Tuesday, 26 September 2023
NEWS

2 วงดนตรี ‘เตรียมอุดมศึกษา-หน้าโรงเรียน’ คว้ารางวัลชนะเลิศ ในการประกวด ‘THE POWER BAND 2023 Season 3’

ใกล้ความฝันสู่การเป็นศิลปินมืออาชีพเข้ามาอีกขั้น! เมื่อบรรดาเหล่าคนดนตรีได้พิสูจน์ฝีมือ และสร้างสรรค์พลังทางดนตรีในแบบฉบับของตนเองอย่างเข้มข้นบนเวทีประกวดวงดนตรีคุณภาพระดับประเทศ THE POWER BAND 2023 Season 3 ที่จัดขึ้นโดยกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ร่วมกับวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล และ 6 ค่ายเพลงดัง ได้แก่ Muzik Move, LOVEiS Entertainment, Smallroom, What The Duck, Warner Music Thailand และ XOXO Entertainment ซึ่งได้ 2 วงดนตรีที่ชนะเลิศจากการประกวดจาก Class A และ Class B ไปแล้วเมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ โรงละคร อักษรา คิง เพาเวอร์ โดยมีนายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ และ ศาสตราจารย์ นายแพทย์บรรจง มไหสวริยะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ให้เกียรติเป็นผู้มอบรางวัล

โดยในปีนี้ ผู้ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศทุกวงได้พกความมั่นใจ เพื่อประชันความสามารถทางดนตรีกันอย่างเต็มที่ ต่อหน้าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายสาขาอาชีพในวงการเพลงทั้งไทยและต่างชาติ ประกอบด้วย พล คชภัค ผลธนโชติ ผู้บริหารค่าย Boxx Music และ Zircle Muzik, โอ๊บ เพิ่มศักดิ์ พิสิษฐ์สังฆการ ผู้บริหารค่าย Move Records, Associate Professor Giorgi Mikadze นักเปียโน - นักประพันธ์ดนตรีชาวจอร์เจีย จากวิทยาลัยดนตรีเบิร์กเลย์, เป้ ไพสิฐ คำกลั่น หรือ Pae Sax Producer และศิลปินจากค่าย Melodic Corner และ ศรุติ วิจิตรเวชการ หัวหน้าสาขาวิชาดนตรีแจ๊ส ม.มหิดล ซึ่งเกณฑ์การตัดสินพิจารณาจากหลากหลายคุณสมบัติ ทั้งสไตล์การร้องและการโชว์ที่เป็นเอกลักษณ์ การเรียบเรียงองค์ประกอบของดนตรี ความเข้าใจในทฤษฎีดนตรี ทักษะการเล่นเครื่องดนตรี ความสมบูรณ์ของการเล่นเป็นวง และการขับร้อง รวมไปถึงความคิดสร้างสรรค์อันยอดเยี่ยม

นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ กล่าวว่า กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ มุ่งมั่นส่งเสริมศักยภาพของคนไทยทางด้านดนตรีอย่างต่อเนื่อง ผ่านการจัดเวทีประกวดวงดนตรีคุณภาพระดับประเทศ THE POWER BAND ซึ่งในปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 3 แล้ว ที่ผ่านมา เราได้เห็นเยาวชนไทยที่มีศักยภาพได้สร้างโอกาส และพลังแห่งความเป็นไปได้ให้เกิดและเติบโตขึ้นบนเส้นทางสายดนตรี โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เวทีนี้จะช่วยให้พวกเขาได้พัฒนาตนเองให้ได้ไปอยู่ในจุดสูงสุด เป็นการเพิ่มพูนทักษะ และประสบการณ์ให้มากขึ้นอีกด้วย

Associate Professor Giorgi Mikadze นักเปียโน และนักประพันธ์ดนตรีชาวจอร์เจีย จากวิทยาลัยดนตรีเบิร์กเลย์ หนึ่งในคณะกรรมการตัดสิน กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสมาชมการแข่งขัน THE POWER BAND ในครั้งนี้ และรู้สึกชื่นชมในความสามารถทางด้านดนตรีของคนไทย สิ่งสำคัญคือ ให้มีความสุขกับการเล่นดนตรี และหมั่นฝึกซ้อมเป็นประจำ วันนี้ ได้เห็นนักดนตรีไทยทั้งรุ่นเด็กและผู้ใหญ่ที่มีศักยภาพสูง และมั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จในอนาคตอย่างแน่นอน

สำหรับ 2 วงดนตรี ที่คว้ารางวัลชนะเลิศ บนเวที THE POWER BAND 2023 Season 3

ประเภทรุ่นมัธยมศึกษา Class A ได้แก่ วงเตรียมอุดมศึกษา จากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กรุงเทพฯ รับถ้วยรางวัลเกียรติยศ และเงินรางวัล 150,000 บาทไปครอง นายชลธาร เซ็นเชาวนิช ตัวแทนวงเตรียมอุดมศึกษา กล่าวว่า ทุกคนในวงได้ทำในสิ่งตนเองรักคือการเล่นดนตรี เราตั้งใจกับการประกวดครั้งนี้มาก ๆ โดยได้ดึงจุดเด่นเรื่องดนตรีไทยร่วมสมัยออกมาโชว์ครับ เพราะอยากสร้างความแตกต่าง ไม่อยากให้คนไทยลืมดนตรีไทยไป เวที THE POWER BAND 2023 Season 3 ถือเป็นก้าวแรกที่ทำให้วงของพวกเราประสบความสำเร็จไปอีกขั้นในเส้นทางสายดนตรี สามารถต่อยอดไปทำอย่างอื่นในวงการเพลงได้อีกเยอะ ที่สำคัญยังได้มิตรภาพจากเพื่อนต่างโรงเรียนอีกด้วยครับ

ประเภทรุ่นบุคคลทั่วไป ไม่จำกัดอายุ Class B ได้แก่ วงหน้าโรงเรียน จ.ศรีสะเกษ รับถ้วยรางวัลเกียรติยศ และเงินรางวัล 150,000 บาท นางสาวภัทรภร เติมทานาม ตัวแทนวงหน้าโรงเรียน กล่าวว่า วินาทีแรกที่ประกาศผลว่าได้แชมป์ พวกเราดีใจกันมาก ๆ เพราะทุกคนทุ่มเทฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อการประกวดในครั้งนี้ เวที THE POWER BAND ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับทุกคนในวง ก่อนหน้านี้พวกเราได้มีโอกาสได้เข้าแคมป์ดนตรีด้วย เราได้คอมเมนต์จากกูรูคนดนตรีให้ได้ไปพัฒนาต่อ เป็นสิ่งที่ดีมาก ๆ สำหรับคณะกรรมการตัดสินทุกคนเป็นมืออาชีพ เป็นคนที่เรายอมรับการตัดสินได้ ทุกคอมเม้นต์เป็นประโยชน์ทุกอย่างค่ะ ขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีจาก คิง เพาเวอร์ และทุก ๆ พันธมิตรที่เปิดโอกาสให้พวกเรามีพื้นที่โชว์ศักยภาพอย่างเต็มที่ค่ะ

ทั้งนี้ผู้ชนะเลิศทั้งสองวงจะได้ร่วมทำซิงเกิลเพลง และมิวสิกวิดีโอกับค่ายเพลงภายใต้การดูแลของ บริษัท มิวซิกมูฟ จำกัด อีกด้วย

นอกจากนี้ ภายในงานทุกคนยังได้ชมการแสดงมินิคอนเสิร์ตจากวงป๊อปแถวหน้าของไทย TATTOO COLOUR และศิลปินรุ่นน้อง SERIOUS BACON ที่มาร่วมโชว์พลังเสียงในฐานะศิลปินไอดอลของงาน THE POWER BAND 2023 Season 3 สร้างความสนุกสนานและความสุขให้ทุกคนอย่างเต็มที่ สามารถติดตามการประกาศผลรางวัลรอบชิงชนะเลิศทั้งหมดของเวทีประกวดวงดนตรีคุณภาพระดับประเทศ THE POWER BAND 2023 Season 3 ได้ที่ช่องทาง Facebook และ Instagram King Power Thai Power พลังคนไทย

