Friday, 9 June 2023
NEWS

‘6.6.66’ on-ion ผนึก Sand Haus เปิดให้บริการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบบ DC fast charger

ออน-ไอออน (on-ion) ภายใต้บริษัท อรุณ พลัส จำกัด (ARUN PLUS) รุกขยายเครือข่ายสถานีอัดประจุสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (on-ion EV Charging Station) ให้แข็งแกร่งและครอบคลุมมากขึ้น ณ โครงการแซนด์เฮาส์ เหม่งจ๋าย (Sand Haus) เพื่อรองรับการเติบโตของตลาด EV ให้พลังงานทางเลือกอยู่ใกล้ตัวกว่าที่คิด พร้อมสนับสนุนให้คนไทยใช้พลังงานสะอาด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยเครื่องอัดประจุไฟฟ้าชนิดกระแสสลับ (AC normal charger) และชนิดกระแสตรง (DC fast charger) โดยพร้อมเปิดให้บริการ 6 มิถุนายน 2566 นี้

นายเชิดชัย บุญชูช่วย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กลุ่ม ปตท. โดยบริษัท อรุณ พลัส จำกัด (ARUN PLUS) ได้เดินหน้าตามภารกิจในการขยายฐานธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร เพื่อร่วมสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นในทุกมิติ โดยเฉพาะการขยายเครือข่ายสถานีชาร์จภายใต้แบรนด์ ออน- ไอออน (on-ion EV Charging Station) บนทำเลศักยภาพร่วมกับ “Sand Haus” คอมมิวนิตี้มอลล์แห่งใหม่ย่านเหม่งจ๋าย– ประชาอุทิศ ที่เดียวจบครบ ร้านของกิน คาเฟ่ คลินิก สถาบันเสริมพัฒนาการเด็ก และคอร์ดแบดขนาดใหญ่ เพื่อขับเคลื่อนสังคมคาร์บอนต่ำ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเพิ่มความสะดวกสบายให้ผู้ใช้ EV ด้วยพลังงานสะอาด

นางสาวนันทนัช ครองมงคลกุล ผู้บริหารโครงการแซนด์เฮาส์ กล่าวว่า การร่วมมือกับออน-ไอออนในครั้งนี้จะเป็นการขยายเครือข่ายสถานีชาร์จให้ครอบคลุมและตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ EV มากยิ่งขึ้น สำหรับสถานี Sand Haus แห่งนี้ เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 06.00 – 24.00 น. ให้บริการด้วยเครื่อง DC fast charger ขนาดกำลังไฟ 100 กิโลวัตต์ จำนวน 2 ช่องจอด สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (BEV: Battery Electric Vehicle) ทุกรุ่น ทุกแบรนด์ที่รองรับหัวชาร์จ CCS2 และให้บริการด้วยเครื่อง AC normal charger ขนาดกำลังไฟ 22 กิโลวัตต์ จำนวน 3 ช่องจอด รองรับรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด (PHEV : Plug-in Hybrid) และรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (BEV: Battery Electric Vehicle) ทุกรุ่น ทุกแบรนด์ที่มีหัวชาร์จ Type 2 ควบคุมการใช้งานผ่าน on-ion Mobile Application ทั้งในระบบ Android และ iOS

on-ion และ Sand Haus พร้อมส่งเสริมการใช้ EV อย่างเต็มรูปแบบ โดยมอบโปรโมชัน “ช้อป ช่วย ชาร์จ” ให้แก่ลูกค้าที่ใช้จ่ายในโครงการ Sand Haus เหม่งจ๋าย ครบ 500 บาทต่อวัน (รวมใบเสร็จได้) สามารถนำใบเสร็จมาแลกคูปองส่วนลดค่าบริการชาร์จ EV มูลค่าไม่เกิน 60 บาท ตั้งแต่วันนี้ – 31 สิงหาคม 2566 หรือจนกว่าจะครบจำนวนสิทธิ์ นอกจากนี้ ยังมอบสิทธิพิเศษสำหรับวันเปิดตัววันแรก “6.6.66” เป็นส่วนลดค่าบริการชาร์จ EV พิเศษเพียง 6 บาทต่อหน่วยสำหรับ DC fast charger ในวันที่ 6 มิถุนายน 2566 วันเดียวเท่านั้น! (จากค่าบริการปกติ 9.5 บาทต่อหน่วย) เพิ่มเติมได้ที่ Call Center: 02-017-0022 หรือ Line: @onionev

เปิดบ้านต้อนรับนวัตกรรุ่นใหม่ โครงการ สานพลัง x PTT Group Young Socialpreneur Hackathon


สานพลัง ร่วมกับ กลุ่ม ปตท. เปิดบ้านต้อนรับคนรุ่นใหม่หัวใจพัฒนาธุรกิจเพื่อสังคม ในงาน Open House โครงการสานพลัง x PTT Group Young Socialpreneur Hackathon ร่วมเปิดมุมมองพร้อมรับแรงบันดาลใจการทำธุรกิจเพื่อสังคม พร้อมชวนปล่อยไอเดียนวัตกรรมทางธุรกิจ ชิงรางวัลรวมมูลค่ากว่า 540,000 บาท ขยายเวลารับสมัครถึง 2 มิ.ย. ศกนี้

วันนี้ (20 พ.ค. 2566) - บริษัท สานพลัง วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด ร่วมกับ กลุ่ม ปตท. จัดงาน Open House โครงการ สานพลัง x PTT Group Young Socialpreneur Hackathon เปิดบ้านต้อนรับนวัตกรรมรุ่นใหม่ ที่สนใจการพัฒนาธุรกิจเพื่อสังคม ร่วมรับฟังรายละเอียดโครงการ โดยได้รับเกียรติจาก ดร. บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) และ นายวรพงษ์ นาคฉัตรีย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารความยั่งยืน ปตท. ในฐานะประธานบริษัท สานพลัง วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด ร่วมแสดงวิสัยทัศน์และเปิดมุมมองทิศทางของนวัตกรรมเพื่อสังคม ณ อาคารสำนักงานใหญ่ ปตท. 

ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน ปตท. เผยถึงวิสัยทัศน์และนโยบายการทำงานของกลุ่ม ปตท. ด้านสังคมและความยั่งยืนว่า กลุ่ม ปตท. ตระหนักและเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาประเทศ โดยหนึ่งในการสนับสนุนคือการจัดทำวิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) เพื่อสร้างรายได้ให้ชุมชนควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาและยกระดับความเป็นอยู่ของสังคมอย่างยั่งยืน ซึ่ง “โครงการสานพลัง x PTT Group Young Socialpreneur Hackathon” เป็นอีกหนึ่งโครงการภายใต้วิสัยทัศน์ของ ปตท. และบริษัทในกลุ่มที่ผนึกกำลังกับบริษัท สานพลัง วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด เฟ้นหาไอเดียนวัตกรรมจากนวัตกรรุ่นใหม่ที่เต็มไปด้วยความคิดเเละพลังในการสร้างสรรค์มาช่วยแก้ปัญหาสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม

ด้าน นายวรพงษ์ นาคฉัตรีย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารความยั่งยืน ปตท. ในฐานะ ประธานบริษัท สานพลัง วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด กล่าวว่า “สานพลัง” จัดตั้งขึ้นโดยเล็งเห็นจุดแข็งของธุรกิจกลุ่ม ปตท. ในการสร้างวิสาหกิจเพื่อสังคมต้นเเบบ โดยมีโครงการที่เกิดขึ้นภายใต้การดำเนินงานผ่านทางสานพลัง เช่น โครงการ Cafe' Amazon for Chance สร้างอาชีพมอบโอกาสแก่กลุ่มผู้ด้อยโอกาส โครงการ Community Coffee Sourcing ช่วยเกษตรกรชาวเขาที่ทำไร่กาแฟ มีช่องทางในการจำหน่ายเมล็ดกาแฟที่แน่นอนผ่านร้าน Cafe' Amazon โครงการ Upcycling SE จัดการขยะพลาสติกครบวงจร รีไซเคิลสู่สินค้าแฟชั่นและของใช้ประจำวัน โครงการชุมชนยิ้มได้ ยกระดับสินค้าชุมชนให้ทันสมัย ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดเพิ่มรายได้ให้วิสาหกิจชุมชน และโครงการ SE Solar Energy Business นำร่องที่ตลาดหัวปลี จ.สระบุรี จับมือชุมชนเปลี่ยนแหล่งที่มาของพลังงานที่ใช้มาเป็นพลังงานสะอาด เป็นต้น

ซึ่งในวันนี้สานพลังได้มองเห็นความสำคัญของการนำนวัตกรรมเข้ามาใช้ตอบโจทย์การพัฒนาเพื่อความยั่งยืน และสามารถขยายผลการแก้ปัญหาในวงกว้าง จึงได้ผนึกกำลังกับกลุ่ม ปตท. ในโครงการสานพลัง x PTT Group Young Socialpreneur Hackathon เพื่อคัดเลือกสุดยอดไอเดียที่จะสามารถเป็นต้นแบบธุรกิจที่แก้ไขปัญหาสังคมได้ โดยจะสนับสนุนและช่วยปั้นไอเดียธุรกิจเพื่อสังคมร่วมกับไรส์ (RISE) สถาบันเร่งสปีดนวัตกรรมองค์กร โดยใช้จุดแข็งของกลุ่ม ปตท. ในการสร้างโซลูชันใน 4 โจทย์หลัก ได้แก่ การพัฒนาเมืองยั่งยืน การมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี การพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น และการพัฒนาสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมงานยังได้รับฟังเสวนาในหัวข้อ Powering Life with Social Innovations จากผู้นำรุ่นใหม่ที่มีบทบาทโดดเด่นด้านการพัฒนาสังคม ได้แก่ ด้านการพัฒนาเมืองจาก คุณวริทธิ์ธร สุขสบาย ผู้ร่วมก่อตั้ง Mayday ด้านสิ่งแวดล้อมจาก คุณสุภัชญา เตชะชูเชิด ผู้ร่วมก่อตั้ง Refill Station ด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ จาก คุณชาคิต พรหมยศ ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร YoungHappy  และด้านเศรษฐกิจท้องถิ่นจาก คุณภัทรารัตน์ ตั้งนิสัยตรง ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้อำนวยการโครงการ Roots Incubation Program ดำเนินรายการโดย คุณทลปภร ปัญโยรินทร์ ผู้จัดการทั่วไป Social Enterprise Thailand Association  

สำหรับผู้เข้าร่วมโครงการ สานพลัง x PTT Group Young Socialpreneur Hackathon จะมีโอกาสเวิร์กชอปการพัฒนานวัตกรรมเพื่อสังคมในเชิงธุรกิจ โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทในกลุ่ม ปตท. และองค์กรพันธมิตรชั้นนำระดับประเทศ ร่วมกับไรส์ มาเป็นที่ปรึกษาอย่างใกล้ชิดตลอดโครงการ ซึ่งหากได้รับคัดเลือกเป็น 4 ทีมสุดท้าย จะมีโอกาสได้รับเงินรางวัลและเงินทุนตั้งต้นในการร่วมกระบวนการทดสอบไอเดียธุรกิจ Proof of Concept (POC) กับบริษัทในกลุ่ม ปตท. รวมมูลค่ากว่า 540,000 บาท เพื่อพัฒนาไอเดียให้สามารถออกสู่ตลาดพร้อมแก้ไขปัญหาสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมได้จริง โครงการฯ เปิดรับสมัคร ตั้งแต่วันนี้ - 2 มิถุนายน 2566

ผู้สนใจสามารถสมัครร่วมโครงการได้ที่ https://forms.gle/yMTvnQV5n7ooH1BTA และติดตามข่าวสารกิจกรรมเพิ่มเติมได้ผ่านทาง Facebook: PTT News และ Facebook: สานพลัง วิสาหกิจเพื่อสังคม

กระทรวงพลังงาน จับมือ ปตท. ร่วมเป็นเจ้าภาพงาน Future Energy Asia 2023 ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมพลังงาน และยานยนต์ ระดับภูมิภาคเอเชีย

ดร.วีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู รองปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธานในพิธีเปิดนิทรรศการและการประชุมสุดยอดด้านการเปลี่ยนแปลงทางพลังงานระดับภูมิภาค Future Energy Asia 2023 โดยมีนายประสงค์ อินทรหนองไผ่ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารกลยุทธ์กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ร่วมกล่าวปาฐกถาเรื่องการเปลี่ยนผ่านทางพลังงาน (Energy Transition) คาดการณ์สัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ตาม กลุ่ม ปตท. ได้ปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจเตรียมพร้อมรับความท้าทาย ตามวิสัยทัศน์ “Powering Life with Future Energy and Beyond” มุ่งเน้นการปรับเปลี่ยนการดำเนินงาน สู่การดำเนินธุรกิจพลังงานแห่งอนาคต อาทิ การลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนและระบบกักเก็บพลังงาน ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า และธุรกิจไฮโดรเจน รวมถึงเร่งการดำเนินงานในธุรกิจ LNG ที่จะมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านทางพลังงานอีกด้วย

ขอแสดงความยินดี กับ เยาวชนคนเก่ง ศูนย์โอลิมปิกวิชาการสอวน. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

ขอแสดงความยินดี กับ เยาวชนคนเก่ง ศูนย์โอลิมปิกวิชาการสอวน. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ที่ได้รับรางวัล จากการแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกระดับชาติ ครั้งที่ 20 ซึ่งจัดโดย ศูนย์คณิตศาสตร์โอลิมปิก สอวน.โรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย

.

