัมดอท’ วัสดุแห่งอนาคต ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเคมี ประจำปี 2023

เมื่อวานนี้ (4 ต.ค. 66) Royal Swedish Academy of Sciences ได้ตัดสินให้รางวัลโนเบลสาขาเคมี ประจำปี 2023 ตกเป็นของ Moungi G. Bawendi, Louis E. Brus และ Alexei I. Ekimov จากผลงาน ‘การค้นพบและการสังเคราะห์ควอนตัมดอท’

ควอนตัมดอท (Quantum dots) เป็นอนุภาคที่มีขนาดเล็กมากในระดับนาโนเมตร (10^-9 m) ซึ่งมีคุณสมบัติที่น่าทึ่งและน่าสนใจมากมาย โดยขนาดที่แตกต่างกันจะเป็นตัวกำหนดคุณสมบัติของพวกมัน ตัวอย่างที่เห็นเด่นชัดคือ ควอนตัมดอทจะมีสีที่แตกต่างกันขึ้นกับขนาดของตัวมันเอง 

ควอนตัมดอทมีความสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาทางด้านนาโนเทคโนโลยี ซึ่งปัจจุบันมีการนำไปประยุกต์ใช้อย่างหลากหลาย เช่น เทคโนโลยีการแสดงผล (display technology) ทั้งในคอมพิวเตอร์และโทรทัศน์ การพิมพ์ภาพทางชีวภาพ (bioimaging) เพื่อระบุตำแหน่งและติดตามเซลล์รวมถึงสารชีวโมเลกุลภายในร่างกาย เซ็นเซอร์ทางชีวภาพ (biological sensors) ตัวนำสารเคมีเพื่อไปรักษาเฉพาะจุด อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ควอนตัมดอทเป็นแหล่งกำเนิดโฟตอนเดี่ยวสำหรับการทดลองทางควอนตัม ฯลฯ

ความสำเร็จของผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเคมีทั้ง 3 ท่านในครั้งนี้ นับเป็นแรงกระเพื่อมที่สำคัญให้เกิดการศึกษาและพัฒนาเทคโนโลยีควอนตัมดอท โดยนักวิจัยต่างเชื่อว่าวัสดุแห่งอนาคตชนิดนี้จะนำประโยชน์มหาศาลมาสู่มวลมนุษยชาติอย่างแน่นอน

‘NRPT’ จับมือ ‘ION’ เดินเครื่องโรงงาน Plant & Bean (Thailand) ปฏิวัติอุตสาหกรรมอาหาร ผลิตโปรตีนจากพืชด้วยพลังงานโซลาร์

เมื่อไม่นานมานี้ บริษัท เอ็นอาร์พีที จำกัด ร่วมกับ บริษัท ไอออน เอนเนอร์ยี่ จำกัด เดินเครื่องกำลังการผลิตโปรตีนจากพืชด้วยพลังงานโซลาร์ ขนาดติดตั้ง 389.61 kWp โดยผ่านการทดสอบระบบแล้ว 3 เดือน ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 800 kWh ต่อวัน สร้างปรากฎการณ์ใหม่แห่งความยั่งยืน ตั้งแต่การผลิตด้วยพลังงานสะอาด ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนเดือนละ 27 ตัน ลดต้นทุนค่าไฟฟ้าได้ถึง 30% สร้างความได้เปรียบในการควบคุมต้นทุนการผลิต พร้อมช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึงอาหารโปรตีนทางเลือกจากพืช ด้วยราคาที่เข้าถึงได้ ตอบโจทย์คนรักสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด เปิดเผยว่า โรงงาน Plant & Bean (Thailand) ของ NRPT เป็นโรงงานผลิตอาหารโปรตีนจากพืชครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ด้วยกำลังการผลิตสูงสุดที่ 25,000 ตันต่อปี โดยจะเริ่มเปิดดำเนินการระยะแรก ไตรมาส 4 ปี 2566 ที่กำลังการผลิต 3,000 ตันต่อปี สายการผลิตของโรงงานถูกออกแบบเป็นกึ่งอัตโนมัติเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต 