‘กัมมี่กลิ่นรสตรีผลาและโคล่า’ แบรนด์ อินนอริช กับครั้งแรกที่มีรสสมุนไพร เคี้ยวสนุก ได้ประโยชน์ ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่

เมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัท อินโนบิก นูทริชั่น จำกัด ในกลุ่ม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจโภชนาการ เพื่อสุขภาพ ตอบโจทย์ความต้องการด้านโภชนาการของคนไทย เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ‘กัมมี่กลิ่นรสตรีผลาและโคล่า’ แบรนด์อินนอริช (Innourish) ครั้งแรกของกลิ่นรสสมุนไพรตรีผลาในรูปแบบกัมมี่ ที่เคี้ยวสนุกครบรส ดึงจุดแข็งสมุนไพรไทย ‘ตรีผลา’ ที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ปรับสมดุล ผสานความหอมของกัมมี่กลิ่นรสโคล่า อร่อย ทานง่าย ได้ประโยชน์ เดินหน้าเตรียมกลยุทธ์ รุกตลาดคนรุ่นใหม่ และวัยทำงาน ด้วยพรีเซ็นเตอร์หนุ่มอารมณ์ดี ‘มาริโอ้ เมาเร่อ’ เจ้าของนิยาม ‘รสชาติมันโอ้’ 

ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด เปิดเผยว่า อินโนบิก (เอเซีย) ได้จัดตั้งบริษัท อินโนบิก นูทริชั่น จำกัด ดำเนินธุรกิจโภชนาการทางการแพทย์ (Medical Nutrition) และโภชนเภสัช (Nutraceutical) อย่างครบวงจร เพื่อต่อยอดงานวิจัยและการพัฒนาผลิตภัณฑ์โภชนาการสุขภาพออกสู่ตลาด เพิ่มความหลากหลายให้กับผู้บริโภค และสร้างมูลค่าให้เศรษฐกิจไทย และด้วยการเป็นบริษัทของคนไทยที่เล็งเห็นศักยภาพของสมุนไพรไทย ประกอบกับปัจจุบันผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจกับผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรธรรมชาติ ที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เป็นอีกทางเลือกในการบริโภค เราจึงมีความตั้งใจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรดั้งเดิมของไทย เป็นขนมทานเล่นที่ได้คุณภาพมาตรฐาน และเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ซึ่งการพัฒนานี้จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสมุนไพรไทย และเป็นความท้าทายที่ต้องอาศัยการทำงานร่วมกับพันธมิตรแนวหน้าในการคิดค้น วิจัย และพัฒนาต่อยอดให้ตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภค

”หนึ่งในเป้าหมายสำคัญคือ การสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับคนทุกเพศ ทุกวัย ได้ทดลองขนมรูปแบบใหม่ โดยใช้ข้อจำกัดของรสชาติสมุนไพรเป็นแรงบันดาลใจและความท้าทายในการพัฒนาผลิตภัณฑ์กัมมี่กลิ่นรสตรีผลาและโคล่า ภายใต้แบรนด์อินนอริช ให้อร่อย ทานง่าย และยังได้ประโยชน์ด้วย ซึ่งความตั้งใจนี้ พิสูจน์ได้จากการได้รับรางวัลระดับโลกอย่าง Superior Taste Award 2023 จาก International Taste Institute ที่เป็นเครื่องการันตีรสชาติความอร่อย”

รศ.ดร.นพ.ประวิทย์ อัครเสรีนนท์ หัวหน้าสถานการแพทย์แผนไทยประยุกต์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เผยถึงสรรพคุณของสมุนไพรตรีผลา ว่า “ตรีผลาเป็นยาแผนโบราณที่มีส่วนผสมจากผลไม้ 3 ชนิด คือ มะขามป้อม ให้วิตามินซีสูง ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ สมอไทย มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ ช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบขับถ่าย และสมอพิเภก ให้คุณสมบัติในการปรับสมดุลธาตุ ในอดีตตรีผลาเป็นยาแผนโบราณมักใช้ในรูปแบบยาต้ม แม้จะมีสรรพคุณหลายด้าน แต่จะถูกพูดถึงเรื่องของรสชาติที่ทานยาก ทำให้หลายคน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ เข้าไม่ถึงสมุนไพรชนิดนี้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องน่ายินดีที่อินโนบิก นูทริชั่น ได้พัฒนาและดึงศักยภาพของ 'ตรีผลา' มาต่อยอดเป็นกัมมี่กลิ่นรสตรีผลาและโคล่าได้สำเร็จ ทำให้สมุนไพรไทยสามารถเข้าถึงผู้บริโภครุ่นใหม่ เชื่อว่ากัมมี่ตัวนี้จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มาแรงด้วยรสชาติ ความแปลกใหม่ และจุดแข็งที่สรรพคุณเฉพาะตัว” 

ภก.กิตติณัฐ ศรภิญญา กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินโนบิก นูทริชั่น จำกัด กล่าวว่า “กัมมี่กลิ่นรสตรีผลาและโคล่า แบรนด์ อินนอริช (Innourish) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ อินโนบิก นูทริชั่น มุ่งมั่นพัฒนาให้เป็นทางเลือกใหม่ของคนรุ่นใหม่ ในรูปแบบของกัมมี่กลิ่นรสสมุนไพร ทานสนุก เคี้ยวง่าย รสชาติอร่อย และด้วยเป้าหมายเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ จึงได้ดึงนักแสดงหนุ่ม ‘มาริโอ้ เมาเร่อ’ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ด้วยบุคลิกขี้เล่น สนุกสนาน ของมาริโอ้ที่ตรงกับคาแรคเตอร์ของกัมมี่อย่างกลมกล่อมลงตัว จึงเหมาะที่จะเข้ามาเสริมความสนุกของแบรนด์และส่งต่อไปยังกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี”

สัมผัสความอร่อยสไตล์ใหม่ ในราคาซองละ 38 บาท ได้แล้ววันนี้ที่ Tops, Gourmet Market, Jiffy, Villa Market, Foodland, Fascino หรือ Innobic Official Store ใน Shopee Lazada และ TikTok Shop สามารถติดตามโปรโมชั่นและกิจกรรมพิเศษต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่  https://www.facebook.com/Innourish

‘กองทุนดีอี’ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโครงการ 5G ต้นแบบ หลัง ม.เชียงใหม่ได้รับทุนนำร่องขยายบริการเข้าถึงประชาชน

สดช. ลงพื้นที่เชียงใหม่ ตรวจเยี่ยมโครงการนำร่องการพัฒนาย่านเทคโนโลยี 5G ต้นแบบ สำหรับให้บริการประชาชน (5G District)

เมื่อวันที่ 21-22 ก.ย. 66 นายภุชพงค์ โนดไธสง เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) พร้อมด้วยนายสมบูรณ์ เมฆไพบูลย์วัฒนา ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการบริหารเทคโนโลยีดิจิทัลและการสื่อสาร’ นายสมเกียรติ ศิริวัฒนโชค ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการบริหารจัดการเชิงนโยบาย พร้อมด้วย  นางสุรีพร พรโสภณวิชญ์ ผู้อำนวยการกองบริหารกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, และผู้บริหารจากสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อตรวจเยี่ยมโครงการนำร่องการพัฒนาย่านเทคโนโลยี 5G ต้นแบบ สำหรับให้บริการประชาชน (5G District) ส่วน 5G Smart Health เพื่อพัฒนาแนวทางและประยุกต์ใช้ระบบเทคโนโลยี 5G ในการส่งเสริมการให้บริการการแพทย์ 5G Smart Ambulance สำหรับบริหารจัดการรถพยาบาลแบบรวมศูนย์ และ Telemedicine สำหรับโรงพยาบาลประจำอำเภอในเขตจังหวัดภาคเหนือตอนบน

โดยโครงการดังกล่าว เป็นโครงการของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งเป็นผู้ได้รับทุนจากกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มีแหล่งข้อมูล (Big Data) เพื่อนําไปวิเคราะห์และประมวลผลต่อในด้านการพัฒนาพื้นที่ให้เหมาะสมต่อประชากรในท้องถิ่นระบบเชื่อมโยงและข้อมูลระหว่างกลุ่มข้อมูลแบบเรียลไทม์ ณ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และโรงพยาบาลสันทราย จ.เชียงใหม่

