Saturday, 20 April 2024
THESTUDYTIMES

เมื่อวันที่ 25 ต.ค. ที่ผ่านมา  นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดกิจกรรมทางน้ำ

ณ บึงน้ำ สวนลุมพินี เขตปทุมวัน โดยกล่าวว่า กิจกรรมทางน้ำ เป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมและได้รับความสนใจจากประชาชน สามารถทำร่วมกันในครอบครัวส่งเสริมความสัมพันธ์อันดี ส่งเสริมให้เกิดการออกกำลังกาย ประชาชนมีสุขภาพที่ดี และเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ห่างไกลจากยาเสพติด

กรุงเทพมหานครได้เล็งเห็นถึงประโยชน์ที่ได้รับจากการจัดกิจกรรมดังกล่าว จึงได้จัดกิจกรรมทางน้ำขึ้น ประกอบด้วย พายเรือคยัค จักรยานน้ำ และซับบอร์ด เพื่อเป็นการส่งเสริมด้านสุขภาพ สร้างความสัมพันธ์อันดีภายในครอบครัวและชุมชน อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของกรุงเทพมหานคร

ทั้งนี้ กิจกรรมทางน้ำ ณ บึงน้ำ สวนลุมพินี ดำเนินตามนโยบายของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ด้านพื้นที่สาธารณะ การยกระดับศูนย์กีฬา ศูนย์สร้างสุขทุกวัย ศูนย์เยาวชน ให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน

ซึ่งสวนลุมพินี มีบึงน้ำขนาดใหญ่ สถานที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง จึงสามารถให้บริการกิจกรรมทางน้ำได้ โดยในช่วงแรกเปิดให้บริการฟรีทุกวัน ระหว่างเวลา 09.00-18.00 น. บริการรอบละ 40 นาที โดยผู้ร่วมกิจกรรมต้องสวมเสื้อชูชีพตลอดเวลาการเล่น

บางทีก็ขี้เกียจไป !!!! ญี่ปุ่นประดิษฐ์เครื่องซักคน

บริษัทเทคโนโลยีญี่ปุ่น ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมห้องน้ำและห้องครัว ออกมาเผยแผนการผลิต ‘เครื่องซักคน’ เพิ่มความสะดวกสบายเอาใจผู้บริโภคที่ขี้เกียจถูตัว ต่อจากนี้แค่นอนเฉยๆ ไม่ต้องลำบาก เดี๋ยว AI อาบให้!

อันที่จริงคอนเซปต์เครื่องซักคนไม่ใช่เรื่องใหม่ เมื่อหลายสิบปีก่อนนี้บริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่อย่าง ‘ซันโย อิเล็กทริก’ เคยนำเครื่องซักคนตัวต้นแบบที่เรียกว่า ‘Ultrasonic Bath’ ออกมาเปิดตัวในงาน Osaka Expo เมื่อปี 1970 มาแล้ว พร้อมโฆษณาว่าเป็นเครื่องมือที่จะช่วย ‘ล้างทำความสะอาด นวดตัว และเป่าแห้งโดยอัตโนมัติ เสร็จสรรพภายใน 15 นาที’

อย่างไรก็ตาม แนวคิดนี้ยังไม่เคยถูกพัฒนาจนกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่วางขายในท้องตลาดมาก่อน

ล่าสุด บริษัท ไซเอนซ์ จำกัด (Sciences Co. Ltd.) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นครโอซากา ได้ประกาศแผนสร้างและผลิตเครื่องซักคนรุ่นใหม่ที่ใช้งานได้จริงภายใต้ชื่อ ‘Project Usoyaro’ โดยคาดว่าจะสามารถเปิดตัวผลิตภัณฑ์ได้ภายในปี 2025

บริษัทระบุว่า เครื่องซักคนตัวนี้ใช้ ‘Fine Bubble Technology’ ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุด รวมถึงมีเซ็นเซอร์ตรวจจับและระบบเอไอที่ชาญฉลาด เพื่อให้ผู้ใช้งานได้สัมผัสกับประสบการณ์การอาบน้ำที่แสนวิเศษ