ขณะเดียวกัน บริษัทมุ่งเน้นในเรื่อง ESG (Environmental, Social and Governance) ดังนั้นการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในกระบวนการผลิต นอกจากจะช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกของโรงงาน ยังช่วยลดภาระค่าไฟได้มากถึง 30% ต่อเดือน เป็นการบริหารจัดการต้นทุนพลังงานที่จะทำให้บริษัทสามารถแข่งขันได้ และได้รับการยอมรับจากลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ดังนั้นความร่วมมือในครั้งนี้จะสร้างความเปลี่ยนแปลงตั้งแต่กระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต และเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคที่ต้องการการดูแลทางด้านโภชนาการได้เข้าถึงผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพได้ง่ายยิ่งขึ้นตามเป้าหมายของกลุ่ม ปตท. ที่ต้องการสร้างอุตสาหกรรมใหม่ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

นายเกียรติ์กมล ตั้งงามจิตต์ กรรมการผู้จัดการ โรงงานแพลนท์ แอนด์ บีน (ประเทศไทย) กล่าวว่า “ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา การผลิตด้วยพลังงานสะอาดนี้ช่วยให้โรงงานของ NRPT สามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้เดือนละ 27 ตัน ซึ่งคาดว่าภายใน 1 ปีจะสามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้ถึง 324 ตัน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงการผลิตมาสู่พลังงานสะอาดในครั้งนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ เนื่องจากการขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาดของ NRPT ในฐานะผู้ผลิตอาหารเพื่อความยั่งยืน ถือเป็นจุดเริ่มต้นการกำหนดรูปแบบธุรกิจที่มุ่งสู่การลดคาร์บอนตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ ทั้งจากการผลิตด้วยพลังงานจากโซลาร์เป็นการลดคาร์บอนโดยตรงแล้ว การส่งเสริมให้ผู้คนหันมาบริโภคโปรตีนจากพืช ก็เป็นอีกวิธีลดคาร์บอนอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากกระบวนการผลิตอาหารปล่อยก๊าซเรือนกระจกราว 30% ของก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดที่เกิดขึ้นบนโลก ในจำนวนนี้กว่าครึ่งหนึ่งเกิดจากการผลิตเนื้อสัตว์ ซึ่งตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อมอีกด้วย”

นายพีรกานต์ มานะกิจ ประธานอำนวยการ บริษัท ไอออน เอนเนอร์ยี่ จำกัด หรือ ION ผู้จัดหาโซลูชั่นพลังงานโซลาร์ครบวงจร ตั้งแต่การจัดหาแผงโซลาร์ การออกแบบและติดตั้ง รวมถึงการลงทุนติดตั้งโซลาร์ฟรี ผ่านการเซ็นสัญญาซื้อขายไฟภาคเอกชน หรือ Private PPA เปิดเผยว่า ION ได้ส่งมอบโครงการติดตั้งระบบพลังงานโซลาร์ครบวงจรขนาดติดตั้ง 389.61 Kilowatt Peak (kWp) ให้กับโรงงาน Plant & Bean (Thailand) โดยก่อนทำการส่งมอบงานในครั้งนี้ได้ผ่านช่วงทดสอบระบบมาแล้วตั้งแต่เดือน มิ.ย. - กลางเดือน ก.ย. 2566 พบว่าสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานโซลาร์ให้กับโรงงานได้สูงสุดวันละ 800 kWh หรือคิดเป็น 60% ของไฟฟ้าทั้งหมดที่โรงงานต้องใช้ในแต่ละวัน สามารถครอบคลุมการใช้ไฟฟ้าในช่วงกลางวันได้เกือบ 100% โดยการให้บริการของ ION จะมีระบบเชื่อมต่อระหว่างการใช้ไฟฟ้าจากโซลาร์และการใช้ไฟฟ้าจากการไฟฟ้าในช่วงกลางคืนอย่างไม่มีสะดุด เพื่อให้โรงงานสามารถเดินหน้าระบบสายการผลิตได้อย่างต่อเนื่องทั้งช่วงกลางวันและกลางคืน รวมถึงมีแอปพลิเคชัน ION Energy ที่สามารถตรวจสอบระบบการทำงาน ควบคุมการทำงาน รวมถึงสามารถตรวจสอบค่าไฟฟ้าจากโซลาร์ได้อย่างสะดวกและแม่นยำ

‘2 นักวิทย์’ ผู้พัฒนาวัคซีน mRNA ป้องกัน COVID-19 คว้ารางวัลโนเบล สาขาสรีรวิทยาหรือการแพทย์ ปี 2023