#THESTUDYTIMES #TeenAgeNewsAgency #สำนักข่าววัยเรียน

#GuidetoLearning #NewsFeed #KitNew #คิดนิว #ความคิดใหม่เริ่มได้ที่นี่

PROGRAM

เปิดใจเจ้าพ่อดาราโฆษณา ทุกสินค้าต่างแย่งชิง "แมน เสฏฐวุฒิ" | Click on Crazy EP.13

? Click on Crazy EP.13 เปิดใจเจ้าพ่อดาราโฆษณา ทุกสินค้าต่างแย่งชิง "แมน เสฏฐวุฒิ"

?เสฏฐวุฒิ พรธนาวุฒิ (แมน)
นักแสดง 

✅ดำเนินรายการโดย แองจี้ THE STUDY TIMES 

⏰ วันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ เวลา 2 ทุ่มตรง

?ช่องทางรับชม 
Facebook และ YouTube: THE STUDY TIMES

เส้นทาง นักร้อง Cover ลงยูทูบ เตะตาค่ายได้ออกซิงเกิ้ล "พีช ปณิชา" | Click on Crazy EP.12

? Click on Crazy EP.12 เส้นทาง นักร้อง Cover ลงยูทูบ เตะตาค่ายได้ออกซิงเกิ้ล "พีช ปณิชา"

?ปณิชา เมธวิชิตชัย (พีช)
นักร้อง

✅ดำเนินรายการโดย แองจี้ THE STUDY TIMES 

⏰ วันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม เวลา 2 ทุ่มตรง

?ช่องทางรับชม 
Facebook และ YouTube: THE STUDY TIMES

กำเนิด 'เครื่องล้างจาน' แรกของโลก | Click on Clever EP.21

?Click on Clever EP.21 กำเนิด 'เครื่องล้างจาน' แรกของโลก

“เครื่องล้างจาน” สิ่งประดิษฐ์ที่ทำให้กิจกรรมน่าเบื่อหน่ายง่ายดายขึ้น
ใครคือผู้คิดค้น “เครื่องล้างจาน” คนแรกของโลก ด้วยสาเหตุสุดแปลก เพราะ “โมโหจานแตก” วันนี้จะพาไปรู้จักเธอกัน!!

✅ดำเนินรายการโดย (กันต์) ธนพัฒน์ แจ่มปรีชา 

?ช่องทางรับชม 
Facebook และ YouTube: THE STUDY TIMES

TRENDING
GUIDE TO LEARNING

ได้เวลาโกอินเตอร์ “อังกฤษ”แจกฟรีทุนเรียนป.โท

ถึงเวลาได้โกอินเตอร์! “อังกฤษ”แจกฟรีทุนเรียนป.โท พร้อมค่าเทอม/ค่าที่พัก/ค่าตั๋วเครื่องบิน/เบี้ยเลี้ยง ฟรี
.
รัฐบาลอังกฤษประกาศเปิดรับสมัครนักศึกษาเข้ารับทุนชีฟนิ่ง (Chevening) ประจำปี 2023-2024 ซึ่งเป็นทุนให้เปล่าที่จะช่วยให้ผู้นำที่โดดเด่นจากทั่วทุกมุมโลกสามารถศึกษาต่อระดับปริญญาโทเป็นระยะเวลา 1 ปีในอังกฤษ โดยเปิดให้เลือกเรียนสาขาใดก็ได้ มหาลัยใดก็ได้ 
.
สิ่งที่จะได้รับ 
✔️ ฟรี! ค่าตั๋วเครื่องบิน
✔️ ฟรี! ที่พัก
✔️ ฟรี! ค่าเบี้ยเลี้ยงรายเดือน
✔️ ฟรี! ค่าเล่าเรียน
✔️ ค่าใช้จ่ายชีวิตประจำวัน 
✔️ ค่าเดินทางในประเทศ 
✔️ ค่าตั้งรกราก 

 

Charisma 13 กุญแจ สู่ความสามารถไร้ขีดจำกัด

อะไรคือสิ่งที่ทำให้คนๆนึงเป็นคนที่มีความสามารถไร้ขีดจำกัดและเรารู้สึกอยากจะมีความสามารถแบบนั้นได้บ้างหรืออยากมีคาริสม่าเปล่งประกายแบบนั้นได้บ้าง
.
Charisma (อ่านว่า คะ ริส หม่า) แปลว่า เสน่ห์
.
คำนี้เป็นคำนาม เป็นคำที่ใช้แทนการมีเสน่ห์แบบที่ค่อนข้างจะลึกซึ้งกว่าแบบอื่น เพราะจะเป็นเสน่ห์ในแง่ การที่สามารถดึงดูดใจ หรือชักจูงใจให้คนอื่น นำไปเป็นแบบอย่างได้ เช่นพวก ซุปเปอร์สตาร์ดังๆ นักพูดดังๆ นักการเมือง ผู้ซึ่งมีเสน่ห์ ดึงดูดใจทุกครั้งที่กล่าวสุนทรพจน์ หรือ แสดงออกต่อหน้าสาธารณชน ไม่ใช่เพราะเขาพูดเก่ง หรือไม่ใช่เพราะเขาหน้าตาหล่อ หรือหุ่นดี แต่เป็นเสน่ห์รวมๆ ที่อยู่ในบุคลิกภาพของเขา ทำให้เขาสามารถสื่อสาร และก่อเกิดเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนมากมาย คำๆ นี้มาจากรากศัพท์ภาษากรีก ว่า Kharisma ซึ่งแปลว่า ของประทานจากพระเจ้า ดังนั้นเสน่ห์แบบนี้บางคราวจึงเกิดขึ้นมาแบบเหนือธรรมชาติ หรือเกินกว่าที่จะอธิบายถึงที่มาที่ไป ดังนั้น charisma นี้ จึงมีความหมายว่า พรสรรค์ ด้วย มาดูกันว่า 13 กุญแจสำคัญของการเป็นคนที่มีคาริสม่ามีอะไรบ้าง
.
1. ความเชื่อ (Belief) : ความเชื่อในสิ่งที่ทำ ความเชื่อมั่นในตัวเองในทางที่ดี และมักจะมองเห็นคุณค่าในตัวผู้อื่น หรือเชื่อมั่นในตัวผู้อื่นเช่นกัน
.
2. มีความหลงใหล ( Passion ): หลงใหลในสิ่งที่ทำ บางครั้งก็หลงใหลในขั้นสุดโต่ง จนคนส่วนใหญ่มักจะมองว่า “บ้า” แต่บ้าแบบมีเป้าหมายมีทิศทางหนักแน่นชัดเจน

