Friday, 26 April 2024
THESTUDYTIMES

ร้าน alt.Eatery ช้อป ชิม ชิว รักษ์โลกและสุขภาพดี ด้วย Plant-based

กระแส Plant-based กำลังกลายเป็นเทรนด์ระดับโลก เนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสุขภาพมากยิ่งขึ้น พฤติกรรมของผู้บริโภคที่ลดการบริโภคเนื้อสัตว์รวมถึงเทรนด์ในการรักษ์โลกและสิ่งแวดล้อมเพราะกระบวนผลิตและบริโภคเนื้อจากพืช (Plant-based) ช่วยลดโลกร้อนได้ และคำนึงถึงสวัสดิภาพสัตว์ที่กลายเป็นอาหารของมนุษย์มาอย่างยาวนาน โดยมีผลสำรวจของ Euromonitor International's Voice of the Industry: Health and Nutrition 2022 ที่ตั้งคำถามว่า "เหตุผลอะไรที่คุณบริโภค Plant-based" 

สำรวจเมื่อ ค.ศ. 2021 เปรียบเทียบกับ ค.ศ. 2022 ล่าสุด ผลปรากฏว่ามีเหตุผลในสามอันดับแรกไม่ต่างกัน ได้แก่ ร้อยละ 37 ทาน Plant-based เพราะรู้สึกแข็งแรงขึ้น ตามด้วย ร้อยละ 25 ทาน Plant-based เพราะต้องการหลีกเลี่ยงปัญหาสุขภาพในระยะยาว และร้อยละ 24 ทาน Plant-based เพราะรสชาติอร่อย ส่วนประมาณการมูลค่าตลาดของ Plant-based ในประเทศไทย โดยบริษัท Euromonitor and Allies ประมาณการว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 845 ล้านดอลลาร์ในปี พ.ศ. 2562 เป็น 1,500 ล้านดอลลาร์ในปี พ.ศ. 2567 โดยมีการเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 10 ต่อปี ธุรกิจอาหาร Plant-based จึงกลายเป็นธุรกิจที่น่าสนใจซึ่งไม่เพียงตอบโจทย์ในการรักษ์โลกใบนี้เท่านั้นแต่ยังตอบโจทย์เรื่องเทรนด์สุขภาพที่มาแรงอีกด้วย

คุณพรรณนภิศ ฤทธิไพโรจน์ (คุณพลอย) ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจและการตลาด บริษัท นิวทรา รีเจนเนอเรทีฟ โปรตีน จำกัด (NRPT) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด (บริษัทย่อยที่ ปตท. ถือหุ้น 100%) กับบริษัท โนฟ ฟู้ดส์ จำกัด ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินธุรกิจพัฒนาและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารโปรตีนจากพืชแบบครบวงจร พูดคุยถึงธุรกิจ “Life Science” อาหารเพื่อสุขภาพ Plant-based กับทีมข่าว THE STATES TIMES ว่า “ร้าน alt.Eatery เป็นคอมมูนิตี้อาหาร Plant-based ร้านที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ แห่งแรกบนพื้นที่ของแสนสิริ ริมถนนสุขุมวิท 51 ภายในร้านประกอบด้วย 2 โซน ได้แก่ร้านอาหาร และ mini mart ในโซนร้านอาหารมีเมนูตั้งแต่ appetizer, main, ของหวาน และโซน mini mart มีสินค้า Plant-based มากกว่า 500 ชนิด จากผู้ประกอบการมากกว่า 80 ราย ให้เลือกซื้อ”

คุณพลอย อธิบายต่อว่า “การรับประทานอาหาร Plant-based เป็นองค์ประกอบอย่างหนึ่งในการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน เพราะมันคือไลฟ์สไตล์ ได้รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพและยังช่วยรักษ์โลกอีกด้วย เราไม่ได้ให้ความสำคัญด้านอาหาร Plant-based เพียงอย่างเดียว เราให้ความสำคัญแม้กระทั่งตัวอาคารของร้าน alt.Eatery ด้วย เพราะมองว่าทุกจุดคือความยั่งยืน เริ่มจากตัวอาคารที่สร้างด้วยแนวคิด Low Carbon Footprint ด้านหลังร้านมีการตั้งจุดชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถ EV ส่วนบนหลังคาของอาคารมีการใช้ระบบ Solar Roof เพื่อประหยัดพลังงาน หรือแม้กระทั่งตัวอาคารก็สร้างแบบ Complete Knock-Down ไม่มี Construction Wastes เลย ทุกจุดเราสนใจความยั่งยืนมาก”