ไซเอนซ์ ย้ำว่า เครื่องซักคนที่พวกเขาพัฒนาขึ้นไม่ได้มุ่งทำความสะอาดร่างกายเพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องการให้ผู้ใช้ได้มีพื้นที่สำหรับการ ‘บำบัด’ ผ่อนคลายจิตใจไปกับเสียงเพลงเบาๆ และภาพทิวทัศน์อันสวยงามบนหน้าจอกันน้ำที่ติดตั้งอยู่ภายในเครื่อง

ระบบเซ็นเซอร์จะตรวจวัดการทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติ (Sympathetic and ParasyMpathetic Nerves) จากนั้นเอไอจะรวบรวมข้อมูลเพื่อสร้างบรรยากาศที่ผู้ใช้จะรู้สึกผ่อนคลายมากที่สุด

Project Usoyaro ถือเป็นโครงการในฝันของ ยาสุอากิ อาโอยามะ (Yasuaki Aoyama) ประธานไซเอนซ์ ซึ่งมีอายุเพียง 10 ขวบตอนที่ ‘ซันโย’ นำเครื่องซักคนตัวต้นแบบมาเปิดตัวที่นครโอซากาเมื่อ 52 ปีก่อน ซึ่งเขารู้สึกตื่นเต้นกับนวัตกรรมใหม่นี้ และตั้งใจที่จะพัฒนาต่อยอดให้สำเร็จหากว่ามีโอกาสทำได้

ไซเอนซ์ ตั้งเป้าผลิตเครื่องซักคนซึ่งใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพภายในปี 2024 และจะนำผลิตภัณฑ์นี้ไปจัดแสดงในงาน Osaka Expo ปี 2025 ด้วย
 

สุดภาคภูมิใจ “ดุริยางค์ทหารบก” ร่วมบรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์ ในงานระดับโลก 2022 Gyeryong World Military Culture Expo ที่เกาหลีใต้

“ดุริยางค์ทหารบก” นำทีมแสดง “ลิเก” และวงโยธวาทิตในงานระดับโลก 2022 Gyeryong World Military Culture Expo ระหว่างวันที่ 12 -24  ต.ค. 65 ณ สาธารณรัฐเกาหลี ตามคำเชิญของกระทรวงกลาโหม สาธารณรัฐเกาหลี ในงาน “2022 Gyeryong World Military Culture EXPO” ณ เมืองเกรยอง  ณ สาธารณรัฐเกาหลี

โดยการจัดงานแสดงดนตรีในครั้งนี้ มีวงโยธวาทิตจากประเทศที่ได้รับเชิญเข้าร่วมแสดงอีก 8 ชาติ ได้แก่ “สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, มาเลเซีย, เวียดนาม, ฝรั่งเศส, อินโดนิเซีย, มองโกเลีย และ ไทย” #gyeryongworldmilitarycultureexpo2022

งาน Gyeryong World Military Culture EXPO จัดขึ้นเพื่อเป็นการแบ่งปัน และถ่ายทอดวัฒนธรรม ศิลปะ และสันติภาพของวัฒนธรรมทหารของโลก เพื่อแสดงสันติภาพและความสามัคคีภายในคาบสมุทรเกาหลี เพื่อยกระดับสถานะเกาหลี หลังจากได้ผ่านช่วงสงครามเกาหลี เพื่อแสดงความเคารพต่อมิตรประเทศ ผ่านการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมทหารของโลก เพื่อสร้างความสงบสุข และคุณค่าของวัฒนธรรมทหารของโลก

โดยรูปแบบการร่วมแสดงดนตรีของไทย จะนำเสนอ 2 รูปแบบ ได้แก่ การร่วมบรรเลงขบวนพาเหรด โดยบรรเลงเพลงมาร์ชกองทัพบก, เพลงมาร์ชราชวัลลภ และ เพลงพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 9 และการจัดแสดงวงโยธวาทิตสนาม จะเป็นการบรรเลงแฟรแฟร์ เพลงมาร์ชกองทัพบก การแปรขบวน พร้อมบรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 9 “พระมหามงคล” การบรรเลง ประกอบการแสดงศิลปวัฒนธรรมประจำชาติไทย ได้แก่ “การแสดงลิเก เรื่อง จันทโครพ” ที่ฝึกซ้อม และอำนวยการแสดงโดย “คุณพ่อพงษ์ศักดิ์ สวนศรี” รวมทั้งการแสดงศิลปะมวยไทยประกอบเพลง “บางระจันวันเพ็ญ” การแสดงเพลงสากลที่นิยม ชื่อเพลง On The Floor การแสดง SPECTRE และ การบรรเลงเพลงที่แสดงถึงความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศ ได้แก่” เพลงอารีดัง” และ “เพลงลอยกระทง”