3. มีความริเริ่ม (Initiative) : ริเริ่ม และลงมือทำอย่างรวดเร็ว ในเมื่อคนแบบนี้มีความคิดใหม่ๆขึ้นมาแล้ว เค้าจะไม่รอให้ใครลงมือทำก่อนเค้าแน่นอน และไม่ลังเลที่จะทำสิ่งที่เค้าคิดให้เกิดขึ้น
.
4. จดจ่อ (Focus) : หากคำว่า โฟกัสหรือการจดจ่อของคุณ มีเพียงคำว่า “โฟกัส” คำเดียว สำหรับคนเหล่านี้จะมีคำว่า โฟกัส โฟกัส โฟกัส โฟกัส โฟกัส นับร้อยครั้งในหัวของเค้า เห็นได้ชัดว่า เค้าจะจดจ่อและโฟกัสกับสิ่งที่เค้าตั้งใจทำแค่ไหน
.
5. เตรียมตัวอย่างดี (Preparation) : คนเหล่านี้จะเตรียมพร้อมเสมอและมีการเตรียมตัวเตรียมการไว้ดีเสมอ
.
6. ซักซ้อม (Practice) : ซักซ้อมเสมอในสิ่งที่เค้ารักที่เค้าสนใจในสิ่งที่เค้าทำ ดังคำกล่าวของ บรูซลี (Bruce Lee) ว่า " ผมไม่กลัวคนที่ฝึกเตะเป็นหมื่นท่าแค่ครั้งเดียวหรอก แต่ผมกลัวคนที่ฝึกเตะท่าเดียวเป็นหมื่นครั้งต่างหาก"
.
7. มีความเพียร (Perseverance) : ความเพียรเป็นสิ่งที่คนเหล่านั้นเห็นเพียงคนเดียวและอยู่กับมันในทุกๆวัน ทุกเวลา 24 ชั่วโมงต่อวัน 365 วันต่อปี แต่มักจะเป็นสิ่งที่คนภายนอกมองว่า คนเหล่านั้นโชคดีจัง ในเวลาที่คนเหล่านั้นประสบความสำเร็จ
.
8. ความกล้าหาญ ( Courage ) : ความกลัวเป็นปฏิกิริยาตอบสนอง..แต่ความกล้าหาญคือ"การตัดสินใจ"ที่จะไม่ตอบสนองต่อความกลัว ทำให้กลายเป็นบุคลิกหลักๆ ที่เราจะเห็นได้จากคนที่มีคาริสม่าเลยก็ว่าได้
.
9. การเป็นคนที่รับคำสั่งสอนได้ (Teachability) : อีกในนึงคือมีความนอบน้อม รับฟังผู้อื่นติชมได้ แล้วยังรักการเรียนรู้จากคนรอบข้างเสมอ
.
10: จิตใจดีมีน้ำใจ (Kindness) : มีน้ำจิตน้ำใจที่ดี อาจจะไม่ใช่ทุกคนที่จะมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี เพราะบางคนก็เป็น Artist อาจจะเข้ากับคนอื่นได้ลำบากด้วยซ้ำ แต่คนเหล่านี้ลึกๆ แล้วจะความเมตตาและมีจิตใจที่ดีจนคนรอบข้างสัมผัสได้11. มีความรับผิดชอบสูง (Responsibility) : รับผิดชอบในวินัยของตนเองรวมถึงรับผิดชอบต่อสิ่งที่ทำผิด คุณจะไม่มีทางเห็นคนเหล่านี้พยายามโยนความผิดที่เกิดขึ้นให้กับคนอื่นแน่ๆหากเค้าเป็นคนทำเองเค้าจะ รับผิดชอบในสิ่งที่กระทำด้วยความกล้าหาญ
.
12. รักตัวตนของตัวเอง (Self-Love) มีความรักในตัวเองและเห็นคุณค่าของตัวเอง คนเหล่านี้จะตกหลุมรักตัวเองในทุกๆวันและมีความสุขจนคนรอบข้างอยากรักเค้าตามไปด้วยเลย
.
13. มีความรู้คุณคน (Gratitude) : ซาบซึ้งในบุญคุณของคนที่ช่วยเหลือเขา และขอบคุณพร้อมทั้งตอบแทนช่วยเหลือกลับเท่าที่เขาจะทำได้ และไม่มีวันลืมคนที่มีพระคุณกับเขาทุกคน