‘CADT DPU’ เปิดสูตรใหม่ สร้างแรงบันดาลใจให้เด็กรั้วกองบิน ติวเข้ม!! หลักสูตรสอบแอร์-สจ๊วตเชิงลึก ปูทางสู่อาชีพในฝัน

เมื่อวานนี้ (22 ก.ย. 66) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ น.ต.ดร.วัฒนา มานนท์ คณบดีวิทยาลัยการพัฒนาและฝึกอบรมด้านการบิน (CADT : College of Aviation Development and Training ) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) เปิดเผยว่า ขณะนี้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมการบินฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้บุคลากรทั้ง 2 อุตสาหกรรมขาดแคลนจำนวนมาก จากผลสำรวจของ IATA พบว่าปัจจุบันสายการบินทั่วโลกมีจำนวนผู้โดยสารกลับมาใช้บริการ จำนวน 4,500 ล้านคนต่อปี ซึ่งใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดโควิด -19 ในปี 2562 ที่มีจำนวน 4,540 ล้านคน ส่วนรายได้ของภาคการบินฟื้นกลับมาประมาณ 8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

สำหรับประเทศไทยมีเที่ยวบินเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน ได้แก่ สนามบินสุวรรณภูมิมีทั้งหมด 826 เที่ยวบินต่อวัน ขณะที่สนามบินดอนเมืองมี 481 เที่ยวบินต่อวัน ซึ่งตัวเลขที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวสอดรับกับนโยบายของรัฐบาลที่ตั้งเป้าให้คนเดินทางท่องเที่ยวไทยจำนวน 30 ล้านคนต่อปี ขณะนี้ผ่านไป 8 เดือนมีผู้โดยสารเดินทางมาไทยแล้วจำนวน 17 ล้านคน

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ น.ต.ดร.วัฒนา กล่าวว่า จากสถิติดังกล่าว CADT DPU ในฐานะสถาบันการศึกษา ที่มุ่งมั่น สร้างมืออาชีพด้านธุรกิจการบิน ได้เตรียมหลักสูตรผลิตบุคลากรเพื่อรองรับตลาดแรงงานด้านการบิน ด้วยการจัดหลักสูตรพิเศษ 2 หลักสูตร ดังนี้

หลักสูตรที่ 1 สำหรับกลุ่มเด็กชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายรวมถึงนักศึกษาใหม่ เป็นหลักสูตรสร้างแรงบันดาลใจ (Inspiration) ให้กับเด็ก โดยการจัดค่ายการบินร่วมกับ เพจเด็ก ม.ปลาย เพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับอุตสาหกรรมการบินทั้ง 9 กิจกรรมของการบินพลเรือน ที่สำคัญจะได้รู้ว่าตนเองเหมาะกับอาชีพอะไรสังกัดอยู่ส่วนไหน นอกจากนี้ ยังมีการเตรียม MOU (Memorandum of Understanding) กับสมาคมสโมสรลูกเสืออากาศ เพื่อดึงกลุ่มเด็กนักเรียนที่อาศัยอยู่ใกล้สนามบินหรือกองบินทั่วประเทศ มาเข้าร่วมกิจกรรมเรียนรู้เกี่ยวกับหลักสูตรการเรียนด้านการบิน โดยเตรียมเปิดตัวครั้งแรกที่กองบิน 46 จังหวัดพิษณุโลกในเร็วๆ นี้

คณบดี CADT DPU กล่าวเพิ่มเติมว่า หลักสูตรที่ 2 เป็นกลุ่มนักศึกษาชั้นปีที่ 3 ถึง ชั้นปีที่ 4  รวมถึงผู้ที่สำเร็จการศึกษาไปแล้วประมาณ 1-2 ปี ที่มีความฝันอยากก้าวเข้าสู่การเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ทางสถาบันการบิน (DAA) จึงเตรียมหลักสูตรติดปีกให้เป็นนางฟ้าอย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยหลักสูตร Cabin Crew Born to be by DAA โดยรายละเอียดในหลักสูตรนั้น วันแรก Grooming day จะมีการเทรนด์การแต่งกายทำผม และเลือกเครื่องสำอางให้เหมาะกับโทนผิว

วันที่ 2 Personality day เทรนด์เรื่องบุคลิกภาพ การใช้สีหน้า และน้ำเสียงในการสนทนา รวมถึงเทคนิคการทำ Resume และการตอบคำถามให้โดนใจกรรมการ วันที่ 3 IATA Airline Customer Service เป็นการ Up Skill เพิ่มโอกาสให้ได้งานด้วย IATA Certificate ส่วนวันสุดท้าย Exclusive Interview Day จะสอนเทคนิคสอบสัมภาษณ์แบบกลุ่ม แบบเดี่ยว ทั้งเวอร์ชันภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยจะเริ่มเรียนทุกวันเสาร์จำนวน 4 สัปดาห์ ระหว่างวันที่ 21 ตุลาคม ถึง 11 พฤศจิกายน 2566 เวลา 09.00-16.00 น. สอบถามเพิ่มเติมที่ โทร. 061-863-7991 E-mail: daa@dpu.ac.th Line : @daa_dpu หรือคลิก Link https://lin.ee/hHrcpYa  แบบฟอร์มลงทะเบียน https://forms.gle/R8ZF3ccMzu69UjWp9

“ถือเป็นครั้งแรกของ DAA ที่เปิดโอกาสให้คนที่มีความฝันอยากเป็นแอร์-สจ๊วต เข้ามาเทรนด์ก่อนสอบกับผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์จากสายการบินต่าง ๆ ทุกคนที่เข้ามาอบรมจะได้รับความรู้เชิงลึกและเทคนิคการสัมภาษณ์งานที่ตรงใจกรรมการมากที่สุด ที่สำคัญหลังจากผ่านการอบรมสามารถสมัครสอบเพื่อรับ Certificate จาก IATA ได้อีกด้วย และสามารถนำไปแนบการสมัครงานเพิ่มโอกาสในการได้คะแนนพิเศษที่ไม่ควรพลาด

ผู้ที่ผ่านการอบรมจะมีความเป็นตัวเองอย่างสง่างาม มีความมั่นใจในการพิชิตใจกรรมการมากขึ้น ทั้งนี้หากผู้เข้าอบรมสามารถนำไปปฏิบัติได้ตามที่อบรม จะผ่านการสอบสัมภาษณ์ได้อย่างไม่ยากแน่นอน นอกจากนี้ทาง DAA ยังมีความพร้อมในการเปิดหลักสูตรพิเศษที่หลากหลาย หากหน่วยงานต่าง ๆ อาทิ บริษัทวิทยุการบิน พนักงานอำนวยการบิน เป็นต้น เปิดรับสมัครงานในตำแหน่งเฉพาะทาง เราพร้อมที่จะผลิตนักศึกษาให้ตรงกับความต้องการของแต่ละหน่วยงานในอุตสาหกรรมการบิน” คณบดี CADT DPU กล่าวในตอนท้าย

PROGRAM

เปิดใจเจ้าพ่อดาราโฆษณา ทุกสินค้าต่างแย่งชิง "แมน เสฏฐวุฒิ" | Click on Crazy EP.13

? Click on Crazy EP.13 เปิดใจเจ้าพ่อดาราโฆษณา ทุกสินค้าต่างแย่งชิง "แมน เสฏฐวุฒิ"

?เสฏฐวุฒิ พรธนาวุฒิ (แมน)
นักแสดง 

✅ดำเนินรายการโดย แองจี้ THE STUDY TIMES 

⏰ วันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ เวลา 2 ทุ่มตรง

?ช่องทางรับชม 
Facebook และ YouTube: THE STUDY TIMES

เส้นทาง นักร้อง Cover ลงยูทูบ เตะตาค่ายได้ออกซิงเกิ้ล "พีช ปณิชา" | Click on Crazy EP.12

? Click on Crazy EP.12 เส้นทาง นักร้อง Cover ลงยูทูบ เตะตาค่ายได้ออกซิงเกิ้ล "พีช ปณิชา"

?ปณิชา เมธวิชิตชัย (พีช)
นักร้อง

✅ดำเนินรายการโดย แองจี้ THE STUDY TIMES 

⏰ วันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม เวลา 2 ทุ่มตรง

?ช่องทางรับชม 
Facebook และ YouTube: THE STUDY TIMES

กำเนิด 'เครื่องล้างจาน' แรกของโลก | Click on Clever EP.21

?Click on Clever EP.21 กำเนิด 'เครื่องล้างจาน' แรกของโลก

“เครื่องล้างจาน” สิ่งประดิษฐ์ที่ทำให้กิจกรรมน่าเบื่อหน่ายง่ายดายขึ้น
ใครคือผู้คิดค้น “เครื่องล้างจาน” คนแรกของโลก ด้วยสาเหตุสุดแปลก เพราะ “โมโหจานแตก” วันนี้จะพาไปรู้จักเธอกัน!!