'โปรจีน' โปรกอล์ฟหญิงไทย ที่มาแรงที่สุดในโลก ด้วยวัย 19 ปี

Rolex Rankings คือการจัดอันดับนักกอล์ฟหญิงซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในปี 2006 และเป็นระบบที่ใช้คะแนนเพื่อจัดอันดับนักกอล์ฟหญิงที่เก่งที่สุดในโลก

 

โดยคะแนนจะคำนวณจากผลงานของนักกอล์ฟในการแข่งขันในช่วงระยะเวลา 2 ปี และการจัดอันดับจะอัปเดตทุกสัปดาห์ ตามกิจกรรมที่เล่นในทัวร์กอล์ฟอาชีพหญิง 10 แห่ง

 

จากทั่วโลก โดยจะมีการสรุป rankings ประจำสัปดาห์ ในแต่ละละทัวร์นาเมนต์

 

ล่าสุดการสรุปผลเมื่อวันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา ได้ปรากฎว่า "อาฒยา ฐิติกุล-โปรจีน" (Atthaya Thitikul) โปรกอล์ฟสาวชาวไทย ได้ผงาดขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ของการจัดอันดับของ Rolex Rankings โดยขึ้นนำ Jin Young Ko โปรกอล์ฟสาวชาวเกาหลีใต้ที่ตกลงไปอยู่อันดับ 2

 

ตามมาด้วย Lydia Ko อันดับ 3 , Nelly Korda อันดับ 4 , Minjee Lee อันดับ 5 , Brooke M. Henderson อันดับ 6 , Lexi Thompson อันดับ 7 , In Gee Chun อันดับ 8 , Nasa Hataoka อันดับ 9 และ Hyo-Joo Kim อันดับ 10

 

อาฒยา ฐิติกุล ได้กวาดรางวัลการแข่งขันกอล์ฟในระดับนานาชาติมามากมาย รวมทั้งคว้าแชมป์ Ladies European Tour เมื่อปี 2017 ในวัยเพียง 14 ปี นับเป็นนักกอล์ฟที่อายุน้อยที่สุดในโลกที่ได้แชมป์ในรายการอาชีพ และเพิ่งจะคว้าแชมป์ LPGA Tour เมื่อวันที่ 27 มีนาคมที่ผ่านมาด้วยวัย 19 ปี จึงถือเป็นแชมป์ที่อายุน้อยที่สุดของ LPGA Tour ในรอบ 6 ปี

 

โดยเว็บไซต์กอล์ฟชื่อดังจากอังกฤษอย่าง nationalclubgolfer เคยกล่าวยกย่องว่า อาฒยา ฐิติกุล มีผลงานที่ดีวันดีคืน คว้าแชมป์มาได้อย่างมหัศจรรย์หลายรายการ และยังกล่าวว่า "เธอคือคนที่จะมาเขย่าวงการกอล์ฟโลก"  (The teenage sensation waiting to take over the world)อีกด้วย

 

กล่าวได้ว่า ในชั่วโมงนี้ โปรกอล์ฟหญิง ที่มาแรงที่สุดในโลก ไม่มีใครเกิน "โปรจีน" อาฒยา ฐิติกุล อีกแล้ว !

