'เภสัชกร' อาชีพมาแรง ความต้องการเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้ง 'รัฐ-เอกชน' แม้รับเพิ่มทุกปี

แม้ว่าในปัจจุบัน จำนวนเภสัชกรของประเทศไทย ไม่ได้อยู่ในภาวะขาดแคลน แต่เนื่องจากประชากรหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น ทำให้ธุรกิจร้านยาเติบโตอย่างรวดเร็ว อีกทั้งแบรนด์ใหญ่ ๆ ต่างกระโดดเข้ามาร่วมลงทุนในธุรกิจนี้ค่อนข้างคึกคัก จึงทำให้ความต้องการเภสัชกรมากตามไปด้วย

.

ขณะที่ข้อมูลจากสภาเภสัชกรรมชี้แจงชัดว่า ปัจจุบันมี 19-20 มหาวิทยาลัยของรัฐและเอกชน สามารถผลิตบัณฑิตเภสัชกรรวมกันปีละ 1,600-1,800 คน

.

รศ.ภก.สุรกิจ นาฑีสุวรรณ คณบดีคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะผู้อยู่ต้นทางในการผลิตบัณฑิตเภสัชกร ให้ข้อมูลว่า คณะเภสัชฯ มหิดล เปิดรับนักศึกษาปริญญาตรี หลักสูตรเภสัชศาสตรบัณฑิต 140 คน/ปี

.

และนักศึกษาส่วนใหญ่หลังจากเรียนจบภายใน 6 ปี จะเป็นเภสัชกรประจำร้านยา และโรงพยาบาลต่าง ๆ ทั้งของภาครัฐและเอกชน 100% และปีการศึกษา 2566 ทางคณะมีแผนเปิดหลักสูตรปริญญาตรีนานาชาติ และจะรับนักศึกษาอีกประมาณ 30 คน รวมทั้งหมดต่อไปเราจะผลิตบัณฑิตเภสัชกรประมาณปีละ 170 คน

.

ผมมองว่าปัจจุบันนักศึกษาหันมาสนใจเรียนทางด้านนี้เพิ่มขึ้น และวิชาชีพเภสัชกรได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง เพราะนอกจากจะเป็นอาชีพที่จบแล้วมีงานทำอย่างแน่นอน เงินเดือนยังค่อนข้างสูง ที่สำคัญ ตอนนี้ภาคธุรกิจ healthcare sector ให้ความสนใจด้านนี้มากขึ้น

.

กอปรกับภาครัฐสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็น medical hub ด้วย จึงยิ่งทำให้ความต้องการทางด้านเภสัชกรสูงตามไปด้วย ฉะนั้น ถ้าย้อนหลังไป 5-6 ปีผ่านมา ผมมองว่าอาชีพเภสัชกรมีเงินเดือนและสวัสดิการต่าง ๆ สูงขึ้นเรื่อย ๆ”

.

ในมุมมองของผม ปริมาณเภสัชกรจาก 19-20 มหา’ลัยของรัฐและเอกชนที่ผลิตบัณฑิตมาปีละ 2,000 คน ผมว่าเพียงพอต่อความต้องการของตลาด

.

ขณะนี้แล้ว แม้ในอนาคตธุรกิจ healthcare sector จะเปิดเยอะขึ้นมากกว่านี้ก็ตาม แต่ผมกลับมีความเชื่อว่าเราไม่ควรเร่งผลิตเภสัชกรออกมามากเกินไป เพราะจะควบคุมคุณภาพไม่ได้”

.

ขณะที่ ศ.ภญ.ดร.พรอนงค์ อร่ามวิทย์ คณบดีคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวเสริมว่า คณะเภสัชฯ จุฬาฯ รับนิสิตปริญญาตรีปีละ 200 คน โดยแบ่งออกเป็นสาขาเภสัชอุตสาหกรรม และสาขาบริบาลทางเภสัชกรรมสาขาละ 100 คน ซึ่งเพิ่มปริมาณการรับขึ้นทุกปี

.

เนื่องมาจากอุบัติการณ์ของโรคใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น จึงทำให้นิสิตมีความสนใจที่จะเข้ามาเรียนในการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ยา, ผลิตภัณฑ์สมุนไพร และผลิตภัณฑ์สุขภาพต่าง ๆ เพื่อป้องกันและรักษาโรคต่าง ๆ มากขึ้นตามไปด้วย

.

ที่สำคัญ บัณฑิตเภสัชศาสตร์สามารถประกอบอาชีพเภสัชกรรมทั้งในภาครัฐและเอกชนในสาขาต่าง ๆ ค่อนข้างหลากหลาย และเมื่อดูข้อมูลผู้สำเร็จการศึกษาปี 2563 บัณฑิตเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ตามส่วนงานต่าง ๆ ดังนี้

.

อุตสาหกรรมการผลิตยา 12% ภาคบริการร้านยาและโรงพยาบาล 60% นอกจากนั้น ยังมีส่วนงานอื่น ๆ เช่น นักวิจัยในหน่วยวิจัย, เภสัชกรผู้ประสานงานวิจัยทางคลินิกอีกประมาณ 28% รวม ๆ แล้วก็ 100% ที่บัณฑิตเภสัชกรของจุฬาฯมีงานทำอย่างแน่นอน”

.

ผลตรงนี้ จึงเป็นคำตอบที่ชัดเจนแล้วว่าถ้าธุรกิจดูแลรักษาสุขภาพเติบโต อาชีพเภสัชกรยิ่งค่าตัวเพิ่มสูงขึ้น

.

ที่มา : มติชน