✅ดำเนินรายการโดย (กันต์) ธนพัฒน์ แจ่มปรีชา 

?ช่องทางรับชม 
Facebook และ YouTube: THE STUDY TIMES

TRENDING
GUIDE TO LEARNING

ได้เวลาโกอินเตอร์ “อังกฤษ”แจกฟรีทุนเรียนป.โท

ถึงเวลาได้โกอินเตอร์! “อังกฤษ”แจกฟรีทุนเรียนป.โท พร้อมค่าเทอม/ค่าที่พัก/ค่าตั๋วเครื่องบิน/เบี้ยเลี้ยง ฟรี
.
รัฐบาลอังกฤษประกาศเปิดรับสมัครนักศึกษาเข้ารับทุนชีฟนิ่ง (Chevening) ประจำปี 2023-2024 ซึ่งเป็นทุนให้เปล่าที่จะช่วยให้ผู้นำที่โดดเด่นจากทั่วทุกมุมโลกสามารถศึกษาต่อระดับปริญญาโทเป็นระยะเวลา 1 ปีในอังกฤษ โดยเปิดให้เลือกเรียนสาขาใดก็ได้ มหาลัยใดก็ได้ 
.
สิ่งที่จะได้รับ 
✔️ ฟรี! ค่าตั๋วเครื่องบิน
✔️ ฟรี! ที่พัก
✔️ ฟรี! ค่าเบี้ยเลี้ยงรายเดือน
✔️ ฟรี! ค่าเล่าเรียน
✔️ ค่าใช้จ่ายชีวิตประจำวัน 
✔️ ค่าเดินทางในประเทศ 
✔️ ค่าตั้งรกราก 

 

Charisma 13 กุญแจ สู่ความสามารถไร้ขีดจำกัด

อะไรคือสิ่งที่ทำให้คนๆนึงเป็นคนที่มีความสามารถไร้ขีดจำกัดและเรารู้สึกอยากจะมีความสามารถแบบนั้นได้บ้างหรืออยากมีคาริสม่าเปล่งประกายแบบนั้นได้บ้าง
.
Charisma (อ่านว่า คะ ริส หม่า) แปลว่า เสน่ห์
.
คำนี้เป็นคำนาม เป็นคำที่ใช้แทนการมีเสน่ห์แบบที่ค่อนข้างจะลึกซึ้งกว่าแบบอื่น เพราะจะเป็นเสน่ห์ในแง่ การที่สามารถดึงดูดใจ หรือชักจูงใจให้คนอื่น นำไปเป็นแบบอย่างได้ เช่นพวก ซุปเปอร์สตาร์ดังๆ นักพูดดังๆ นักการเมือง ผู้ซึ่งมีเสน่ห์ ดึงดูดใจทุกครั้งที่กล่าวสุนทรพจน์ หรือ แสดงออกต่อหน้าสาธารณชน ไม่ใช่เพราะเขาพูดเก่ง หรือไม่ใช่เพราะเขาหน้าตาหล่อ หรือหุ่นดี แต่เป็นเสน่ห์รวมๆ ที่อยู่ในบุคลิกภาพของเขา ทำให้เขาสามารถสื่อสาร และก่อเกิดเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนมากมาย คำๆ นี้มาจากรากศัพท์ภาษากรีก ว่า Kharisma ซึ่งแปลว่า ของประทานจากพระเจ้า ดังนั้นเสน่ห์แบบนี้บางคราวจึงเกิดขึ้นมาแบบเหนือธรรมชาติ หรือเกินกว่าที่จะอธิบายถึงที่มาที่ไป ดังนั้น charisma นี้ จึงมีความหมายว่า พรสรรค์ ด้วย มาดูกันว่า 13 กุญแจสำคัญของการเป็นคนที่มีคาริสม่ามีอะไรบ้าง
.
1. ความเชื่อ (Belief) : ความเชื่อในสิ่งที่ทำ ความเชื่อมั่นในตัวเองในทางที่ดี และมักจะมองเห็นคุณค่าในตัวผู้อื่น หรือเชื่อมั่นในตัวผู้อื่นเช่นกัน
.
2. มีความหลงใหล ( Passion ): หลงใหลในสิ่งที่ทำ บางครั้งก็หลงใหลในขั้นสุดโต่ง จนคนส่วนใหญ่มักจะมองว่า “บ้า” แต่บ้าแบบมีเป้าหมายมีทิศทางหนักแน่นชัดเจน

3. มีความริเริ่ม (Initiative) : ริเริ่ม และลงมือทำอย่างรวดเร็ว ในเมื่อคนแบบนี้มีความคิดใหม่ๆขึ้นมาแล้ว เค้าจะไม่รอให้ใครลงมือทำก่อนเค้าแน่นอน และไม่ลังเลที่จะทำสิ่งที่เค้าคิดให้เกิดขึ้น
.
4. จดจ่อ (Focus) : หากคำว่า โฟกัสหรือการจดจ่อของคุณ มีเพียงคำว่า “โฟกัส” คำเดียว สำหรับคนเหล่านี้จะมีคำว่า โฟกัส โฟกัส โฟกัส โฟกัส โฟกัส นับร้อยครั้งในหัวของเค้า เห็นได้ชัดว่า เค้าจะจดจ่อและโฟกัสกับสิ่งที่เค้าตั้งใจทำแค่ไหน
.
5. เตรียมตัวอย่างดี (Preparation) : คนเหล่านี้จะเตรียมพร้อมเสมอและมีการเตรียมตัวเตรียมการไว้ดีเสมอ
.
6. ซักซ้อม (Practice) : ซักซ้อมเสมอในสิ่งที่เค้ารักที่เค้าสนใจในสิ่งที่เค้าทำ ดังคำกล่าวของ บรูซลี (Bruce Lee) ว่า " ผมไม่กลัวคนที่ฝึกเตะเป็นหมื่นท่าแค่ครั้งเดียวหรอก แต่ผมกลัวคนที่ฝึกเตะท่าเดียวเป็นหมื่นครั้งต่างหาก"
.
7. มีความเพียร (Perseverance) : ความเพียรเป็นสิ่งที่คนเหล่านั้นเห็นเพียงคนเดียวและอยู่กับมันในทุกๆวัน ทุกเวลา 24 ชั่วโมงต่อวัน 365 วันต่อปี แต่มักจะเป็นสิ่งที่คนภายนอกมองว่า คนเหล่านั้นโชคดีจัง ในเวลาที่คนเหล่านั้นประสบความสำเร็จ
.
8. ความกล้าหาญ ( Courage ) : ความกลัวเป็นปฏิกิริยาตอบสนอง..แต่ความกล้าหาญคือ"การตัดสินใจ"ที่จะไม่ตอบสนองต่อความกลัว ทำให้กลายเป็นบุคลิกหลักๆ ที่เราจะเห็นได้จากคนที่มีคาริสม่าเลยก็ว่าได้
.
9. การเป็นคนที่รับคำสั่งสอนได้ (Teachability) : อีกในนึงคือมีความนอบน้อม รับฟังผู้อื่นติชมได้ แล้วยังรักการเรียนรู้จากคนรอบข้างเสมอ
.
10: จิตใจดีมีน้ำใจ (Kindness) : มีน้ำจิตน้ำใจที่ดี อาจจะไม่ใช่ทุกคนที่จะมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี เพราะบางคนก็เป็น Artist อาจจะเข้ากับคนอื่นได้ลำบากด้วยซ้ำ แต่คนเหล่านี้ลึกๆ แล้วจะความเมตตาและมีจิตใจที่ดีจนคนรอบข้างสัมผัสได้11. มีความรับผิดชอบสูง (Responsibility) : รับผิดชอบในวินัยของตนเองรวมถึงรับผิดชอบต่อสิ่งที่ทำผิด คุณจะไม่มีทางเห็นคนเหล่านี้พยายามโยนความผิดที่เกิดขึ้นให้กับคนอื่นแน่ๆหากเค้าเป็นคนทำเองเค้าจะ รับผิดชอบในสิ่งที่กระทำด้วยความกล้าหาญ
.
12. รักตัวตนของตัวเอง (Self-Love) มีความรักในตัวเองและเห็นคุณค่าของตัวเอง คนเหล่านี้จะตกหลุมรักตัวเองในทุกๆวันและมีความสุขจนคนรอบข้างอยากรักเค้าตามไปด้วยเลย
.
13. มีความรู้คุณคน (Gratitude) : ซาบซึ้งในบุญคุณของคนที่ช่วยเหลือเขา และขอบคุณพร้อมทั้งตอบแทนช่วยเหลือกลับเท่าที่เขาจะทำได้ และไม่มีวันลืมคนที่มีพระคุณกับเขาทุกคน