ส่วนคำถามที่ว่า Plant-based มีความแตกต่างกับอาหารในปัจจุบันอย่างไร คุณพลอยอธิบายว่า “Plant-based คือนวัตกรรมอาหารแห่งอนาคต นวัตกรรมทำให้สามารถแยกโปรตีนและแป้งออกจากกันได้ สามารถพัฒนาโภชนาการอาหารเพื่อสุขภาพ เน้นให้เหมาะกับบุคคลแต่ละกลุ่ม ตามอายุ เพศ หรือความต้องการด้านโภชนาการเพื่อป้องกันโรคและโภชนาการทางการแพทย์ (Medical Nutrition) สำหรับผู้ป่วยที่ต้องการดูแลทางโภชนาการ ผู้ป่วยเฉพาะโรค ยกตัวอย่างเช่น คนที่ทานแต่เนื้อสัตว์และไม่ทานพืชผักเลยก็อาจจะขาดกรดอะมิโนบางชนิดที่อยู่ในพืชผักได้ ซึ่ง Plant-based สามารถใส่กรดอะมิโนลงไปหรือการพัฒนาโภชนาการอาหารให้เหมาะสมกับผู้ป่วยในอนาคต เราสามารถ Customize ให้เหมาะสม หรือในกลุ่มผู้สูงอายุที่มีปัญหาเรื่องการเคี้ยวเราสามารถใช้นวัตกรรมปรับเนื้อให้อ่อนนุ่มเพื่อให้ผู้สูงอายุเคี้ยวได้ง่ายขึ้น”

ส่วนจุดเด่นของร้าน alt.Eatery คืออะไร คุณพลอยกล่าวว่า “คือเรื่องราคา เพราะราคาเป็นหนึ่งใน Pain Point ที่สำคัญมาก สินค้า Plant-based โดยทั่วไปมีราคาสูง เราอยากให้มาลอง เลยทำราคาเริ่มต้นเพียง 39 บาท ส่วนเรื่องของรสชาติ เราได้เชฟชั้นนำ อย่างเชฟใบเตย เชฟชื่อดังจากรายการ Top Chef Thailand ขนมหวาน มาทำขนมหวานและเชฟท่านอื่นๆ มาปรุงเมนูอาหารสูตรเด็ด เพราะเราอยากลองว่าถ้าปรุงโดยฝีมือเชฟ คนทานจะรู้สึกอย่างไร ซึ่งเราได้รับผลตอบรับที่ดีมาก ปัจจุบันร้าน alt.Eatery ไม่เคยโฆษณาเลยว่าเป็นวีแกน หรือเป็น Plant-based ลูกค้าที่เดินเข้ามาที่ร้านเห็นตู้โดนัทแล้วอยากลองทาน เห็นผัดไทย เบอร์เกอร์แล้วชอบ มาลองดูดีกว่า ส่วนใหญ่ก็จะประหลาดใจว่าเป็น Plant-based เหรอแต่รสชาติอร่อยมาก มีลักษณะแบบนี้เยอะมาก เราดีใจที่คนเริ่มเปิดใจและรับรู้มากขึ้นว่าไม่ใช่อาหารเจ อาหารมังสวิรัติ แต่เป็นอาหาร Plant-based ส่วนเมนูที่ได้รับความนิยมสูงสุดของร้าน alt.Eatery ถ้าเป็นของหวาน ก็คือ โดนัท ส่วนของคาวก็คือ ผัดไทย ไก่ป๊อป และเกี๊ยวซ่า”