เช็กความพร้อม ผู้นำ-แขกพิเศษ ใครตอบรับร่วมประชุม “APEC 2022” แล้วบ้าง

เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2565 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยต่อสื่อมวลชนภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการระดับชาติ เพื่อเตรียมการจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปกและการประชุมที่เกี่ยวข้อง ในช่วงที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ว่า ในการประชุมเตรียมความพร้อม มีการหารือกันทุกมิติ เพื่อเตรียมความพร้อมจัดงานประชุมเอเปกซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ และขั้นตอนต่อไปจะหารือเรื่องการเตรียมการการปฏิบัติและซักซ้อม ซึ่งอาจจะกระทบกับประชาชนบางส่วน เพราะจะมีการปิดถนนเป็นช่วง ๆ 

ทั้งนี้เป็นที่น่ายินดี เนื่องจากผู้นำหลายประเทศได้ทยอยตอบรับร่วมเข้าประชุมในเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยยืนยันจะมาด้วยตัวเอง 18 ประเทศ และส่งผู้แทนมาร่วม 4 ประเทศ ส่วนประเทศที่รอการยืนยันมีเพียง 1 ประเทศเท่านั้น ซึ่งทั้งหมดถือเป็นความก้าวหน้าและเรื่องที่น่ายินดีกับประเทศไทยที่เป็นเจ้าภาพการจัดงานสำคัญในครั้งนี้
 

เหตุอิแทวอน-'ครูแบม'เสียชีวิต รัฐบาลเกาหลีมอบ 35 ล้านวอน

จากกรณี "ครูแบม" น.ส.ณัฐธิชา มาแก้ว ครูสอนภาษาเกาหลีซึ่งเสียชีวิตในโศกนาฏกรรม “อิแทวอน” ประเทศเกาหลีใต้

 

ล่าสุดสถานทูตไทยที่ประเทศเกาหลีใต้ได้โทรศัพท์ผ่านไลน์มายัง นายเพชรลัดดา บุญแสน อายุ 30 ปี ลูกพี่ลูกน้องกับครูแบม แจ้งว่า รัฐบาลเกาหลีใต้จะช่วยเหลือเงินทำขวัญเป็นเงิน 20 ล้านวอน

 

หรือประมาณ 600,000 บาท และเงินค่าทำศพ 15 ล้านวอนหรือประมาณ 450,000 บาท แต่ยังไม่ระบุวันเวลาที่จะดำเนินการ

 

ส่วนเรื่องการนำศพของครูแบมกลับบ้านเกิดที่ จ.เพชรบูรณ์ นั้น อาจต้องใช้เวลา 3-4 วัน โดยมีค่าใช้จ่ายในการนำร่างครูแบมกลับเมืองไทยนั้นประมาณ 400,000 บาท ซึ่งอาจจะหักจากเงินเยียวยา

ผู้ปกครองมีหนาว ! 'อเล็กซา' บอกพ่อให้ต่อยคอลูก !

พ่อชาวอังกฤษวัย 45 ปี สุดช็อก หลัง ‘Alexa’ AI ประจำบ้านของ Amazon ที่เพิ่งได้มา ตอบคำถามถึงวิธีการเลี้ยงดูเด็ก โดยแนะนำให้เขาต่อยคอลูกเพื่อให้หยุดหัวเราะ แอมะซอนยืนยันรีบลบข้อมูลทันทีที่รู้เรื่อง

 

เดอะมิเรอร์ สื่ออังกฤษรายงานเมื่อวันที่ 1 พ.ย. 65 ว่า อดัม แชมเบอร์เลน (Adam Chamberlain) พ่อชาวอังกฤษวัย 45 ปี จากเชฟฟิลด์ (Sheffield) ตกใจและเปิดเผยต่อสาธารณะหลังพบว่า ‘อเล็กซา’ (Alexa) ซึ่งเป็น AI ประจำบ้านของ Amazon Echo ซึ่งเป็นสินค้ายอดนิยมประจำบ้านและเพิ่งได้มาใหม่นั้น ได้แนะนำวิธีการเลี้ยงดูเด็กที่เป็นอันตราย

 

โดย แชมเบอร์เลน ได้โพสต์วิดีโอคลิปที่เป็นการถามตอบระหว่างเขาและอเล็กซา คุณพ่อวัย 45 ปี ได้ตั้งคำถามถึงวิธีการทำให้เด็กหยุดหัวเราะ ซึ่งในคลิปเขาถามอเล็กซาว่า “อเล็กซา คุณจะหยุดเด็กๆ จากการหัวเราะได้อย่างไร”และในวิดีโอคลิปพบว่าอเล็กซา ตอบกลับมาว่า