ทักษะแห่งอนาคตโลก 4.0 วัยเรียน-วัยแรงงาน -ผู้สูงวัย ต้องมี

ปัจจุบันมีจำนวนประชากร 5 คน ทำงานเลี้ยงผู้สูงอายุ 1 คน คาดว่าปี 2583 ประเทศไทยจะเหลือประชากรไม่ถึง 2 คน ทำงานดูแลผู้สูงอายุ 1 คน ดังนั้น จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนพัฒนาเยาวชนให้มีความรู้และทักษะที่จำเป็น ควบคู่การส่งเสริมให้ผู้สูงอายุปรับตัวเข้ากับโลกแห่งความทันสมัย
.
การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ของโลกศตวรรษที่ 21 ส่งผลให้รูปแบบการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เปลี่ยนแปลงไป  และการเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างเต็มรูปแบบ ดังนั้น การเตรียมพร้อมคุณภาพของคนให้มีทักษะแห่งอนาคตที่จำเป็น โดยจากการศึกษาจำแนก การเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลต่อการพัฒนาคนไทยออกเป็น 5 สถานการณ์ ได้แก่
.
1. การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรจากการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย และการเคลื่อนย้ายถิ่นฐาน
2. ช่องว่างระหว่างวัยที่กว้างขึ้น เพราะประสบการณ์บริบทชีวิต และความคิดแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
3. การพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยีที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสังคมเป็นวงกว้าง
4. การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอาชีพและรูปแบบการทำงาน มีทั้งอาชีพเกิดใหม่และหายไป
5. กระบวนการเรียนรู้ที่มีความหลากหลายขึ้น เน้นการเรียนเชิงรุกและบูรณาการข้ามสาขา
.
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ได้นำเสนอทักษะที่จำเป็นแห่งอนาคต เพื่อเตรียมการพัฒนาคุณภาพคนไทยทุกช่วงวัย รองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของโลกศตวรรษที่ 21 เริ่มด้วย
.
ช่วงปฐมวัย (0-5 ปี) การพัฒนาช่วงวัยนี้ควรเปิดโอกาสให้เด็กๆได้สำรวจสิ่งแวดล้อมรอบตัวอย่างปลอดภัย เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ที่หลากหลาย มีมุมมองต่อโลกอย่างกว้างขวาง มีการเตรียมความพร้อมในการพัฒนาทุกด้านพร้อมกัน ทั้งด้านร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม ควบคู่กับการพัฒนาผู้ปกครอง ผู้ดูแลและครูให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีการพัฒนาเด็กปฐมวัยโดยเฉพาะ มี 5 อันดับทักษะที่จำเป็นแห่งอนาคตดังนี้
1.การคิดเชิงสร้างสรรค์
2.ความอยากรู้อยากเห็น
3.ความสามารถทางกายภาพ การแก้ปัญหา และการสื่อสาร
4.การอ่านออกเขียนได้
5.ความเข้าใจและการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัล การเข้าใจผู้อื่น
.
ช่วงวัยเรียน/วัยรุ่น (5-21ปี) การพัฒนาช่วงวัยนี้ควรให้ความสำคัญกับความยืดหยุ่นหลากหลาย ครอบคลุมการพัฒนาทั้งกาย ใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญา ตลอดจนทักษะพื้นฐานและทักษะที่เชื่อมสู่โลกการทำงาน ไม่จำกัดการเรียนรู้อยู่ในห้องเรียนเพียงอย่างเดียว ส่งเสริมการค้นหาตัวตนและความถนัดของเด็ก และมีช่องทางการเรียนรู้ที่ตอบสนองได้ทั้งในและนอกระบบโดยมี 5 อันดับทักษะที่จำเป็นแห่งอนาคต
1.ความเข้าใจและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล
2.การอ่านออกเขียนได้
3.การเป็นผู้เรียนเชิงรุก
4.การเป็นพลเมืองที่ดี
5.ความอยากรู้อยากเห็น การคิดเชิงสร้างสรรค์
.
ช่วงวัยแรงงาน(15-59 ปี )การพัฒนาในช่วงวัยนี้ควรเสริมสร้างความต้องการเรียนรู้ เปิดโอกาสให้เกิดการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ที่เชื่อมโยงตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน โดยโอกาสในการพัฒนาตนเองดังกล่าว ควรควบคู่กันทั้งการเรียนรู้อย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการ ต้องเป็นไปอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ มี 5 อันดับทักษะที่จำเป็นแห่งอนาคตดังนี้ 
1.ความเข้าใจและการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัล การแก้ปัญหา
2.ความรู้ทางธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ
3.การคิดเชิงสร้างสรรค์
4.การทำงานร่วมกับผู้อื่น
5.การปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมที่หลากหลาย
.
ช่วงวัยผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป กลุ่มผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) ซึ่งการพัฒนาในช่วงวัยนี้ควรมีรูปแบบการเรียนรู้ใหม่ๆ ที่เหมาะสมสำหรับผู้สูงวัย โดยเฉพาะ สนับสนุนการนำความรู้และประสบการณ์ของผู้สูงวัยมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศ ชุมชน และตัวผู้สูงวัยเอง เพื่อเสริมสร้างคุณค่าและต่อยอดบทบาทในสังคมของผู้สูงอายุ และรับมือกับการเข้าสู้สังคมผู้สูงวัยอย่างยั่งยืนโดย 5 อันดับทักษะที่จำเป็นแห่งอนาคต  
1.การปรับตัว
2.การมองโลกในแง่ดี
3.ความเข้าใจและการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัล
4.ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ การเข้าใจผู้อื่น
5.การแก้ปัญหา
.
แล้วแนวทางการส่งเสริมในแต่ละช่วงวัย ควรปฎิบัติอย่างไร ? เราแบ่งได้ดังนี้ 
1. นโยบายการศึกษา
•    ช่วงปฐมวัย : มีนโยบายและงบประมาณทางการศึกษาเพื่อพัฒนาเด็กช่วงปฐมวัยโดยเฉพาะ ครอบคลุมการเตรียมความพร้อมทั้งเด็กและผู้ดูแล
•    ช่วงวัยเรียน : ปฎิรูปหลักสูตรและกระบวนการเรียนการสอนให้ทันสมัย สอดคล้องความต้องการและจำเป็น ควบคู่กับการยกระดับวิชาชีพและการจัดการศึกษาแบบกระจายอำนาจ
•    ช่วงวัยทำงาน : ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต มีเงินทุนแรงงานเพื่อการพัฒนาตนเอง สนับสนุนการเรียนรู้ในที่ทำงาน โดยมีหลักสูตรเฉพาะสำหรับผู้ใหญ่ และสายอาชีพที่ต่างกัน
•    ช่วงผู้สูงอายุ : จะมีนโยบายพัฒนาทักษะ ส่งเสริมการจ้างงานและการเรียนรู้ตลอดชีวิตของผู้สูงอายุให้ผู้สูงอายุยังมีบทบาทและสามารถเป็นพลังในการขับเคลื่อนประเทศ
.
2. กระบวนการเรียนรู้
•    ช่วงปฐมวัย : ใช้กิจกรรมที่เหมาะสมกับช่วงอายุ ลักษณะการเรียนรู้ และความสนใจของแต่ละคน เน้นการเรียนแบบแบ่งปันความคิดร่วมกันและการจัดการเรียนรู้ที่ไม่เป็นทางการ
•    ช่วงวัยเรียน : เน้นการเรียนรู้แบบบูรณาการร่วมกับการทำงาน เสริมสร้างสมรรถนะจากประสบการณ์จริง และมีผู้เรียนเป็นศูนย์กลางในการจัดการศึกษา
•    ช่วงวัยทำงาน : เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง  นำความเชี่ยวชาญของผู้เรียนมาเป็นฐาน สามารถวางแผนการเรียนรู้ตามจังหวะของตนเอง มีการอบรมที่มีคุณภาพ และเรียนรู้จากประสบการณ์จริงในการทำงาน
•    ช่วงผู้สูงอายุ : ออกแบบกระบวนการเรียนรู้ให้เหมาะกับช่วงวัย เน้นฝึกการอบรมเชิงประสบการณ์ การอภิปราย การบูรณาการ การเรียนรู้แบบร่วมมือ และมุ่งต่อยอดทักษะ ความรู้เดิม
.
3. สภาพแวดล้อม
•    ช่วงปฐมวัย : สภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย เอื้อต่อการเรียนรู้ร่วมกัน สนับสนุนการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์สร้างพัฒนาการทางสมอง และให้อิสระแก่เด็ก
•    ช่วงวัยเรียน : ออกแบบพื้นที่การเรียนรู้ที่เชื่อมโยง เป็นสัดส่วน สามารถรองรับกิจกรรมการเรียนและการทำงานที่แตกต่างกันได้  ให้ผู้เรียนได้ลงมือปฎิบัติจริง เกิดปฎิสัมพันธ์แลกเปลี่ยนระหว่างกัน
•    ช่วงวัยทำงาน : ส่งเสริมการเรียน การมีส่วนร่วม และการเติบโตร่วมกันภายในองค์กร มีเส้นทางความก้าวหน้าของอาชีพที่ชัดเจน เพื่อเป็นแรงจูงใจให้พนักงานพัฒนาตนเองสู่ความสำเร็จ
•    ช่วงผู้สูงอายุ : พัฒนาสภาพแวดล้อมให้สอดคล้องกับลักษณะการเรียนรู้ ผู้สูงอายุต้องการสภาพแวดล้อมเชิงสนับสนุนที่เห็นอกเห็นใจ ไม่เป็นทางการผ่อนคลาย และเป็นมิตรต่อการเรียนรู้
.
4. เทคโนโลยี
•    ช่วงปฐมวัย : จัดสรรสื่อและเทคโนโลยีทั้งสื่อดั่งเดิมและสื่อดิจิทัล ช่วยส่งเสริมการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
•    ช่วงวัยเรียน : นำเทคโนโลยีมาใช้ช่วยจัดการเรียนการสอน เช่น แพลตฟอร์มเพื่อเข้าถึงเนื้อหา และนวัตกรรมวิเคราะห์ข้อมูลผู้เรียนและออกแบบการเรียนรู้ที่ตอบสนองผู้เรียนแต่ละคน
•    ช่วงวัยทำงาน :ใช้เทคโนโลยีเพื่อเป็นสื่อและช่องทางในการเรียนรู้ และใช้สนับสนุนการประเมินผลการปฏิบัติงาน เพื่อวางแผนการเติบโตในอาชีพ และประยุกต์ใช้ทักษะและความรู้ในการทำงาน