ท้ายสุดนี้คุณพลอยเชิญชวน ให้มาลองทานอาหารหรือช้อปสินค้าจากผู้ประกอบการ Plant-based ที่ร้าน alt.Eatery ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนสุขุมวิท 51 “เรื่องเมนูอาหารในอนาคตจะมีเมนูใหม่ๆ เพิ่มขึ้นแน่นอน เช่น Plant-based เนื้อปู สำหรับร้านเราเปิดบริการทุกวัน 8 โมงเช้า-3 ทุ่ม มีที่จอดรถด้านหลังร้าน มีหลายคนถามว่าที่ตั้งใจกลางเมืองขนาดนี้เอาที่ไปทำที่จอดรถทำไม เพราะเราอยากบริการทุกคนให้สะดวกสบาย เดินทางได้ทุกรูปแบบทั้งรถสาธารณะ และรถส่วนตัว เพื่อให้มาที่ร้าน alt.Eatery ได้ง่ายขึ้น”


ส่วนการเดินทางโดยรถไฟฟ้าบีทีเอสมายัง ร้าน alt.Eatery ให้ลงที่สถานีทองหล่อ ใช้ทางออกหนึ่ง แล้วเดินมาที่ร้านได้อย่างสะดวกสบายจาก Skywalk จะมองเห็นรั้วสีเหลืองของร้าน หรือเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก เพจ alt.Eatery

เพจ:https://web.facebook.com/alt.Eatery/?_rdc=1&_rdr

จุลินทรีย์สายพันธุ์ไทย ช่วยลดไขมัน ลดอักเสบ ชะลอวัย

เมื่อวันที่ 2 พ.ย.2565 ที่่ผ่านมา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ได้ลงนามสัญญาการถ่ายทอดเทคโนโลยีและอนุญาตให้ใช้สิทธิ ผลงานเชื้อจุลินทรีย์โพรไบโอติกสายพันธุ์ Bifidobacterium animalis TA-1 ซึ่งเป็นผลงานการพัฒนาสายพันธุ์ของ รองศาสตราจาร์ ดร.มาลัย ทวีโชติภัทร์ สังกัดคณะแพทยศาสตร์ และคณะนักวิจัย ให้กับบริษัท วิโนน่า เฟมินิน จำกัด เพื่อประโยชน์เชิงพาณิชย์ กระตุ้นการใช้จุลินทรีย์โพรไบโอติกไทย ลดการนำเข้าโพรไบโอติกจากต่างประเทศ และเพิ่ม GDPให้ประเทศไทยได้ดุลการค้าจากโพรไบโอติกสู่การต่อยอดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ช่วยสร้างสมดุลสุขภาพของคนไทยและลดภาระค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลในอนาคต

 

นางนพรัตน์ สุขสราญฤดี ผู้ก่อตั้ง บริษัท วิโนน่า เฟมินิน จำกัดกล่าวว่า จากความร่วมมือในการลงนามสัญญากับทาง มศวเพื่อใช้สิทธิข้อมูลเทคโนโลยี จุลินทรีย์โพรไบโอติก (probiotics) สายพันธุ์Lactobacillus paracasei MSMC 39-1ซึ่งเป็นผลงานจากคณะนักวิจัยของ มศว ในปีที่ผ่านมาเพื่อพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์วิโนน่าและได้มีการเปิดตัวพร้อมวางจำหน่ายไปเมื่อต้นปี. 2565 นับว่าประสบความสำเร็จและได้รับผลตอบรับที่ดีเยี่ยมจากผู้บริโภค

 