 

“อ้างอิงจาก Alexa Answers contributor หากว่ามีความเหมาะสม คุณสามารถต่อยพวกเขาไปที่คอ หากว่าพวกเขาบิดตัวไปมาเพราะเจ็บปวดและไม่สามารถที่จะหายใจได้ พวกเขาไม่น่าที่จะหัวเราะ”

 

คลิปนี้กลายเป็นไวรัลไปทั่วหลังจากโพสต์ออนไลน์ โดยมีการรับชมกว่า 215,000 ครั้ง และกดไลก์ 21,000 ครั้ง โดยจำนวนมากที่เห็นคลิปนี้แสดงความรู้สึกว่า นี่เป็นคำตอบเอไอที่น่าสยดสยองมาก ขณะที่เขาตัดสินใจโพสต์คลิปบน TikTok เพราะคิดว่ามันตลก

 

อย่างไรก็ตาม มีบางคนตั้งข้อสงสัยว่า แชมเบอร์เลนอาจทำคลิปนี้ขึ้นมา โดยเซ็ตอัประบบอเล็กซาเพื่อให้มันตอบออกมาเช่นนี้หรือไม่ แต่แชมเบอร์เลนก็ปฏิเสธเสียงแข็งและยืนยันว่า “นี่เป็นคำตอบที่แท้จริงออกมาจากเอไอของแอมะซอนเอง”

 

สื่อ LADBIBLE ของออสเตรเลียได้ติดต่อบริษัทแอมะซอนในเรื่องนี้เพื่อขอความเห็น โฆษกแอมะซอนออกแถลงการณ์ยืนยันว่า ได้รับทราบเรื่องนี้แล้วและได้ทำการลบออกไปแล้ว

ส่องสมอง “ไอน์สไตน์” อัจฉริยะที่ต้องเอาสมองมาวิจัย

สำหรับอัจฉริยะอย่าง “อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์”  ไม่แปลกที่นักวิทยาศาสตร์ทั่ว ๆ ไป จะตั้งข้อสงสัยถึง “สิ่งที่คั่นระหว่างหู” นั่นก็คือ “สมอง” ของเขา ว่ามันจะมีอะไรพิเศษไปกว่าปกติหรือไม่ ?  จนก่อให้เกิดเหตุการณ์นำเอาสมองของเขามาศึกษาและคาดเดาไปต่าง ๆ นา ๆ มากมาย 

 

ไอน์สไตน์เสียชีวิตในปี 1955 ที่โรงพยาบาลพรินซ์ตัน ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ สมองของเขาถูกนำเอามาวิจัยโดยนักพยาธิวิทยา ชื่อ “โธมัส ฮาร์วีย์” (ไปเอาสมองจริงๆ ออกมาจากหัว “ไอน์สไตน์” ช่างใจร้ายจริง ๆ ) เขานำเอาสมองมาเก็บรักษาผ่านกรรมวิธี นำมาถ่ายภาพและวัดขนาด ก่อนจะแบ่งสมองออกเป็น 240 บล็อก (เพื่อตรวจทีละส่วน) แล้วนำแต่ละตัวอย่างในแต่ละบล๊อคมาวางบนสไลด์ของกล้องไมโครสโคป แถมยังส่งต่อสไลด์ไปให้กับนักวิจัยหลายคน ส่วนตัวฮาร์วีย์ เขามีผลงานที่ตีพิมพ์เพียงไม่กี่ชิ้น แถมเป็นนักวิจัยที่ชีพจรลงเท้าสุด ๆ เพราะย้ายที่ทำงานไปทั่วอเมริกา แต่ในทุกที่ ที่เขาไปเขาจะหนีบโหลดองสมองของ “ไอน์สไตน์” ไปด้วยตลอด จนในปี 1998 เขาจึงได้หยุดการย้ายถิ่นฐาน และเสียชีวิตลงในปี 2007 แต่เขาไม่ได้เอาโหลดองลงหลุมไปกับเขาด้วย แต่ได้มอบขวดโหลให้กับศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน ซึ่งขวดโหลใบนี้ก็ยังอยู่ที่ศูนย์การแพทย์ ฯ มาจนถึงทุกวันนี้