เมื่อวานนี้ (2 ต.ค.66) รางวัลโนเบลสาขาสรีรวิทยาหรือการแพทย์ ประจำปี 2023 ตกเป็นของ Katalin Karikó และ Drew Weissman จากผลงานการค้นพบที่เกี่ยวข้องกับการดัดแปลงนิวคลีโอไซด์เบส (nucleoside base) ซึ่งทำให้สามารถพัฒนาวัคซีน mRNA ที่มีประสิทธิภาพในการต่อสู้กับโรคโควิด-19 

จากการค้นพบที่ก้าวล้ำของพวกเขาได้เปลี่ยนความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับวิธีที่ mRNA มีปฏิสัมพันธ์กับระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย และมีส่วนสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทำให้สามารถพัฒนาวัคซีน mRNA ที่มีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 ได้สำเร็จ โดยช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ผ่านมา ถือเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่มวลมนุษยชาติต้องตกอยู่ในภัยคุกคามด้านสุขภาพครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์

ข่าวดี!! วันที่ 31 ตุลาคม 2566 ที่จะถึงนี้ Professor Dr. Drew Weissman หนึ่งในผู้ได้รับรางวัลโนเบล สาขาสรีรวิทยาหรือการแพทย์ ปีล่าสุด!! จะเดินทางมาเยือนประเทศไทยเพื่อบรรยายพิเศษในหัวข้อ ‘Nucleoside Modified mRNA-LNP Therapeutics’ 

ในงาน ‘การประชุมวิชาการนานาชาติว่าด้วยการเรียนการสอนคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ หลังภาวะการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019’ เพื่อเฉลิมฉลองในวาระครบรอบ 100 ปี วันประสูติ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพมหานคร

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://imsed.ipst.ac.th/ 

ปตท. มอบใบประกาศฯ หลักสูตรพลังงานเพื่อชุมชน รุ่น 9  เพื่อเตรียมพร้อมชุมชนเข้าสู่ ‘สังคมคาร์บอนต่ำ’

เมื่อเร็ว ๆ นี้ - ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีปิดและมอบประกาศนียบัตรผู้สำเร็จหลักสูตรพลังงานเพื่อชุมชน (พพช.) รุ่นที่ 9 พร้อมมอบรางวัลโครงงานเชิงปฏิบัติการดีเด่น และบรรยายพิเศษในหัวข้อ ‘พลังงานชุมชนกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน’ โดยมี นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) ร่วมแสดงความยินดีและมอบประกาศนียบัตรให้แก่ผู้สำเร็จหลักสูตรฯ จำนวน 58 คน ณ ศูนย์เอนเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์

ปตท. จัดทำหลักสูตรพลังงานเพื่อชุมชน เพื่อสร้างการพึ่งพาตนเองทางด้านพลังงานทดแทนให้แก่ชุมชน ตั้งแต่ปี 2558 โดยในปีนี้ได้เพิ่มเนื้อหาด้านนวัตกรรมพลังงานที่สามารถนำไปพัฒนาและใช้งานได้จริง เพิ่มเนื้อหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการมุ่งเข้าสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ เพื่อเตรียมพร้อมชุมชนเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ปัจจุบันมีผู้ผ่านการอบรมจนจบหลักสูตรทั้งสิ้น ประมาณ 505 คน

‘อ.วิริยะ’ ชี้ ‘การศึกษา’ คือ ‘การลงทุน’ ที่คุ้มค่าที่สุด

“การศึกษา คือ การลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด…
และส่งผลระยะยาวต่อเศรษฐกิจและสังคม”

อาจารย์วิริยะ ฤาชัยพาณิชย์ นักวิชาการอิสระ นักพูด นักเขียนด้านการศึกษา กล่าว

‘Swap & Go - OR’ รุกขยายสถานีสลับแบตฯ มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า เชื่อมต่อการเดินทางทุกรูปแบบ ตั้งเป้า 100 แห่ง ภายในปี 67

เมื่อวันที่ 27 ก.ย. 66 ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย นายสุชาติ ระมาศ ผู้อำนวยการใหญ่ นายพิมาน พูลศรี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (โออาร์) และนางสาวอาวีมาศ สิริแสงทักษิณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สวอพ แอนด์ โก จำกัด ตอกย้ำโปรเจกต์ความร่วมมือ ‘Swap & Go - Universal Battery Swapping Network Expansion Empowered by OR’ การขยายเครือข่ายแพลตฟอร์มสถานีสลับแบตเตอรี่สำหรับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าของสวอพ แอนด์ โก ที่ใช้ได้กับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าทุกรูปแบบ (Universal Swapping) ภายในสถานีบริการ PTT Station ของโออาร์ ตอบโจทย์การเดินทางที่ต้องการความสะดวกและรวดเร็ว 

เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานเป็นไปอย่างไร้รอยต่อ (Seamless Mobility) ตั้งเป้าขยายจุดให้บริการสถานีสลับแบตเตอรี่ครอบคลุมกรุงเทพฯ ปริมณฑลกว่า 100 แห่งในปี 2567 และบริการดูแลรักษาและซ่อมบำรุง ผ่านเครือข่ายสถานีบริการ PTT Station เพื่อเพิ่มสัดส่วนการใช้นวัตกรรมพลังงานสะอาดและเป็นทางเลือกของผู้บริโภคในการประหยัดค่าใช้จ่ายทางด้านพลังงาน โดยสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าทุกมิติ เพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเติบโตไปพร้อมกัน

คณะแพทยฯ ม.เกษตรฯ พร้อม!! หลังแพทยสภารับรอง เริ่มรับนิสิตรุ่นแรก ปีการศึกษา 2567 ผ่าน กสพท. 21 คน

เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้แจ้งว่า หลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต ของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ผ่านการรับรองจากแพทยสภาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีข้อความระบุว่า

“ประกาศ เรื่อง แพทยสภาให้การรับรองคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผ่านการตรวจประเมินหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต หลักสูตรใหม่ 2567 ณ วันที่ 15 กันยายน 2566”

ทั้งนี้ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มีกำหนดรับนิสิตใหม่รุ่นละ 48 คน โดยแบ่งฝึกปฏิบัติการที่โรงพยาบาลศูนย์สกลนคร และโรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช จ.สุพรรณบุรีแห่งละ 24 คน โดยขณะนี้เปิดรับสมัครนิสิตรุ่นแรก ปีการศึกษา 2567 ผ่านกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (กสพท.) นำร่องจำนวน 21 คน 

สำหรับวิชาเรียน หลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต ม.เกษตรศาสตร์ เรียน 6 ปี จำนวนหน่วยกิตตลอดหลักสูตร 244 หน่วยกิต จากโครงสร้างหลักสูตร วิชาเรียนในกลุ่มวิชาบังคับไม่ได้ต่างจากหลักสูตรของมหาวิทยาลัยอื่น ๆ เพราะจะเน้นการเรียนที่ปูพื้นฐานด้านการแพทย์และเจาะลึก รวมถึงการฝึกปฏิบัติงานในระดับชั้นคลินิก หรือ ในโรงพยาบาลกลุ่มวิชาเฉพาะที่ส่งเสริมสมรรถนะที่เป็นจุดเด่นของสถาบัน และกลุ่มวิชาเฉพาะที่ส่งเสริมศักยภาพ

อาทิ วิชาเวชศาสตร์ระดับเซลล์และโมเลกุลเพื่อการตรวจวินิจฉัยโรค, วิชาพันธุศาสตร์ทางการแพทย์และเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์, วิชาองค์ความรู้จากการศึกษาในต่างประเทศ, วิชาการฝึกปฏิบัติการดูแลประคับประคองสำหรับผู้ป่วยสูงอายุ, วิชากีฏวิทยาทางการแพทย์, วิชาพืชสวนบำบัดและสัตว์บำบัดเพื่อสุขภาพ, วิชาสุขภาพและการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ,

วิชาการพัฒนาแอปพลิเคชันการดูแลผู้ป่วย, วิชาวิทยาศาสตร์ข้อมูลทางการแพทย์และการประยุกต์, วิชาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก, วิชาพืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพ, วิชาสปาทางการแพทย์, วิชาการฝึกปฏิบัติเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ ฯลฯ 

‘ปตท.’ รับรางวัลสูงสุด ‘องค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน’ ต่อเนื่อง 3 ปีซ้อน สะท้อนองค์กรยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล-สร้างความเท่าเทียม-ยกระดับคุณภาพชีวิต