LITE

ไอเท็มติดห้องพัก ราวตากผ้าเกาะระเบียง

พิมเป็นคนหนึ่งที่พอมาอยู่หอละไม่ค่อยชอบหอตัวเองตรงระเบียงแคบไม่มีที่เดิน แค่วางราวตากผ้าอันเดียวก็คือเต็มละ จะตากรองเท้าตากอะไรไม่ได้เลย จนไปเห็นคนนึงรีวิวเจ้าตัวนี้ใน tiktok ก็เลยลองสอยมาสิ

ตัวนี้เป็นราวตากผ้าสแตนเลส แบบเกาะระเบียง หรือว่าจริงๆก็เกาะตรงหน้าต่างด้วยก็ได้นะหรือตรงไหนก็ได้ที่เป็นขอบๆๆๆ บอกเลยว่าไอเท็มนี้ควรมีสำหรับคนอยู่หอ อยู่คอนโด ที่มีพื้นที่จำกัดมากกกก

วัสดุอุปกรณ์สมราคานะ ราคาไม่แพง คนงบน้อยต้องสอยเลยนะ สามารถรับน้ำหนักได้ถึง 13 กิโลกรัมเลยนะยิ่งกว่าคุ้ม ตัวนี้จะทำจากโลหะ + ABS อย่างดีเลย
.
ยี่ห้อที่พิมซื้อมาเขามีให้เลือก 3 ขนาด มีเล็ก กลาง ใหญ่ พิมซื้อแบบเล็กเพราะระเบียงเราก็ไม่ได้ใหญ่จะได้ประหยัดพื้นที่ด้วย

จริงๆไม่ได้เอามาแค่ตากรองเท้า ตากผ้าเล็กๆนะ ใช้ทำอย่างอื่นได้ นี่ที่หอเลี้ยงแมวเอาแมวมาดูนั่งชมวิวกลางคืนคือน่ารักมากกก 5555555 ทาสแมวบอกเลยว่าถูกใจมากค่าาา หรือจะเอามามิกซ์เป็นที่วางกระถางต้นไม้ได้ด้วยสำหรับใครที่ชอบแนวธรรมชาติคือเก๋มากกกก

หรือบางทีเลยนะก็เอามาคว่ำจานคว่ำกะละมังให้แห้ง จริงๆเอาไปทำได้หลายอย่างมากกก แล้วแต่เราจะทำได้เลยนะ เห็นมั้ย ??? ซื้อแค่อันเดียวคุ้มเอาไปทำได้ตั้งหลายอย่าง

พิกัด
ออนไลน์ https://shope.ee/9zMF5ANujo 
ราคา : 135 บาท


 

“ตกนรกอเวจีปอยเปตแสนล้านภพแสนล้านชาติ” มารู้จัก “นรกอเวจี” เครื่องเตือนใจเพื่อทำความดี