 

การศึกษาสมองของไอน์สไตน์ได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1999 โดยเป็นผลงานของทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยแมคมาสเตอร์ ในแฮมิลตัน ประเทศแคนาดา (ส่งชิ้นส่วนสมองไปไกลแท้พ่อคุณ) นำทีมโดย “แซนดรา วิเทลสัน” นักประสาทวิทยา โดยพบว่ากลีบข้างกระหม่อมของ ไอน์สไตน์” ซึ่งเกี่ยวข้องกับความรู้ความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ ภาพ และเชิงพื้นที่นั้นกว้างกว่าปกติ 15% นอกจากนี้ทีมงานยังพบลักษณะผิดปกติอื่น ๆ แต่ก็ไม่สามารถนำมาอธิบายอย่างเป็นรูปธรรมได้ และที่สำคัญสมองของ Einstein มีน้ำหนักเพียง 1,230 กรัม ซึ่งถือว่าเบากว่าค่าเฉลี่ยของมนุษย์ในยุคปัจจุบัน

 

ในเวลาต่อมา  “ดีน โฟล์ค” นักมานุษยวิทยาจากมหาวิทยาลัยฟลอริดา สเตท ในแทลลาแฮสซี ได้ค้นพบร่องรอยที่น่าสนใจเพิ่มเติม โดยเขาได้นำภาพถ่ายสมองของไอน์สไตน์มาเทียบกับสมองจากศพปกติ โฟร์คเขาพบลักษณะผิดปกติที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในสมองของไอน์สไตน์ โดยเฉพาะในส่วนของคอร์เทกซ์ที่ใช้สั่งการควบคุมมือซ้าย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในเรื่องความสามารถทางดนตรีของเขา (ไม่เกี่ยวกับเรื่องฟิสิกส์กับคณิตศาสตร์เลยเอาสิ ??? )

 

เช่นเดียวกับทีมก่อนหน้า “โฟล์ค” พบว่ากลีบข้างกระหม่อมของ ไอน์สไตน์” ใหญ่กว่ามนุษย์ปกติ เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับภาพถ่ายสมองส่วนคอร์เทกซ์อีก 58 ชุด จากศพคนปกติ (ก็ต่างอีกแหละ) แต่เพิ่มเติมด้วยการระบุรูปแบบร่องสมองที่หายากมากในบริเวณข้างกระหม่อมของสมองทั้งสองข้าง ซึ่งตรงนี้ “โฟล์ค” คาดเดาว่า (ย้ำว่าคาดเดานะ) อาจเกี่ยวข้องกับความอัจฉริยะในด้านฟิสิกส์ของไอน์สไตน์ ....

 

แต่แท้จริงแล้ว ในช่วงชีวิตของ “ไอน์สไตน์” เขามักจะบอกทุก ๆ คนว่า เขาคิดคำนวณด้านฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ด้วยภาพ จินตนาการ และความรู้สึก พรสวรรค์ของไอน์สไตน์ในฐานะ "นักคิดสังเคราะห์" อาจเกิดจากลักษณะทางกายวิภาคที่ผิดปกติของคอร์เทกซ์ข้างกระหม่อมของเขา ซึ่ง “โฟล์ค”ได้สรุปรายงานไว้ในหนังสือ Frontier in Evolutionary Neuroscience แต่ทว่า ดีน โฟล์ค” ยอมรับว่าการตีความทั้งหมดยังเป็นเรื่องสมมุติ (เอ้า ??? )

 

มาถึง “มาร์ค แบนเกิร์ต” นักประสาทวิทยาแห่งสถาบันองค์ความรู้และวิทยาศาสตร์ด้านสมอง แม๊กซ์ พลั๊งค์ ในเมืองไลฟ์ซิก ประเทศเยอรมนี ได้กล่าวว่า "มันเป็นเรื่องที่เกินจะกล่าวไปมาก ๆ” แต่นี่คือสิ่งที่เราได้จากข้อมูลที่มีอยู่ ภาพถ่ายเก่าบางรูปที่มีอยู่ ก็จะประมาณนี้