ทักษะแห่งอนาคตโลก 4.0 วัยเรียน-วัยแรงงาน -ผู้สูงวัย ต้องมี

ปัจจุบันมีจำนวนประชากร 5 คน ทำงานเลี้ยงผู้สูงอายุ 1 คน คาดว่าปี 2583 ประเทศไทยจะเหลือประชากรไม่ถึง 2 คน ทำงานดูแลผู้สูงอายุ 1 คน ดังนั้น จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนพัฒนาเยาวชนให้มีความรู้และทักษะที่จำเป็น ควบคู่การส่งเสริมให้ผู้สูงอายุปรับตัวเข้ากับโลกแห่งความทันสมัย
.
การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ของโลกศตวรรษที่ 21 ส่งผลให้รูปแบบการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เปลี่ยนแปลงไป  และการเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างเต็มรูปแบบ ดังนั้น การเตรียมพร้อมคุณภาพของคนให้มีทักษะแห่งอนาคตที่จำเป็น โดยจากการศึกษาจำแนก การเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลต่อการพัฒนาคนไทยออกเป็น 5 สถานการณ์ ได้แก่
.
1. การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรจากการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย และการเคลื่อนย้ายถิ่นฐาน
2. ช่องว่างระหว่างวัยที่กว้างขึ้น เพราะประสบการณ์บริบทชีวิต และความคิดแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
3. การพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยีที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสังคมเป็นวงกว้าง
4. การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอาชีพและรูปแบบการทำงาน มีทั้งอาชีพเกิดใหม่และหายไป
5. กระบวนการเรียนรู้ที่มีความหลากหลายขึ้น เน้นการเรียนเชิงรุกและบูรณาการข้ามสาขา
.
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ได้นำเสนอทักษะที่จำเป็นแห่งอนาคต เพื่อเตรียมการพัฒนาคุณภาพคนไทยทุกช่วงวัย รองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของโลกศตวรรษที่ 21 เริ่มด้วย
.
ช่วงปฐมวัย (0-5 ปี) การพัฒนาช่วงวัยนี้ควรเปิดโอกาสให้เด็กๆได้สำรวจสิ่งแวดล้อมรอบตัวอย่างปลอดภัย เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ที่หลากหลาย มีมุมมองต่อโลกอย่างกว้างขวาง มีการเตรียมความพร้อมในการพัฒนาทุกด้านพร้อมกัน ทั้งด้านร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม ควบคู่กับการพัฒนาผู้ปกครอง ผู้ดูแลและครูให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีการพัฒนาเด็กปฐมวัยโดยเฉพาะ มี 5 อันดับทักษะที่จำเป็นแห่งอนาคตดังนี้
1.การคิดเชิงสร้างสรรค์
2.ความอยากรู้อยากเห็น
3.ความสามารถทางกายภาพ การแก้ปัญหา และการสื่อสาร
4.การอ่านออกเขียนได้
5.ความเข้าใจและการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัล การเข้าใจผู้อื่น
.
ช่วงวัยเรียน/วัยรุ่น (5-21ปี) การพัฒนาช่วงวัยนี้ควรให้ความสำคัญกับความยืดหยุ่นหลากหลาย ครอบคลุมการพัฒนาทั้งกาย ใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญา ตลอดจนทักษะพื้นฐานและทักษะที่เชื่อมสู่โลกการทำงาน ไม่จำกัดการเรียนรู้อยู่ในห้องเรียนเพียงอย่างเดียว ส่งเสริมการค้นหาตัวตนและความถนัดของเด็ก และมีช่องทางการเรียนรู้ที่ตอบสนองได้ทั้งในและนอกระบบโดยมี 5 อันดับทักษะที่จำเป็นแห่งอนาคต
1.ความเข้าใจและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล
2.การอ่านออกเขียนได้
3.การเป็นผู้เรียนเชิงรุก
4.การเป็นพลเมืองที่ดี
5.ความอยากรู้อยากเห็น การคิดเชิงสร้างสรรค์
.
ช่วงวัยแรงงาน(15-59 ปี )การพัฒนาในช่วงวัยนี้ควรเสริมสร้างความต้องการเรียนรู้ เปิดโอกาสให้เกิดการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ที่เชื่อมโยงตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน โดยโอกาสในการพัฒนาตนเองดังกล่าว ควรควบคู่กันทั้งการเรียนรู้อย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการ ต้องเป็นไปอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ มี 5 อันดับทักษะที่จำเป็นแห่งอนาคตดังนี้ 
1.ความเข้าใจและการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัล การแก้ปัญหา
2.ความรู้ทางธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ
3.การคิดเชิงสร้างสรรค์
4.การทำงานร่วมกับผู้อื่น
5.การปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมที่หลากหลาย
.
ช่วงวัยผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป กลุ่มผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) ซึ่งการพัฒนาในช่วงวัยนี้ควรมีรูปแบบการเรียนรู้ใหม่ๆ ที่เหมาะสมสำหรับผู้สูงวัย โดยเฉพาะ สนับสนุนการนำความรู้และประสบการณ์ของผู้สูงวัยมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศ ชุมชน และตัวผู้สูงวัยเอง เพื่อเสริมสร้างคุณค่าและต่อยอดบทบาทในสังคมของผู้สูงอายุ และรับมือกับการเข้าสู้สังคมผู้สูงวัยอย่างยั่งยืนโดย 5 อันดับทักษะที่จำเป็นแห่งอนาคต  
1.การปรับตัว
2.การมองโลกในแง่ดี
3.ความเข้าใจและการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัล
4.ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ การเข้าใจผู้อื่น
5.การแก้ปัญหา
.
แล้วแนวทางการส่งเสริมในแต่ละช่วงวัย ควรปฎิบัติอย่างไร ? เราแบ่งได้ดังนี้ 
1. นโยบายการศึกษา
•    ช่วงปฐมวัย : มีนโยบายและงบประมาณทางการศึกษาเพื่อพัฒนาเด็กช่วงปฐมวัยโดยเฉพาะ ครอบคลุมการเตรียมความพร้อมทั้งเด็กและผู้ดูแล
•    ช่วงวัยเรียน : ปฎิรูปหลักสูตรและกระบวนการเรียนการสอนให้ทันสมัย สอดคล้องความต้องการและจำเป็น ควบคู่กับการยกระดับวิชาชีพและการจัดการศึกษาแบบกระจายอำนาจ
•    ช่วงวัยทำงาน : ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต มีเงินทุนแรงงานเพื่อการพัฒนาตนเอง สนับสนุนการเรียนรู้ในที่ทำงาน โดยมีหลักสูตรเฉพาะสำหรับผู้ใหญ่ และสายอาชีพที่ต่างกัน
•    ช่วงผู้สูงอายุ : จะมีนโยบายพัฒนาทักษะ ส่งเสริมการจ้างงานและการเรียนรู้ตลอดชีวิตของผู้สูงอายุให้ผู้สูงอายุยังมีบทบาทและสามารถเป็นพลังในการขับเคลื่อนประเทศ
.
2. กระบวนการเรียนรู้
•    ช่วงปฐมวัย : ใช้กิจกรรมที่เหมาะสมกับช่วงอายุ ลักษณะการเรียนรู้ และความสนใจของแต่ละคน เน้นการเรียนแบบแบ่งปันความคิดร่วมกันและการจัดการเรียนรู้ที่ไม่เป็นทางการ
•    ช่วงวัยเรียน : เน้นการเรียนรู้แบบบูรณาการร่วมกับการทำงาน เสริมสร้างสมรรถนะจากประสบการณ์จริง และมีผู้เรียนเป็นศูนย์กลางในการจัดการศึกษา
•    ช่วงวัยทำงาน : เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง  นำความเชี่ยวชาญของผู้เรียนมาเป็นฐาน สามารถวางแผนการเรียนรู้ตามจังหวะของตนเอง มีการอบรมที่มีคุณภาพ และเรียนรู้จากประสบการณ์จริงในการทำงาน
•    ช่วงผู้สูงอายุ : ออกแบบกระบวนการเรียนรู้ให้เหมาะกับช่วงวัย เน้นฝึกการอบรมเชิงประสบการณ์ การอภิปราย การบูรณาการ การเรียนรู้แบบร่วมมือ และมุ่งต่อยอดทักษะ ความรู้เดิม
.
3. สภาพแวดล้อม
•    ช่วงปฐมวัย : สภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย เอื้อต่อการเรียนรู้ร่วมกัน สนับสนุนการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์สร้างพัฒนาการทางสมอง และให้อิสระแก่เด็ก
•    ช่วงวัยเรียน : ออกแบบพื้นที่การเรียนรู้ที่เชื่อมโยง เป็นสัดส่วน สามารถรองรับกิจกรรมการเรียนและการทำงานที่แตกต่างกันได้  ให้ผู้เรียนได้ลงมือปฎิบัติจริง เกิดปฎิสัมพันธ์แลกเปลี่ยนระหว่างกัน
•    ช่วงวัยทำงาน : ส่งเสริมการเรียน การมีส่วนร่วม และการเติบโตร่วมกันภายในองค์กร มีเส้นทางความก้าวหน้าของอาชีพที่ชัดเจน เพื่อเป็นแรงจูงใจให้พนักงานพัฒนาตนเองสู่ความสำเร็จ
•    ช่วงผู้สูงอายุ : พัฒนาสภาพแวดล้อมให้สอดคล้องกับลักษณะการเรียนรู้ ผู้สูงอายุต้องการสภาพแวดล้อมเชิงสนับสนุนที่เห็นอกเห็นใจ ไม่เป็นทางการผ่อนคลาย และเป็นมิตรต่อการเรียนรู้
.
4. เทคโนโลยี
•    ช่วงปฐมวัย : จัดสรรสื่อและเทคโนโลยีทั้งสื่อดั่งเดิมและสื่อดิจิทัล ช่วยส่งเสริมการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
•    ช่วงวัยเรียน : นำเทคโนโลยีมาใช้ช่วยจัดการเรียนการสอน เช่น แพลตฟอร์มเพื่อเข้าถึงเนื้อหา และนวัตกรรมวิเคราะห์ข้อมูลผู้เรียนและออกแบบการเรียนรู้ที่ตอบสนองผู้เรียนแต่ละคน
•    ช่วงวัยทำงาน :ใช้เทคโนโลยีเพื่อเป็นสื่อและช่องทางในการเรียนรู้ และใช้สนับสนุนการประเมินผลการปฏิบัติงาน เพื่อวางแผนการเติบโตในอาชีพ และประยุกต์ใช้ทักษะและความรู้ในการทำงาน