เมื่อเร็ว ๆ นี้ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธี มอบรางวัลองค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน ประจำปี 2566 (Human Rights Awards 2023)” จัดโดย กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ระดับดีเด่น ประเภทองค์กรรัฐวิสาหกิจ ให้แก่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) โดยมีนายวรพงษ์ นาคฉัตรีย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารความยั่งยืน ปตท. เป็นผู้แทนรับมอบรางวัล นับเป็นรางวัลระดับสูงสุดต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 สะท้อนการดำเนินธุรกิจของ ปตท. ที่ยึดมั่นพันธกิจดำเนินงานภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดี มีธรรมาภิบาล และเคารพซึ่งหลักสิทธิมนุษยชน เพื่อสร้างความเท่าเทียมให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย พร้อมสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับองค์กรในระยะยาว และยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนและสังคมไทยให้เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน

2 วงดนตรี ‘เตรียมอุดมศึกษา-หน้าโรงเรียน’ คว้ารางวัลชนะเลิศ ในการประกวด ‘THE POWER BAND 2023 Season 3’

ใกล้ความฝันสู่การเป็นศิลปินมืออาชีพเข้ามาอีกขั้น! เมื่อบรรดาเหล่าคนดนตรีได้พิสูจน์ฝีมือ และสร้างสรรค์พลังทางดนตรีในแบบฉบับของตนเองอย่างเข้มข้นบนเวทีประกวดวงดนตรีคุณภาพระดับประเทศ THE POWER BAND 2023 Season 3 ที่จัดขึ้นโดยกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ร่วมกับวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล และ 6 ค่ายเพลงดัง ได้แก่ Muzik Move, LOVEiS Entertainment, Smallroom, What The Duck, Warner Music Thailand และ XOXO Entertainment ซึ่งได้ 2 วงดนตรีที่ชนะเลิศจากการประกวดจาก Class A และ Class B ไปแล้วเมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ โรงละคร อักษรา คิง เพาเวอร์ โดยมีนายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ และ ศาสตราจารย์ นายแพทย์บรรจง มไหสวริยะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ให้เกียรติเป็นผู้มอบรางวัล

โดยในปีนี้ ผู้ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศทุกวงได้พกความมั่นใจ เพื่อประชันความสามารถทางดนตรีกันอย่างเต็มที่ ต่อหน้าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายสาขาอาชีพในวงการเพลงทั้งไทยและต่างชาติ ประกอบด้วย พล คชภัค ผลธนโชติ ผู้บริหารค่าย Boxx Music และ Zircle Muzik, โอ๊บ เพิ่มศักดิ์ พิสิษฐ์สังฆการ ผู้บริหารค่าย Move Records, Associate Professor Giorgi Mikadze นักเปียโน - นักประพันธ์ดนตรีชาวจอร์เจีย จากวิทยาลัยดนตรีเบิร์กเลย์, เป้ ไพสิฐ คำกลั่น หรือ Pae Sax Producer และศิลปินจากค่าย Melodic Corner และ ศรุติ วิจิตรเวชการ หัวหน้าสาขาวิชาดนตรีแจ๊ส ม.มหิดล ซึ่งเกณฑ์การตัดสินพิจารณาจากหลากหลายคุณสมบัติ ทั้งสไตล์การร้องและการโชว์ที่เป็นเอกลักษณ์ การเรียบเรียงองค์ประกอบของดนตรี ความเข้าใจในทฤษฎีดนตรี ทักษะการเล่นเครื่องดนตรี ความสมบูรณ์ของการเล่นเป็นวง และการขับร้อง รวมไปถึงความคิดสร้างสรรค์อันยอดเยี่ยม

นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ กล่าวว่า กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ มุ่งมั่นส่งเสริมศักยภาพของคนไทยทางด้านดนตรีอย่างต่อเนื่อง ผ่านการจัดเวทีประกวดวงดนตรีคุณภาพระดับประเทศ THE POWER BAND ซึ่งในปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 3 แล้ว ที่ผ่านมา เราได้เห็นเยาวชนไทยที่มีศักยภาพได้สร้างโอกาส และพลังแห่งความเป็นไปได้ให้เกิดและเติบโตขึ้นบนเส้นทางสายดนตรี โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เวทีนี้จะช่วยให้พวกเขาได้พัฒนาตนเองให้ได้ไปอยู่ในจุดสูงสุด เป็นการเพิ่มพูนทักษะ และประสบการณ์ให้มากขึ้นอีกด้วย