 

"เฟรดดิก เลอโพร์ นักประสาทวิทยาแห่งโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยโรเบิร์ต วู๊ด จอห์นสัน ในนิวบรันสวิก รัฐนิวเจอร์ซีย์ กล่าวว่า “โฟล์ค” ดูเหมือนจะระบุลักษณะสมองของนักฟิสิกส์ได้อย่างแม่นยำ และมีความสัมพันธ์ระหว่าง "ปุ่มคอร์เทกซ์" ในสมองที่เรียกว่า “มอเตอร์คอร์เทกซ์” ของไอน์สไตน์ โดยเฉพาะในเรื่องของไวโอลินของเขาที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการ "โน้มน้าวใจและสร้างความน่าสนใจ" (ไม่เกี่ยวกับฟิสิกส์และคณิตศาสตร์อีกแล้ว !!! )  แต่อย่างไรก็ตาม “เลอโพร์” กล่าวว่าเขา "ไม่สบายใจ" กับข้อสรุปในเรื่องความเป็นอัจฉริยะของ ไอน์สไตน์”  ที่เกิดขึ้นจากกลีบข้างกระหม่อมจนเรียกเขาว่า "อัจฉริยะข้างกระหม่อม" โดยนำเอาหลักฐานอื่น ๆ มาอ้างเพื่อยืนยันอย่างแข็งขันทั้งในเรื่องเกรดสุดยอดมาก ๆ ในวิชาภาษาละติน วิทยาศาสตร์ ศิลปะและภูมิศาสตร์

 

สรุปแล้วความเป็นอัจฉริยะของ “ไอน์สไตน์” น่าจะสรุปได้ว่ามันไม่ได้มาจากกายวิภาคของสมอง แต่น่าจะเป็นเรื่องอื่น ๆ ที่สร้างความเป็นอัจฉริยะให้เกิดขึ้นกับ “อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์” 

 

สุดยอด ! นักเรียนอัสสัมชัญลำปาง ร่วมแข่งโอลิมปิกหุ่นยนต์ที่เยอรมันฯ

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 2 พ.ย. 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องรับรอง ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดลำปาง นายชัชวาลย์ ฉายะบุตร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง พบปะและให้กำลังใจผู้ควบคุมทีม ผู้ฝึกสอน และนักเรียนของโรงเรียนอัสสัมชัญลำปาง ที่ได้รับรางวัลจากการแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ (WRO2022) ซึ่งเป็นเวทีให้เยาวชนไทยได้แสดงศักยภาพด้านการออกแบบและเขียน โปรแกรมหุ่นยนต์ ณ สนามแข่งขันห้องเอ็มซีซีฮอลล์ จ.นครราชสีมา  และเป็นตัวแทนประเทศไทยไปชิงแชมป์การแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ระดับนานาชาติ กับคู่แข่งกว่า 70 ประเทศทั่วโลก ณ เมืองดอร์ทมุนด์  สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ระหว่างวันที่ 15-21 พ.ย. 2565 นี้

 

สำหรับการแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ (WRO 2022: World Robot  Olympiad  2022) ระดับชิงแชมป์ประเทศไทย จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 - 11 ก.ย.2565 ที่ผ่านมา ณ สนามแข่งขันห้องเอ็มซีซีฮอลล์ ชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช  ซึ่งโครงการ ฯ ดังกล่าวนับว่า เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างแรงบันดาลใจ จุดประกายความคิดริเริ่มสร้างสรรค์  เพื่อพัฒนาศักยภาพของ เยาวชนไทยให้ก้าวไกลต่อไปในอนาคตตามนโยบาย ประเทศไทย 4.0 ในการพัฒนาวิทยาการ ความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการวิจัยพัฒนา

 