LITE

ไอเท็มติดห้องพัก ราวตากผ้าเกาะระเบียง

พิมเป็นคนหนึ่งที่พอมาอยู่หอละไม่ค่อยชอบหอตัวเองตรงระเบียงแคบไม่มีที่เดิน แค่วางราวตากผ้าอันเดียวก็คือเต็มละ จะตากรองเท้าตากอะไรไม่ได้เลย จนไปเห็นคนนึงรีวิวเจ้าตัวนี้ใน tiktok ก็เลยลองสอยมาสิ

ตัวนี้เป็นราวตากผ้าสแตนเลส แบบเกาะระเบียง หรือว่าจริงๆก็เกาะตรงหน้าต่างด้วยก็ได้นะหรือตรงไหนก็ได้ที่เป็นขอบๆๆๆ บอกเลยว่าไอเท็มนี้ควรมีสำหรับคนอยู่หอ อยู่คอนโด ที่มีพื้นที่จำกัดมากกกก

วัสดุอุปกรณ์สมราคานะ ราคาไม่แพง คนงบน้อยต้องสอยเลยนะ สามารถรับน้ำหนักได้ถึง 13 กิโลกรัมเลยนะยิ่งกว่าคุ้ม ตัวนี้จะทำจากโลหะ + ABS อย่างดีเลย
.
ยี่ห้อที่พิมซื้อมาเขามีให้เลือก 3 ขนาด มีเล็ก กลาง ใหญ่ พิมซื้อแบบเล็กเพราะระเบียงเราก็ไม่ได้ใหญ่จะได้ประหยัดพื้นที่ด้วย

จริงๆไม่ได้เอามาแค่ตากรองเท้า ตากผ้าเล็กๆนะ ใช้ทำอย่างอื่นได้ นี่ที่หอเลี้ยงแมวเอาแมวมาดูนั่งชมวิวกลางคืนคือน่ารักมากกก 5555555 ทาสแมวบอกเลยว่าถูกใจมากค่าาา หรือจะเอามามิกซ์เป็นที่วางกระถางต้นไม้ได้ด้วยสำหรับใครที่ชอบแนวธรรมชาติคือเก๋มากกกก

หรือบางทีเลยนะก็เอามาคว่ำจานคว่ำกะละมังให้แห้ง จริงๆเอาไปทำได้หลายอย่างมากกก แล้วแต่เราจะทำได้เลยนะ เห็นมั้ย ??? ซื้อแค่อันเดียวคุ้มเอาไปทำได้ตั้งหลายอย่าง

พิกัด
ออนไลน์ https://shope.ee/9zMF5ANujo 
ราคา : 135 บาท


 

“ตกนรกอเวจีปอยเปตแสนล้านภพแสนล้านชาติ” มารู้จัก “นรกอเวจี” เครื่องเตือนใจเพื่อทำความดี