Associate Professor Giorgi Mikadze นักเปียโน และนักประพันธ์ดนตรีชาวจอร์เจีย จากวิทยาลัยดนตรีเบิร์กเลย์ หนึ่งในคณะกรรมการตัดสิน กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสมาชมการแข่งขัน THE POWER BAND ในครั้งนี้ และรู้สึกชื่นชมในความสามารถทางด้านดนตรีของคนไทย สิ่งสำคัญคือ ให้มีความสุขกับการเล่นดนตรี และหมั่นฝึกซ้อมเป็นประจำ วันนี้ ได้เห็นนักดนตรีไทยทั้งรุ่นเด็กและผู้ใหญ่ที่มีศักยภาพสูง และมั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จในอนาคตอย่างแน่นอน

สำหรับ 2 วงดนตรี ที่คว้ารางวัลชนะเลิศ บนเวที THE POWER BAND 2023 Season 3

ประเภทรุ่นมัธยมศึกษา Class A ได้แก่ วงเตรียมอุดมศึกษา จากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กรุงเทพฯ รับถ้วยรางวัลเกียรติยศ และเงินรางวัล 150,000 บาทไปครอง นายชลธาร เซ็นเชาวนิช ตัวแทนวงเตรียมอุดมศึกษา กล่าวว่า ทุกคนในวงได้ทำในสิ่งตนเองรักคือการเล่นดนตรี เราตั้งใจกับการประกวดครั้งนี้มาก ๆ โดยได้ดึงจุดเด่นเรื่องดนตรีไทยร่วมสมัยออกมาโชว์ครับ เพราะอยากสร้างความแตกต่าง ไม่อยากให้คนไทยลืมดนตรีไทยไป เวที THE POWER BAND 2023 Season 3 ถือเป็นก้าวแรกที่ทำให้วงของพวกเราประสบความสำเร็จไปอีกขั้นในเส้นทางสายดนตรี สามารถต่อยอดไปทำอย่างอื่นในวงการเพลงได้อีกเยอะ ที่สำคัญยังได้มิตรภาพจากเพื่อนต่างโรงเรียนอีกด้วยครับ

ประเภทรุ่นบุคคลทั่วไป ไม่จำกัดอายุ Class B ได้แก่ วงหน้าโรงเรียน จ.ศรีสะเกษ รับถ้วยรางวัลเกียรติยศ และเงินรางวัล 150,000 บาท นางสาวภัทรภร เติมทานาม ตัวแทนวงหน้าโรงเรียน กล่าวว่า วินาทีแรกที่ประกาศผลว่าได้แชมป์ พวกเราดีใจกันมาก ๆ เพราะทุกคนทุ่มเทฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อการประกวดในครั้งนี้ เวที THE POWER BAND ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับทุกคนในวง ก่อนหน้านี้พวกเราได้มีโอกาสได้เข้าแคมป์ดนตรีด้วย เราได้คอมเมนต์จากกูรูคนดนตรีให้ได้ไปพัฒนาต่อ เป็นสิ่งที่ดีมาก ๆ สำหรับคณะกรรมการตัดสินทุกคนเป็นมืออาชีพ เป็นคนที่เรายอมรับการตัดสินได้ ทุกคอมเม้นต์เป็นประโยชน์ทุกอย่างค่ะ ขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีจาก คิง เพาเวอร์ และทุก ๆ พันธมิตรที่เปิดโอกาสให้พวกเรามีพื้นที่โชว์ศักยภาพอย่างเต็มที่ค่ะ

ทั้งนี้ผู้ชนะเลิศทั้งสองวงจะได้ร่วมทำซิงเกิลเพลง และมิวสิกวิดีโอกับค่ายเพลงภายใต้การดูแลของ บริษัท มิวซิกมูฟ จำกัด อีกด้วย

นอกจากนี้ ภายในงานทุกคนยังได้ชมการแสดงมินิคอนเสิร์ตจากวงป๊อปแถวหน้าของไทย TATTOO COLOUR และศิลปินรุ่นน้อง SERIOUS BACON ที่มาร่วมโชว์พลังเสียงในฐานะศิลปินไอดอลของงาน THE POWER BAND 2023 Season 3 สร้างความสนุกสนานและความสุขให้ทุกคนอย่างเต็มที่ สามารถติดตามการประกาศผลรางวัลรอบชิงชนะเลิศทั้งหมดของเวทีประกวดวงดนตรีคุณภาพระดับประเทศ THE POWER BAND 2023 Season 3 ได้ที่ช่องทาง Facebook และ Instagram King Power Thai Power พลังคนไทย