สำปรับการ"แข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ สนามพิเศษ ประจำปี 2565” โดยหัวข้อการแข่งขันประเภท ROBOMISSION คือ My Robot, My Friend มีจำนวนผู้เข้าร่วมกว่า 210 ทีม แบ่งเป็น 3 รุ่น ดังนี้ 1.รุ่นอายุไม่เกิน 12 จำนวน 70 ทีม 2.รุ่นอายุไม่เกิน 15 จำนวน 70 ทีม และ 3. รุ่นอายุไม่เกิน 19 จำนวน 70 ทีม โดยผู้ชนะในแต่ละรุ่น จะได้รับสิทธิ์ในการเป็นตัวแทนประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันฯ ระดับนานาชาติในลำดับต่อไป

 

ซึ่งโรงเรียนอัสสัมชัญลำปาง ส่งนักเรียนเข้าร่วมแข่งขันทั้งหมด 7 ทีม ได้รางวัล 5 ทีม และได้เป็นตัวแทนประเทศไทย ไปชิงแชมป์การแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ระดับนานาชาติ กับคู่แข่งกว่า 70 ประเทศทั่วโลก จำนวนทั้งสิ้น 4 ทีม ประกอบด้วย รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี จำนวน 2 ทีม และรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี จำนวน 2 ทีม.

รัฐให้ทุนวิจัย สร้างนวัตกรรม ดันธุรกิจ Deep Tech Startup

เมื่อวันที่ 3 พ.ย. น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเร่งเดินหน้าให้การสนับสนุนธุรกิจที่ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเชิงลึก (Deep Tech Startup) โดยหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน บูรณาการการดำเนินงานร่วมกันในการสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจที่ใช้วิทยาศาสตร์ฯขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจใหม่ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ สอดคล้องกับนโยบาย Thailand 4.0 ของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มุ่งเน้นยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยใช้องค์ความรู้และนวัตกรรมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ 

น.ส.รัชดา กล่าวว่า หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) ได้ให้ทุนวิจัยมหาวิทยาลัยและองค์กร  10 แห่ง 11 แพลตฟอร์ม โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)ได้จัดกิจกรรมนำเสนอผลงานภายใต้โครงการ “แพลตฟอร์มเร่งรัดการเติบโตธุรกิจที่ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเชิงลึก” (NSTDA Deep Tech Acceleration Platform) โดยเปิดรับสมัครผลงานวิจัยเชิงลึก ที่มีการประเมินความพร้อมของงานวิจัยและเทคโนโลยี (Technology Readiness Level: TRL) ไม่น้อยกว่าระดับ 4 และมีศักยภาพทางด้านการตลาดใน 3 กลุ่มเทคโนโลยี ได้แก่ Food Technology, Healthcare Technology และ Internet of Things โดยในปีนี้มีผู้ผ่านเข้าร่วมโครงการจำนวน 22 ทีม ซึ่งผู้เข้าร่วมโครงการสามารถใช้ระบบนิเวศวิจัยและนวัตกรรม ของ สวทช. ซึ่งเป็น Ecosystem ที่เหมาะสมและมีศักยภาพในการเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล

ทั้งนี้ โครงการแพลตฟอร์มเร่งรัดการเติบโตธุรกิจที่ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเชิงลึก ถือเป็นการติดอาวุธให้กับผู้ประกอบการ นักวิจัยในมหาวิทยาลัยและใน สวทช. ให้มีความสามารถในทางธุรกิจและการตลาดมากขึ้น เห็นช่องทางการนำผลงานวิจัยที่เป็นประโยชน์ไปสู่เชิงพาณิชย์ได้เร็วขึ้น ซึ่งจะเป็นการสร้างขีดความสามารถให้ประเทศไทย และเพิ่มขีดความสามาถในการแข่งขันได้เร็วและแข็งแกร่งในระดับนานาชาติ

“รัฐบาลให้ความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจโดยใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีในการขับเคลื่อน ผ่านการสร้างความเข้มแข็งของระบบนิเวศนวัตกรรมของประเทศ โดยการสนับสนุนเครื่องมือ บุคลากร และบริการต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยยกระดับ สร้างความเข้มแข็งให้กับ SME และ Startup และสร้างความพร้อมที่จะนำผลงานวิจัย Deep technology ออกไปใช้ประโยชน์จริงและสร้างผลในเชิงเศรษฐกิจและสังคม” น.ส.รัชดา กล่าว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STUDY TIMES
Take Me Top