เมื่อวลีสุดฮิต “ตกนรกอเวจีปอยเปตแสนล้านภพแสนล้านชาติ” ในโลกโซเชียล ทำให้ช่วงนี้หลายคนอยากรู้เรื่องราว “นรกอเวจี” ตามความเชื่อทางศาสนาพุทธมากขึ้น แล้วรู้หรือไม่? ความจริงแล้ว อเวจี เป็นแค่ส่วนหนึ่งของนรกเท่านั้น
.
โลกของ “นรก” หรือ “นรกภูมิ” ในศาสนาพุทธนั้นคือ ดินแดนหนึ่งที่เชื่อกันว่าผู้ที่ทำบาปตอนยังเป็นมนุษย์เมื่อเสียชีวิตแล้วจะต้องไปเกิดในนรก และถูกลงโทษตามคำพิพากษาของมัจจุราช โดยตามไตรภูมิกถาแล้ว นรกภูมิเป็นดินแดนหนึ่งในกามภพอันเป็นหนึ่งในภพทั้งสาม คือ กามภพ รูปภพ และอรูปภพ รวมเรียกว่า "ไตรภพ" หรือ "ไตรภูมิ"
.
นรกของพระพุทธศาสนาต่างจากนรกของศาสนาอื่นๆ ในฝั่งตะวันตกอยู่สองเรื่อง คือ 1.ชาวตะวันตกเชื่อว่าเมื่อเราตายไปจะไม่ได้ไปเกิดและรับโทษในนรกภูมิตามคำพิพากษาของพระเจ้า แต่เป็นเพราะบาปกรรมที่ตนได้กระทำเมื่อมีชีวิต และ 2.ระยะเวลาถูกลงโทษในนรกเป็นไปตามโทษานุโทษ ไม่ได้ชั่วกัปชั่วกัลป์ แต่ก็กินเวลานานมาก เมื่อพ้นโทษจากนรกแล้วจะได้กลับไปเกิดในโลกที่สูงขึ้นตามแต่กรรมดีที่ได้กระทำไว้หรือตามแต่ผลกรรมที่เหลืออยู่ แล้วแต่กรณี
.
สำหรับ คติไตรภูมินั้นโลกนรก หรือ “นิรยภูมิ” เป็นส่วนหนึ่งของอบายภูมิหรือทุคติภูมิ 4 ประกอบด้วยพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลสุดลูกหูลูกตา มีนรกอีกหลายขุมซ้อนทับกันหลายชั้น แต่ละชั้นก็มีนรกบริวารรวมนับร้อยขุม
.
นิรยภูมิจะแบ่งออกเป็น “มหานรก” มีทั้งหมด 8 ขุมใหญ่ ที่ตั้งซ้อนทับเป็นชั้นๆ และแยกกันอย่างชัดเจนอยู่ลึกลงไปใต้โลกมนุษย์ เรียงจากชั้นบนสุดลงไปยังชั้นล่างสุด ซึ่งสามารถแบ่งจากโทษเบาสุดไปจนถึงโทษหนักสุดได้ดังนี้
.
1. สัญชีวนรก คือ นรกไม่มีวันแตกดับ เป็นนรกสำหรับผู้ที่เบียดเบียนผู้อื่น สัตว์นรกจะถูกทรมานจากนิรยบาลด้วยสารพัดวิธีจากคมอาวุธจนตาย แต่ก็จะมี “ลมกรรม” พัดผ่านให้คืนชีพมาเสวยโทษทัณฑ์เรื่อยๆ ต้อง เกิด-ตาย วนเวียนอยู่เช่นนั้นจนครบอายุขัย อายุของสัตว์นรกในสัญชีวนรก คือ 500 ปี โดย 1 วันนรก เท่ากับ 9 ล้านปีโลกมนุษย์
.
2. กาฬสุตตนรก คือ นรกเส้นด้ายดำ เป็นนรกสำหรับผู้ที่ทำร้ายผู้มีพระคุณหรือทำลายชีวิตสัตว์โลก เมื่อสัตว์นรกถูกตีด้วยด้ายดำจนเกิดเส้นตามร่างกาย จะถูกเฉือนด้วยคมอาวุธตามรอยนั้น อายุของสัตว์นรกในกาฬสุตตนรก คือ 1,000 ปี โดย 1 วันนรก เท่ากับ 3 โกฏิ (1 โกฏิ เท่า 10 ล้าน) กับอีก 6 ล้านปีโลกมนุษย์
.
3. สังฆาฏนรก คือ นรกบดขยี้ เป็นนรกสำหรับผู้ที่ไร้ความเมตตา ชื่นชอบการทารุณกรรม สัตว์นรกจะถูกกระหน่ำตีด้วยค้อนเหล็กและบดทับด้วยลูกไฟกับภูเขาเหล็ก อายุของสัตว์นรกในสังฆาฏนรก คือ 2,000 ปี โดย 1 วันนรก เท่ากับ 14 โกฏิกับอีก 5 ล้านปีโลกมนุษย์
.
4. โรรุวนรก คือ นรกแห่งเสียงคร่ำครวญ นรกสำหรับเหล่าคนโลภ ฉ้อโกง ร่างของสัตว์นรกจะถูกตรึงให้นอนคว่ำหน้า หัว มือ และเท้าจมอยู่ในดอกบัวเหล็กที่เปลวเพลิงลุกท่วม ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด แต่ไม่ตาย อายุของสัตว์นรกในโรรุวนรก คือ 4,000 ปี โดย 1 วันของนรกขุมนี้เท่ากับ 23 โกฏิกับอีก 4 ล้านปีโลกมนุษย์
.
5. มหาโรรุวนรก คือ นรกแห่งเสียงคร่ำครวญอย่างยิ่งยวด นรกสำหรับคนจิตใจโหดเหี้ยม อำมหิต ทำความชั่วทั้งหลายด้วยจิตอาฆาตพยาบาท ดอกบัวเหล็กของนรกขุมนี้จะเพิ่มคมตามกลีบดอก โดยสัตว์นรกต้องจมอยู่ในดอกบัวเหล็กทั้งตัว อายุของสัตว์นรกในมหาโรรุวนรก คือ 8,000 ปี โดย 1 วันนรก เท่ากับ 921 โกฏิกับอีก 6 ล้านปีโลกมนุษย์
.
6. ตาปนรก คือ นรกแห่งความร้อนรุ่ม นรกสำหรับคนบาปที่เต็มไปด้วยโลภะ โทสะ โมหะ และความเห็นแก่ได้ สัตว์นรกจะถูกหลาวเหล็กแท่งใหญ่ราวต้นตาลเสียบพร้อมเปลวไฟพวยพุ่ง ก่อนถูกสุนัขนรกฉุดกระชากลงมากิน อายุของสัตว์นรกในตาปนรก คือ 16,000 ปี โดย 1 วันนรกเท่ากับ 1,842 โกฏิกับอีก 12 ล้านปีโลกมนุษย์
.
7. มหาตาปนรก คือ นรกแห่งความร้อนรุ่มอย่างยิ่งยวด เป็นนรกสำหรับผู้ที่เคยฆ่าคนและฆ่าสัตว์เป็นหมู่มาก ๆ ไม่คำนึงถึงชีวิตผู้อื่น ต้องอยู่ในกำแพงและภูเขาเหล็กที่เต็มไปด้วยหนามแหลม พร้อมลมกรดพัดพาร่างไปโดนหนามเสียบ อายุของสัตว์นรกขุมนี้คือ ครึ่งกัลป์ (1 กัลป์ เท่ากับระยะเวลาที่อายุของมนุษย์ไขลงจากอสงไขยปี จนถึง 10 ปี แล้วไขขึ้นจาก 10 ปี จนถึงอสงไขยปีอีกรอบ ครบ 1 คู่ เรียกว่า 1 กัลป์ ซึ่งอสงไขยปีเท่ากับเลข 1 ตามด้วยเลขศูนย์ 140 ตัว)
.
8. อเวจีนรก คือ นรกอันแสนสาหัสไร้ความปรานี เป็นมหานรกที่ลึกและกว้างใหญ่ที่สุด เป็นนรกสำหรับผู้ทำกรรมหนักอย่างหาที่สุดมิได้ เช่น ฆ่าบุพการี ฆ่าพระอรหันต์ ทำร้ายพระพุทธเจ้าให้ห้อพระโลหิต และยุยงให้คณะสงฆ์แตกแยก ขุมนรกล้อมด้วยกำแพงเหล็กที่เปลวไฟลุกท่วม สัตว์นรกจะถูกเพลิงเผาผลาญด้วยอิริยาบถต่างๆ ทั้ง นั่ง ยืน หรือนอน ตามกรรมของตน อยู่ห้องสี่เหลี่ยมและหลาวเหล็กเสียบทะลุร่างตรึงให้แน่นิ่งไม่สามารถขยับร่างกายได้ อายุของสัตว์นรกในอเวจีนรก คือ 1 กัลป์
.
นอกจากนี้ในแต่ละขุมยังมี “ยมโลกนรก” อยู่อีก 320 ขุม อยู่รอบ 4 ทิศ ทิศละ 10 ของมหานรกแต่ละขุม เรียกว่า “อุสสทนรก” ดังนี้
.
1. คูถนรก เต็มไปด้วยหนอนตัวใหญ่คอยกัดกินสัตว์นรกที่ผ่านเข้ามา
2. กุกกุฬนรก เต็มไปด้วยเถ้าถ่านคอยเผาสัตว์นรกให้กลายเป็นจุณ
3. อสิปัตตนรก มีต้นมะม่วงใหญ่หลอกล่อสัตว์นรกมาพักพิง จากนั้นใบมะม่วงจะกลายเป็นหอกพุ่งแทงสัตว์นรก รวมถึงมีกำแพงเหล็กติดเปลวเพลิงขวางกั้นพร้อมสุนัขนรกและแร้งนรกคอยรุ่มฉีกกินสัตว์นรก
4. เวตรณีนรก เต็มไปด้วยน้ำเค็มและเครือหวายหนามเหล็กล้อมคอยทิ่มแทงให้เกิดแผล มีไฟลุกท่วมกลางน้ำกับดอกบัวกลีบคมที่มีเปลวเพลิงติดอยู่ตลอด มีนิรยบาลใช้เบ็ดเกี่ยวลากขึ้นมาบนฝั่งเพื่อทำทัณฑ์ทรมานต่อ
.
และ “นรก” ก็ไม่ได้มีอยู่แค่ใต้ดินของโลกมนุษย์เราเหมือนอย่าง “นรกอเวจี” เท่านั้น แต่ยังมีนรกที่อยู่ไกลออกไปนอกโลกในจักรวาลอันไกลโพ้นอีกด้วย นั่นก็คือ “โลกันตนรก” เป็นนรกขุมที่ยิ่งใหญ่อีกขุมหนึ่ง เป็นขุมนรกสำหรับผู้ที่กระทำทรมานบุพการีหรือทำร้ายผู้ทรงศีล 
.
ในโลกันตนรกมีสภาพมืดสนิท แสงดาวแสงเดือนและแสงตะวันก็ส่องไปไม่ถึง เสมือนคนหลับตาในเดือนดับข้างแรม สัตว์นรกที่มาเกิดในโลกันตนรก จะมีสภาพแปลกประหลาด มีสรีระร่างกายใหญ่โต มีเล็บมือและเล็บเท้ายาว ต้องใช้เล็บมือและเท้าเกาะอยู่ตามเชิงเขาจักรวาลห้อยโหนโยนตัว โดยเอาหัวลงมาข้างล้างชั่วนิรันดร์และต้องทรมานอยู่ในความมืด หากพลัดตกลงไปเบื้องล่างก็จะเป็นทะเลดำที่เป็นน้ำกรดและมีความเย็นเฉียบ ทำให้ต้องรีบตะเกียกตะกายกลับขึ้นไปห้อยโหนเช่นเดิม