‘กัมมี่กลิ่นรสตรีผลาและโคล่า’ แบรนด์ อินนอริช กับครั้งแรกที่มีรสสมุนไพร เคี้ยวสนุก ได้ประโยชน์ ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่

เมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัท อินโนบิก นูทริชั่น จำกัด ในกลุ่ม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจโภชนาการ เพื่อสุขภาพ ตอบโจทย์ความต้องการด้านโภชนาการของคนไทย เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ‘กัมมี่กลิ่นรสตรีผลาและโคล่า’ แบรนด์อินนอริช (Innourish) ครั้งแรกของกลิ่นรสสมุนไพรตรีผลาในรูปแบบกัมมี่ ที่เคี้ยวสนุกครบรส ดึงจุดแข็งสมุนไพรไทย ‘ตรีผลา’ ที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ปรับสมดุล ผสานความหอมของกัมมี่กลิ่นรสโคล่า อร่อย ทานง่าย ได้ประโยชน์ เดินหน้าเตรียมกลยุทธ์ รุกตลาดคนรุ่นใหม่ และวัยทำงาน ด้วยพรีเซ็นเตอร์หนุ่มอารมณ์ดี ‘มาริโอ้ เมาเร่อ’ เจ้าของนิยาม ‘รสชาติมันโอ้’ 

ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด เปิดเผยว่า อินโนบิก (เอเซีย) ได้จัดตั้งบริษัท อินโนบิก นูทริชั่น จำกัด ดำเนินธุรกิจโภชนาการทางการแพทย์ (Medical Nutrition) และโภชนเภสัช (Nutraceutical) อย่างครบวงจร เพื่อต่อยอดงานวิจัยและการพัฒนาผลิตภัณฑ์โภชนาการสุขภาพออกสู่ตลาด เพิ่มความหลากหลายให้กับผู้บริโภค และสร้างมูลค่าให้เศรษฐกิจไทย และด้วยการเป็นบริษัทของคนไทยที่เล็งเห็นศักยภาพของสมุนไพรไทย ประกอบกับปัจจุบันผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจกับผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรธรรมชาติ ที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เป็นอีกทางเลือกในการบริโภค เราจึงมีความตั้งใจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรดั้งเดิมของไทย เป็นขนมทานเล่นที่ได้คุณภาพมาตรฐาน และเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ซึ่งการพัฒนานี้จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสมุนไพรไทย และเป็นความท้าทายที่ต้องอาศัยการทำงานร่วมกับพันธมิตรแนวหน้าในการคิดค้น วิจัย และพัฒนาต่อยอดให้ตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภค

”หนึ่งในเป้าหมายสำคัญคือ การสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับคนทุกเพศ ทุกวัย ได้ทดลองขนมรูปแบบใหม่ โดยใช้ข้อจำกัดของรสชาติสมุนไพรเป็นแรงบันดาลใจและความท้าทายในการพัฒนาผลิตภัณฑ์กัมมี่กลิ่นรสตรีผลาและโคล่า ภายใต้แบรนด์อินนอริช ให้อร่อย ทานง่าย และยังได้ประโยชน์ด้วย ซึ่งความตั้งใจนี้ พิสูจน์ได้จากการได้รับรางวัลระดับโลกอย่าง Superior Taste Award 2023 จาก International Taste Institute ที่เป็นเครื่องการันตีรสชาติความอร่อย”