เนื่องจากผลลัพธ์จากการบริโภคที่เห็นผลในแง่ของสุขภาพที่ดีขึ้นในหลายระบบ โดยไม่ต้องใช้ยา อาทิเช่น ระบบย่อยอาหาร ระบบขับถ่าย ต้านอักเสบปรับภูมิคุ้มกัน ลดสารต้านอนุมูลอิสระ เป็นต้น ทำให้เชื่อมั่นต่อความสามารถของนักวิจัยไทยและเชื่อมั่นในคุณภาพของจุลินทรีย์ โพรไบโอติกสายพันธุ์ไทย ในโอกาสนี้ วิโนน่า ในฐานะผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ยังคงมีเจตนารมณ์ร่วมกับคณะนักวิจัยของ มศว ที่อยากเห็นคนไทยมีสุขภาพร่างกายที่สมดุล สมบูรณ์แข็งแรง ด้วยการบริโภคจุลินทรีย์โพรไบโอติกที่มีคุณภาพในปริมาณที่เหมาะสมและเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย จึงเกิดความร่วมมือครั้งใหม่ในการลงนามเพื่อรับไลเซนส์เพื่อใช้ผลงานจุลินทรีย์โพรไบโอติกสายพันธุ์ Bifidobacterium animalisTA-1สู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่จะช่วยสร้างสมดุลแก่สุขภาพในระยะยาวแก่ผู้บริโภค ตามเจตนารมณ์ของแบรนด์วิโนน่าที่อยากช่วยให้คนไทยหลีกเลี่ยงการพึ่งพายา และลดสารเคมีเข้าในร่างกายเกินความจำเป็น

 

ด้วยเทรนด์ของผู้บริโภคในปัจจุบันทำให้ในภาคอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพของไทยมีผู้ประกอบการรายใหม่ ๆที่สนใจในการนำจุลินทรีย์โพรไบโอติกมาพัฒนาเป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เชื้อจุลินทรีย์ โพรไบโอติกสายพันธุ์ไทย นอกจากจะช่วยเพิ่มดุลการค้าและลดการนำเข้าจากต่างประเทศ แล้วจุลินทรีย์โพรไบโอติกสายพันธุ์ไทย ซึ่งได้พัฒนาและทดสอบกับคนไทย จึงมีความคุ้นเคยกับคนไทยมากกว่า จึงมีศักยภาพและขีดความสามารถแข่งขันกับผลิตภัณฑ์จากต่างประเทศ และยังสามารถนำสายพันธุ์ของเราขยายตลาดไปยังกลุ่มเอเซียแปซิฟิกได้อย่างแน่นอน”นางนพรัตน์กล่าว

 

รศ. ดร.สมชาย สันติวัฒนกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เปิดเผยว่า “ความร่วมมือครั้งนี้ บริษัท วิโนน่า เฟมินิน จำกัด ในฐานะพันธมิตรจากภาคเอกชนได้เข้ามาร่วมมือกับ มศว ในการลงนามสัญญาการถ่ายทอดเทคโนโลยีและอนุญาตให้ใช้สิทธิผลงานเชื้อจุลินทรีย์โพรไบโอติกสายพันธุ์ Bifidobacterium animalis TA-1 โดย มศว มีนโยบายการส่งเสริมการพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรม


อันเกิดจากองค์ความรู้ที่มีประโยชน์โดยการพัฒนาและทดลองของคณะนักวิจัย ซึ่งการเข้ามามีบทบาทของภาคเอกชนจะเป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญที่ทำให้องค์ความรู้ ที่ได้จากการวิจัยนั้นไม่สิ้นสุดเพียงแค่เป็นผลงานวิจัย เพราะด้วยศักยภาพด้านธุรกิจ อุตสาหกรรมและกลยุทธ์ทางการตลาดของภาคเอกชนนั้นจะช่วยผลักดันให้งานวิจัยขยายสู่ความเป็นรูปธรรมที่จับต้องได้และมีคุณค่าในเชิงพาณิชย์


จากผลงานวิจัยจะกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถไปถึงมือผู้บริโภคยิ่งเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มและเป็นการขยายขีดความสามารถในแข่งขันแก่สถาบันระดับอุดมศึกษาและในภาคอุตสาหกรรมของประเทศอีกด้วย

 