 

แอ่ว “เจียงใหม่” ไหว้พระวัดอุโมงค์ วัดโบราณ สงบงามท่ามกลางเมือง

ในช่วงที่ผ่านมา จ.เชียงใหม่ กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม เนื่องจากความเรียบง่ายของคนเมือง วิถีชีวิตที่น่ารักอบอุ่น ตลอดจนมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย หนึ่งในนั้นคือ “วัดอุโมงค์ เชียงใหม่” วัดโบราณที่ตั้งอยู่กลางใจเมือง แต่กลับเงียบสงบ ร่มเย็น และเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่งดงาม รอให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัสความสงบ กราบพระขอพร และถวายสังฆทาน
.
วัดอุโมงค์ ประวัติที่มาเป็นอย่างไร ? จากตำนานเล่าว่า เดิมทีบริเวณวัดอุโมงค์ หรือสวนพุทธธรรม เป็นพื้นที่วัดของกษัตริย์ในยุคสมัยของพระเจ้ามังรายมหาราช เพราะพระองค์ได้ทำนุบำรุงพระศาสนา และสร้าง “วัดเวฬุกัฏฐาราม” (วัดไผ่ 11 กอ) ขึ้น
.
เมื่อยุคสมัยและการปกครองของผู้นำเปลี่ยนผ่าน ก็ยังมีการฟื้นฟูบริเวณวัดเรื่อยๆ จนเข้าสู่ยุคของพระเจ้ากือนาธรรมาธิราช พระองค์ได้ทำการบูรณะ ซ่อมแซมเจดีย์ และสร้างอุโมงค์ทางเดิน 4 ทิศ เพื่อให้เป็นที่จำพรรษาของพระมหาเถรจันทร์ และตั้งชื่อว่า “วัดอุโมงค์เถรจันทร์” หรือ “วัดอุโมงค์ เชียงใหม่”
.
จุดเด่นวัดอุโมงค์ เชียงใหม่ ที่ไม่ควรพลาด : 
.
1. อุโมงค์ทางเดิน 4 ทิศ
อุโมงค์ทางเดิน 4 ทิศขนาดใหญ่เป็นหนึ่งจุดเด่นสำคัญ เนื่องจากด้านในมีการเจาะช่องผนังสำหรับวางเทียน ทำให้ภายในอุโมงค์นั้นค่อนข้างมืด เงียบ และสงบ ตามทางเดินจะมีรูปจิตรกรรมฝาผนังเกือบตลอดเส้นทาง นอกจากนี้ภายในอุโมงค์จะมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ นักท่องเที่ยวสามารถเดินลอดใต้อุโมงค์เพื่อเข้ามากราบไหว้พระ ขอพร ตลอดจนชมความงดงามของภาพจิตรกรรมฝาผนังรูปต่างๆ ได้ เช่น ภาพจิตรกรรมนก ดอกโบตั๋น ดอกบัว เมฆ เป็นต้น
.
หากใครที่มีโอกาสได้ไปเที่ยวที่วัดอุโมงค์ เชียงใหม่ในช่วงฤดูฝน หรือปลายฝนต้นหนาว จะพบว่าบริเวณด้านหน้า หรือรอบๆ ของอุโมงค์มีมอสส์สีเขียวขึ้นปกคลุม สร้างความสวยงาม สบายตา ในขณะเดียวกันก็ร่มรื่นและเงียบสงบด้วย
.
2. เจดีย์ 700 ปี วัดอุโมงค์ เชียงใหม่
เจดีย์วัดอุโมงค์ เชียงใหม่ ตั้งอยู่บริเวณใกล้กับทางเข้าอุโมงค์ทางขึ้นลงเจดีย์มีบันไดนาคที่งดงามอยู่ด้านข้าง โดยจะเป็นสถาปัตยกรรมทรงระฆังกลม บริเวณทรงกรวยด้านบนของเจดีย์จะเป็นรูปกลีบดอกบัว บริเวณฐานส่วนล่างจะมีปูนปั้นลวดลายสวยงามตามแบบสถาปัตยกรรมของศิลปะพม่า ทั้งนี้เจดีย์วัดอุโมงค์ถือว่าเป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมเก่าแก่และสะท้อนให้เห็นถึงสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิม
.
3. เศียรพระพุทธรูปฝีมือช่างพะเยา
อีกหนึ่งจุดเด่นวัดอุโมงค์ คือ พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง ที่บริเวณลานด้านข้างทางเข้าอุโมงค์จะมีการจัดตั้งเศียรพระพุทธรูปจำนวนมาก ซึ่งพระพุทธรูปส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นโดยชาวพะเยาที่มีฝีมือช่วง พ.ศ.1950-2100 เป็นหนึ่งในคุณค่าทางสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจ
.
นอกจากนี้วัดอุโมงค์ เชียงใหม่ยังมีจุดเด่นอีกหลายๆ แห่งที่น่าสนใจและควรค่าแก่การมาเยี่ยมเยือน เช่น เสาหินอโศกจำลองจากประเทศอินเดีย หลักศิลาจารึกบันทึกประวัติความเป็นมาของวัดอุโมงค์ เชียงใหม่ หอสมุดธรรมโฆษณ์ โรงภาพปริศนาธรรม ตลอดจนมีสำนักปฏิบัติธรรมวัดอุโมงค์ สวนพุทธธรรม สำหรับผู้ที่สนใจปฏิบัติธรรมท่ามกลางความเงียบสงบ
.
วัดอุโมงค์ เปิดกี่โมง วันไหนบ้าง?
วัดอุโมงค์ เชียงใหม่ เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-20.00 น. นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้ทั้งในช่วงกลางวัน และสามารถเดินทางมากราบไหว้ขอพรพระที่วัดอุโมงค์ช่วงกลางคืนได้ไม่เกินเวลา 2 ทุ่ม ทั้งนี้ควรงดใช้เสียงดัง และแต่งกายด้วยชุดสุภาพเหมาะสม
 

© Copyright 2021, All rights reserved. THE STUDY TIMES
Take Me Top