รศ.ดร.นพ.ประวิทย์ อัครเสรีนนท์ หัวหน้าสถานการแพทย์แผนไทยประยุกต์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เผยถึงสรรพคุณของสมุนไพรตรีผลา ว่า “ตรีผลาเป็นยาแผนโบราณที่มีส่วนผสมจากผลไม้ 3 ชนิด คือ มะขามป้อม ให้วิตามินซีสูง ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ สมอไทย มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ ช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบขับถ่าย และสมอพิเภก ให้คุณสมบัติในการปรับสมดุลธาตุ ในอดีตตรีผลาเป็นยาแผนโบราณมักใช้ในรูปแบบยาต้ม แม้จะมีสรรพคุณหลายด้าน แต่จะถูกพูดถึงเรื่องของรสชาติที่ทานยาก ทำให้หลายคน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ เข้าไม่ถึงสมุนไพรชนิดนี้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องน่ายินดีที่อินโนบิก นูทริชั่น ได้พัฒนาและดึงศักยภาพของ 'ตรีผลา' มาต่อยอดเป็นกัมมี่กลิ่นรสตรีผลาและโคล่าได้สำเร็จ ทำให้สมุนไพรไทยสามารถเข้าถึงผู้บริโภครุ่นใหม่ เชื่อว่ากัมมี่ตัวนี้จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มาแรงด้วยรสชาติ ความแปลกใหม่ และจุดแข็งที่สรรพคุณเฉพาะตัว” 

ภก.กิตติณัฐ ศรภิญญา กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินโนบิก นูทริชั่น จำกัด กล่าวว่า “กัมมี่กลิ่นรสตรีผลาและโคล่า แบรนด์ อินนอริช (Innourish) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ อินโนบิก นูทริชั่น มุ่งมั่นพัฒนาให้เป็นทางเลือกใหม่ของคนรุ่นใหม่ ในรูปแบบของกัมมี่กลิ่นรสสมุนไพร ทานสนุก เคี้ยวง่าย รสชาติอร่อย และด้วยเป้าหมายเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ จึงได้ดึงนักแสดงหนุ่ม ‘มาริโอ้ เมาเร่อ’ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ด้วยบุคลิกขี้เล่น สนุกสนาน ของมาริโอ้ที่ตรงกับคาแรคเตอร์ของกัมมี่อย่างกลมกล่อมลงตัว จึงเหมาะที่จะเข้ามาเสริมความสนุกของแบรนด์และส่งต่อไปยังกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี”

สัมผัสความอร่อยสไตล์ใหม่ ในราคาซองละ 38 บาท ได้แล้ววันนี้ที่ Tops, Gourmet Market, Jiffy, Villa Market, Foodland, Fascino หรือ Innobic Official Store ใน Shopee Lazada และ TikTok Shop สามารถติดตามโปรโมชั่นและกิจกรรมพิเศษต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่  https://www.facebook.com/Innourish

‘กองทุนดีอี’ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโครงการ 5G ต้นแบบ หลัง ม.เชียงใหม่ได้รับทุนนำร่องขยายบริการเข้าถึงประชาชน

สดช. ลงพื้นที่เชียงใหม่ ตรวจเยี่ยมโครงการนำร่องการพัฒนาย่านเทคโนโลยี 5G ต้นแบบ สำหรับให้บริการประชาชน (5G District)

เมื่อวันที่ 21-22 ก.ย. 66 นายภุชพงค์ โนดไธสง เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) พร้อมด้วยนายสมบูรณ์ เมฆไพบูลย์วัฒนา ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการบริหารเทคโนโลยีดิจิทัลและการสื่อสาร’ นายสมเกียรติ ศิริวัฒนโชค ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการบริหารจัดการเชิงนโยบาย พร้อมด้วย  นางสุรีพร พรโสภณวิชญ์ ผู้อำนวยการกองบริหารกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, และผู้บริหารจากสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อตรวจเยี่ยมโครงการนำร่องการพัฒนาย่านเทคโนโลยี 5G ต้นแบบ สำหรับให้บริการประชาชน (5G District) ส่วน 5G Smart Health เพื่อพัฒนาแนวทางและประยุกต์ใช้ระบบเทคโนโลยี 5G ในการส่งเสริมการให้บริการการแพทย์ 5G Smart Ambulance สำหรับบริหารจัดการรถพยาบาลแบบรวมศูนย์ และ Telemedicine สำหรับโรงพยาบาลประจำอำเภอในเขตจังหวัดภาคเหนือตอนบน

โดยโครงการดังกล่าว เป็นโครงการของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งเป็นผู้ได้รับทุนจากกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มีแหล่งข้อมูล (Big Data) เพื่อนําไปวิเคราะห์และประมวลผลต่อในด้านการพัฒนาพื้นที่ให้เหมาะสมต่อประชากรในท้องถิ่นระบบเชื่อมโยงและข้อมูลระหว่างกลุ่มข้อมูลแบบเรียลไทม์ ณ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และโรงพยาบาลสันทราย จ.เชียงใหม่


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STUDY TIMES
Take Me Top