ด้าน รศ. ดร.มาลัย ทวีโชติภัทร์ สังกัดคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ในฐานะเจ้าของผลงานวิจัยเชื้อจุลินทรีย์โพรไบโอติกกล่าวว่า “เชื้อจุลินทรีย์โพรไบโอติกสายพันธุ์ Bifidobacterium animalis TA-1 เป็นจุลินทรีย์โพรไบโอติกสายพันธุ์ไทย ที่มีการพิสูจน์คุณสมบัติแล้วว่าเป็นโพรไบโอติกที่ดี และได้รับการอนุญาตจากองค์การอาหารและยา (อย. ) ซึ่งผ่านกระบวนการวิจัยและพัฒนาที่ได้มาตรฐานเพื่อหาข้อพิสูจน์ว่ามีคุณสมบัติจำเพาะที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกาย แม้จะพบว่ามีคุณสมบัติเด่นในการลดไขมันและคอเลสเตอรอล เป็นสายพันธุ์ที่ผู้บริโภคทุกเพศทุกวัยนั้นสามารถรับประทานได้โดยไม่ต้องกังวลถึงผลข้างเคียง เนื่องจากเชื้อจุลินทรีย์ โพรไบโอติก ไม่ใช่ยาหรือสารเคมี หากแต่เป็นสารอาหารตามธรรมชาติที่มีอยู่ในร่างกายของคนเราหากบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะเพื่อเติมสมดุลของเชื้อจุลินทรีย์ย่อมส่งผลดีต่อสุขภาพองค์รวม


รศ.ดร.มาลัย กล่าวว่า ส่วนตัวได้สนใจศึกษาจุลินทรีย์มาเป็นเวลา 20ปี ซึ่งในการทำงาน กว่าจะคัดได้สายพันธุ์ที่บริสุทธิ์ จากกว่าพันสายพันธุ์ ต้องผ่านการพิสูจน์แล้วว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายจริงๆ โดยใช้เวลานาน 15ปี ในการทดลองวิจัย ซึ่งก่อนหน้านี้ ผลิตภัณฑ์ที่เป็นจุลินทรีย์ พวกโพรไบโอติกต่างๆ จะเป็นการนำเข้า ไม่ใช่จุลินทรีย์สายพันธุ์ไทย เพราะจุลินทรีย์แต่ละประเทศจะมีความแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับพันธุกรรมและอาหารที่กิน ที่แต่ละชาติจะมีความแตกต่างกัน ส่วนประโยชน์ของจุลินทรีย์ในภาพรวมมีมากมาย ซึ่งคนเราจะมีจุลินทรีย์ที่แมให้มา ตั้งแต่เกิดจนถึงตอนเด็กๆ ที่เยอะมาก แต่จุลินทรีย์เหล่านี้จะค่อยๆลดลงเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ และเหลือน้อยลงเรื่่อยๆเมื่ออายุมากขึ้น ดังนั้น เราจึงต้องเพิ่มจุลินทรีย์ในร่างกายเข้าไป เพื่อเป็นการป้องกัน เพิ่มภูมิในร่างกาย ซึ่งดีกว่าการใช้ยา เพราะยาใช้ไปนานๆอาจดื้อยาได้


แรงบันดาลใจพัฒนาจุลินทรีย์สายพันธุ์ไทย มาจากปัญหาสุขภาพของคนไทย ที่มีคนที่เป้นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCD เยอะมากทั้งความดัน เบาหวาน ซึ่งจุลินทรีย์ที่ศึกษา เราศึกษาโมเดล พวกอ้วนลงพุง โรคสะเก็ดเงิน และโรคอัลไซเมอร์ ซึ่งสองโรคหลังนี้ปัญหาพื้นฐานมาจากการอักเสบในร่างกาย ซึ่งจุลินทรีย์ โพรไบโอติกส์ ของเรา มีคุณสมบัติช่วยลดไขมัน ลดคลอเรสเตอรอล ลดการเกิดการอักเสบ มีส่วนช่วยต้านอนุมูลอิสระ และชะลอวัย “


ในแง่การบริโภคจุลินทรีย์ รศ.ดร.มาลัยกล่าวว่า สำหรับคนร่างกายปกติ ไม่ได้เป็นกลุ่มที่เป็นมะเร็งและกำลังให้คีโม หรือพวกต้องกินยากดภูมิ สามารถรับประทานได้ โดยจุลินทรีย์ที่ได้รับ จะไม่ส่งผลกระทบกับตับ เพราะเป็นสิ่งที่มาจากร่างกายของเราเอง และช่วยในเรื่องการขับถ่าย การนอนหลับ

 

โพรไบโอติกสายพันธุ์ที่เราพัฒนานี้ ได้มอบให้เอกชน 7 บริษัท นำไปพัฒนาต่อยอดกลายเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่มีจุลินทรีย์สายพันธุ์ไทยเป็นสารตั้งต้น ขึ้นกับความถนัด เชี่ยวชาญของแต่ละบริษัท ซึ่งรวมถึงบริษัท วิโนน่า ฯ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพของผู้หญิง” รศ.ดร.มาลัยกล่าว.