เมื่อวลีสุดฮิต “ตกนรกอเวจีปอยเปตแสนล้านภพแสนล้านชาติ” ในโลกโซเชียล ทำให้ช่วงนี้หลายคนอยากรู้เรื่องราว “นรกอเวจี” ตามความเชื่อทางศาสนาพุทธมากขึ้น แล้วรู้หรือไม่? ความจริงแล้ว อเวจี เป็นแค่ส่วนหนึ่งของนรกเท่านั้น
.
โลกของ “นรก” หรือ “นรกภูมิ” ในศาสนาพุทธนั้นคือ ดินแดนหนึ่งที่เชื่อกันว่าผู้ที่ทำบาปตอนยังเป็นมนุษย์เมื่อเสียชีวิตแล้วจะต้องไปเกิดในนรก และถูกลงโทษตามคำพิพากษาของมัจจุราช โดยตามไตรภูมิกถาแล้ว นรกภูมิเป็นดินแดนหนึ่งในกามภพอันเป็นหนึ่งในภพทั้งสาม คือ กามภพ รูปภพ และอรูปภพ รวมเรียกว่า "ไตรภพ" หรือ "ไตรภูมิ"
.
นรกของพระพุทธศาสนาต่างจากนรกของศาสนาอื่นๆ ในฝั่งตะวันตกอยู่สองเรื่อง คือ 1.ชาวตะวันตกเชื่อว่าเมื่อเราตายไปจะไม่ได้ไปเกิดและรับโทษในนรกภูมิตามคำพิพากษาของพระเจ้า แต่เป็นเพราะบาปกรรมที่ตนได้กระทำเมื่อมีชีวิต และ 2.ระยะเวลาถูกลงโทษในนรกเป็นไปตามโทษานุโทษ ไม่ได้ชั่วกัปชั่วกัลป์ แต่ก็กินเวลานานมาก เมื่อพ้นโทษจากนรกแล้วจะได้กลับไปเกิดในโลกที่สูงขึ้นตามแต่กรรมดีที่ได้กระทำไว้หรือตามแต่ผลกรรมที่เหลืออยู่ แล้วแต่กรณี
.
สำหรับ คติไตรภูมินั้นโลกนรก หรือ “นิรยภูมิ” เป็นส่วนหนึ่งของอบายภูมิหรือทุคติภูมิ 4 ประกอบด้วยพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลสุดลูกหูลูกตา มีนรกอีกหลายขุมซ้อนทับกันหลายชั้น แต่ละชั้นก็มีนรกบริวารรวมนับร้อยขุม
.
นิรยภูมิจะแบ่งออกเป็น “มหานรก” มีทั้งหมด 8 ขุมใหญ่ ที่ตั้งซ้อนทับเป็นชั้นๆ และแยกกันอย่างชัดเจนอยู่ลึกลงไปใต้โลกมนุษย์ เรียงจากชั้นบนสุดลงไปยังชั้นล่างสุด ซึ่งสามารถแบ่งจากโทษเบาสุดไปจนถึงโทษหนักสุดได้ดังนี้
.
1. สัญชีวนรก คือ นรกไม่มีวันแตกดับ เป็นนรกสำหรับผู้ที่เบียดเบียนผู้อื่น สัตว์นรกจะถูกทรมานจากนิรยบาลด้วยสารพัดวิธีจากคมอาวุธจนตาย แต่ก็จะมี “ลมกรรม” พัดผ่านให้คืนชีพมาเสวยโทษทัณฑ์เรื่อยๆ ต้อง เกิด-ตาย วนเวียนอยู่เช่นนั้นจนครบอายุขัย อายุของสัตว์นรกในสัญชีวนรก คือ 500 ปี โดย 1 วันนรก เท่ากับ 9 ล้านปีโลกมนุษย์
.
2. กาฬสุตตนรก คือ นรกเส้นด้ายดำ เป็นนรกสำหรับผู้ที่ทำร้ายผู้มีพระคุณหรือทำลายชีวิตสัตว์โลก เมื่อสัตว์นรกถูกตีด้วยด้ายดำจนเกิดเส้นตามร่างกาย จะถูกเฉือนด้วยคมอาวุธตามรอยนั้น อายุของสัตว์นรกในกาฬสุตตนรก คือ 1,000 ปี โดย 1 วันนรก เท่ากับ 3 โกฏิ (1 โกฏิ เท่า 10 ล้าน) กับอีก 6 ล้านปีโลกมนุษย์
.
3. สังฆาฏนรก คือ นรกบดขยี้ เป็นนรกสำหรับผู้ที่ไร้ความเมตตา ชื่นชอบการทารุณกรรม สัตว์นรกจะถูกกระหน่ำตีด้วยค้อนเหล็กและบดทับด้วยลูกไฟกับภูเขาเหล็ก อายุของสัตว์นรกในสังฆาฏนรก คือ 2,000 ปี โดย 1 วันนรก เท่ากับ 14 โกฏิกับอีก 5 ล้านปีโลกมนุษย์
.
4. โรรุวนรก คือ นรกแห่งเสียงคร่ำครวญ นรกสำหรับเหล่าคนโลภ ฉ้อโกง ร่างของสัตว์นรกจะถูกตรึงให้นอนคว่ำหน้า หัว มือ และเท้าจมอยู่ในดอกบัวเหล็กที่เปลวเพลิงลุกท่วม ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด แต่ไม่ตาย อายุของสัตว์นรกในโรรุวนรก คือ 4,000 ปี โดย 1 วันของนรกขุมนี้เท่ากับ 23 โกฏิกับอีก 4 ล้านปีโลกมนุษย์
.
5. มหาโรรุวนรก คือ นรกแห่งเสียงคร่ำครวญอย่างยิ่งยวด นรกสำหรับคนจิตใจโหดเหี้ยม อำมหิต ทำความชั่วทั้งหลายด้วยจิตอาฆาตพยาบาท ดอกบัวเหล็กของนรกขุมนี้จะเพิ่มคมตามกลีบดอก โดยสัตว์นรกต้องจมอยู่ในดอกบัวเหล็กทั้งตัว อายุของสัตว์นรกในมหาโรรุวนรก คือ 8,000 ปี โดย 1 วันนรก เท่ากับ 921 โกฏิกับอีก 6 ล้านปีโลกมนุษย์
.
6. ตาปนรก คือ นรกแห่งความร้อนรุ่ม นรกสำหรับคนบาปที่เต็มไปด้วยโลภะ โทสะ โมหะ และความเห็นแก่ได้ สัตว์นรกจะถูกหลาวเหล็กแท่งใหญ่ราวต้นตาลเสียบพร้อมเปลวไฟพวยพุ่ง ก่อนถูกสุนัขนรกฉุดกระชากลงมากิน อายุของสัตว์นรกในตาปนรก คือ 16,000 ปี โดย 1 วันนรกเท่ากับ 1,842 โกฏิกับอีก 12 ล้านปีโลกมนุษย์
.
7. มหาตาปนรก คือ นรกแห่งความร้อนรุ่มอย่างยิ่งยวด เป็นนรกสำหรับผู้ที่เคยฆ่าคนและฆ่าสัตว์เป็นหมู่มาก ๆ ไม่คำนึงถึงชีวิตผู้อื่น ต้องอยู่ในกำแพงและภูเขาเหล็กที่เต็มไปด้วยหนามแหลม พร้อมลมกรดพัดพาร่างไปโดนหนามเสียบ อายุของสัตว์นรกขุมนี้คือ ครึ่งกัลป์ (1 กัลป์ เท่ากับระยะเวลาที่อายุของมนุษย์ไขลงจากอสงไขยปี จนถึง 10 ปี แล้วไขขึ้นจาก 10 ปี จนถึงอสงไขยปีอีกรอบ ครบ 1 คู่ เรียกว่า 1 กัลป์ ซึ่งอสงไขยปีเท่ากับเลข 1 ตามด้วยเลขศูนย์ 140 ตัว)
.
8. อเวจีนรก คือ นรกอันแสนสาหัสไร้ความปรานี เป็นมหานรกที่ลึกและกว้างใหญ่ที่สุด เป็นนรกสำหรับผู้ทำกรรมหนักอย่างหาที่สุดมิได้ เช่น ฆ่าบุพการี ฆ่าพระอรหันต์ ทำร้ายพระพุทธเจ้าให้ห้อพระโลหิต และยุยงให้คณะสงฆ์แตกแยก ขุมนรกล้อมด้วยกำแพงเหล็กที่เปลวไฟลุกท่วม สัตว์นรกจะถูกเพลิงเผาผลาญด้วยอิริยาบถต่างๆ ทั้ง นั่ง ยืน หรือนอน ตามกรรมของตน อยู่ห้องสี่เหลี่ยมและหลาวเหล็กเสียบทะลุร่างตรึงให้แน่นิ่งไม่สามารถขยับร่างกายได้ อายุของสัตว์นรกในอเวจีนรก คือ 1 กัลป์
.
นอกจากนี้ในแต่ละขุมยังมี “ยมโลกนรก” อยู่อีก 320 ขุม อยู่รอบ 4 ทิศ ทิศละ 10 ของมหานรกแต่ละขุม เรียกว่า “อุสสทนรก” ดังนี้
.
1. คูถนรก เต็มไปด้วยหนอนตัวใหญ่คอยกัดกินสัตว์นรกที่ผ่านเข้ามา
2. กุกกุฬนรก เต็มไปด้วยเถ้าถ่านคอยเผาสัตว์นรกให้กลายเป็นจุณ
3. อสิปัตตนรก มีต้นมะม่วงใหญ่หลอกล่อสัตว์นรกมาพักพิง จากนั้นใบมะม่วงจะกลายเป็นหอกพุ่งแทงสัตว์นรก รวมถึงมีกำแพงเหล็กติดเปลวเพลิงขวางกั้นพร้อมสุนัขนรกและแร้งนรกคอยรุ่มฉีกกินสัตว์นรก
4. เวตรณีนรก เต็มไปด้วยน้ำเค็มและเครือหวายหนามเหล็กล้อมคอยทิ่มแทงให้เกิดแผล มีไฟลุกท่วมกลางน้ำกับดอกบัวกลีบคมที่มีเปลวเพลิงติดอยู่ตลอด มีนิรยบาลใช้เบ็ดเกี่ยวลากขึ้นมาบนฝั่งเพื่อทำทัณฑ์ทรมานต่อ
.
และ “นรก” ก็ไม่ได้มีอยู่แค่ใต้ดินของโลกมนุษย์เราเหมือนอย่าง “นรกอเวจี” เท่านั้น แต่ยังมีนรกที่อยู่ไกลออกไปนอกโลกในจักรวาลอันไกลโพ้นอีกด้วย นั่นก็คือ “โลกันตนรก” เป็นนรกขุมที่ยิ่งใหญ่อีกขุมหนึ่ง เป็นขุมนรกสำหรับผู้ที่กระทำทรมานบุพการีหรือทำร้ายผู้ทรงศีล 
.
ในโลกันตนรกมีสภาพมืดสนิท แสงดาวแสงเดือนและแสงตะวันก็ส่องไปไม่ถึง เสมือนคนหลับตาในเดือนดับข้างแรม สัตว์นรกที่มาเกิดในโลกันตนรก จะมีสภาพแปลกประหลาด มีสรีระร่างกายใหญ่โต มีเล็บมือและเล็บเท้ายาว ต้องใช้เล็บมือและเท้าเกาะอยู่ตามเชิงเขาจักรวาลห้อยโหนโยนตัว โดยเอาหัวลงมาข้างล้างชั่วนิรันดร์และต้องทรมานอยู่ในความมืด หากพลัดตกลงไปเบื้องล่างก็จะเป็นทะเลดำที่เป็นน้ำกรดและมีความเย็นเฉียบ ทำให้ต้องรีบตะเกียกตะกายกลับขึ้นไปห้อยโหนเช่นเดิม

 

แอ่ว “เจียงใหม่” ไหว้พระวัดอุโมงค์ วัดโบราณ สงบงามท่ามกลางเมือง

ในช่วงที่ผ่านมา จ.เชียงใหม่ กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม เนื่องจากความเรียบง่ายของคนเมือง วิถีชีวิตที่น่ารักอบอุ่น ตลอดจนมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย หนึ่งในนั้นคือ “วัดอุโมงค์ เชียงใหม่” วัดโบราณที่ตั้งอยู่กลางใจเมือง แต่กลับเงียบสงบ ร่มเย็น และเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่งดงาม รอให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัสความสงบ กราบพระขอพร และถวายสังฆทาน
.
วัดอุโมงค์ ประวัติที่มาเป็นอย่างไร ? จากตำนานเล่าว่า เดิมทีบริเวณวัดอุโมงค์ หรือสวนพุทธธรรม เป็นพื้นที่วัดของกษัตริย์ในยุคสมัยของพระเจ้ามังรายมหาราช เพราะพระองค์ได้ทำนุบำรุงพระศาสนา และสร้าง “วัดเวฬุกัฏฐาราม” (วัดไผ่ 11 กอ) ขึ้น
.
เมื่อยุคสมัยและการปกครองของผู้นำเปลี่ยนผ่าน ก็ยังมีการฟื้นฟูบริเวณวัดเรื่อยๆ จนเข้าสู่ยุคของพระเจ้ากือนาธรรมาธิราช พระองค์ได้ทำการบูรณะ ซ่อมแซมเจดีย์ และสร้างอุโมงค์ทางเดิน 4 ทิศ เพื่อให้เป็นที่จำพรรษาของพระมหาเถรจันทร์ และตั้งชื่อว่า “วัดอุโมงค์เถรจันทร์” หรือ “วัดอุโมงค์ เชียงใหม่”
.
จุดเด่นวัดอุโมงค์ เชียงใหม่ ที่ไม่ควรพลาด : 
.
1. อุโมงค์ทางเดิน 4 ทิศ
อุโมงค์ทางเดิน 4 ทิศขนาดใหญ่เป็นหนึ่งจุดเด่นสำคัญ เนื่องจากด้านในมีการเจาะช่องผนังสำหรับวางเทียน ทำให้ภายในอุโมงค์นั้นค่อนข้างมืด เงียบ และสงบ ตามทางเดินจะมีรูปจิตรกรรมฝาผนังเกือบตลอดเส้นทาง นอกจากนี้ภายในอุโมงค์จะมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ นักท่องเที่ยวสามารถเดินลอดใต้อุโมงค์เพื่อเข้ามากราบไหว้พระ ขอพร ตลอดจนชมความงดงามของภาพจิตรกรรมฝาผนังรูปต่างๆ ได้ เช่น ภาพจิตรกรรมนก ดอกโบตั๋น ดอกบัว เมฆ เป็นต้น
.
หากใครที่มีโอกาสได้ไปเที่ยวที่วัดอุโมงค์ เชียงใหม่ในช่วงฤดูฝน หรือปลายฝนต้นหนาว จะพบว่าบริเวณด้านหน้า หรือรอบๆ ของอุโมงค์มีมอสส์สีเขียวขึ้นปกคลุม สร้างความสวยงาม สบายตา ในขณะเดียวกันก็ร่มรื่นและเงียบสงบด้วย
.
2. เจดีย์ 700 ปี วัดอุโมงค์ เชียงใหม่
เจดีย์วัดอุโมงค์ เชียงใหม่ ตั้งอยู่บริเวณใกล้กับทางเข้าอุโมงค์ทางขึ้นลงเจดีย์มีบันไดนาคที่งดงามอยู่ด้านข้าง โดยจะเป็นสถาปัตยกรรมทรงระฆังกลม บริเวณทรงกรวยด้านบนของเจดีย์จะเป็นรูปกลีบดอกบัว บริเวณฐานส่วนล่างจะมีปูนปั้นลวดลายสวยงามตามแบบสถาปัตยกรรมของศิลปะพม่า ทั้งนี้เจดีย์วัดอุโมงค์ถือว่าเป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมเก่าแก่และสะท้อนให้เห็นถึงสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิม
.
3. เศียรพระพุทธรูปฝีมือช่างพะเยา
อีกหนึ่งจุดเด่นวัดอุโมงค์ คือ พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง ที่บริเวณลานด้านข้างทางเข้าอุโมงค์จะมีการจัดตั้งเศียรพระพุทธรูปจำนวนมาก ซึ่งพระพุทธรูปส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นโดยชาวพะเยาที่มีฝีมือช่วง พ.ศ.1950-2100 เป็นหนึ่งในคุณค่าทางสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจ
.
นอกจากนี้วัดอุโมงค์ เชียงใหม่ยังมีจุดเด่นอีกหลายๆ แห่งที่น่าสนใจและควรค่าแก่การมาเยี่ยมเยือน เช่น เสาหินอโศกจำลองจากประเทศอินเดีย หลักศิลาจารึกบันทึกประวัติความเป็นมาของวัดอุโมงค์ เชียงใหม่ หอสมุดธรรมโฆษณ์ โรงภาพปริศนาธรรม ตลอดจนมีสำนักปฏิบัติธรรมวัดอุโมงค์ สวนพุทธธรรม สำหรับผู้ที่สนใจปฏิบัติธรรมท่ามกลางความเงียบสงบ
.
วัดอุโมงค์ เปิดกี่โมง วันไหนบ้าง?
วัดอุโมงค์ เชียงใหม่ เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-20.00 น. นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้ทั้งในช่วงกลางวัน และสามารถเดินทางมากราบไหว้ขอพรพระที่วัดอุโมงค์ช่วงกลางคืนได้ไม่เกินเวลา 2 ทุ่ม ทั้งนี้ควรงดใช้เสียงดัง และแต่งกายด้วยชุดสุภาพเหมาะสม
 

© Copyright 2021, All rights reserved. THE STUDY TIMES
Take Me Top