 

แหล่งที่มา : https://www.thaipost.net/education-news/255274/

รัฐบาล จับมือ สถาบันการศึกษา ร่วมเดินหน้าอุตสาหกรรมหุ่นยนต์

เมื่อวันที่ 4 พ.ย.นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการยกระดับความสามารถด้วยนวัตกรรมอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ ซึ่งเป็น 1 ใน 12 อุตสาหกรรมเป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีแห่งอนาคต ซึ่งประเทศไทยเป็นฐานการผลิตหุ่นยนต์อุตสาหกรรมที่สำคัญของอาเซียนโดยมุ่งเน้นการผลิตหุ่นยนต์เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร

 

นายอนุชา กล่าวว่า นโยบายของรัฐบาลในเรื่องนวัตกรรมอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ ได้รับการขับเคลื่อนที่ดีจากหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิเช่น คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เป็นเจ้าภาพสนับสนุนการแข่งขันหุ่นยนต์ระดับโลก รายการ World Robo Cup 2022, BangKok, Thailand เพื่อส่งเสริมผลักดันในการวิจัยด้านปัญญาประดิษฐ์และการพัฒนาภาคอุตสาหกรรม ซึ่งได้รับความสนใจมีผู้เข้าร่วมงานจากหน่วยงานวิจัยต่าง ๆ ทั่วโลกลงทะเบียนมากว่า 3,000 คน จาก 45 ประเทศทั่วโลก ร่วมนำหุ่นยนต์ในหลากหลายโซลูชั่นเข้าร่วมการแข่งขัน และเยาวชนไทยได้แสดงศักยภาพในการแข่งขันฯ จนได้รับรางวัลหลายรายการ

 

ซึ่งนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจเเละสังคม ได้นำคณะนักเรียนนักศึกษาที่ได้รับรางวัลจากการแข่งขันหุ่นยนต์ระดับโลก World RoboCup 2022 จาก 6 สถาบัน เข้าพบพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม โดยนายกฯ เน้นให้พัฒนาขีดความสามารถผลิตหุ่นยนต์ให้ตรงกับความต้องการของตลาดและความมุ่งหมายในการใช้ประโยชน์ได้จริง เกิดผลเป็นรูปธรรม และสามารถสร้างรายได้ให้เกิดขึ้นได้

 

โดยให้ประสานความร่วมมือและบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องที่มีการดำเนินการในเรื่องนี้อยู่แล้ว ทั้งในส่วนของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงกลาโหม รวมทั้งการนำความรู้ไปต่อยอดพัฒนาให้สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศในอนาคต ตลอดจนพัฒนาศักยภาพไปสู่การเป็น Start up เพื่อเพิ่มมูลค่า สามารถสร้างอาชีพและรายได้ และสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศด้วย

 

นายอนุชาฯ กล่าวว่า รัฐบาลได้ร่วมมือกับสถาบันการศึกษาไทยหลายแห่ง สนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการผลิต โดยประเทศไทยมีศูนย์วิจัยและพัฒนาและศูนย์ฝึกอบรมบุคลากรมากมาย เช่น สถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม (FIBO) สมาคมหุ่นยนต์ไทย (TRS) และสมาคมอัตโนมัติและหุ่นยนต์ไทย (TARA) ที่จะช่วยผลักดันอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ไทยให้ก้าวหน้าและเติบโตไปในอนาคต ปัจจุบันประเทศไทยมีศักยภาพด้านหุ่นยนต์ที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับในอดีต และมีความจำเป็นที่จะต้องผลักดันให้เติบโตมากกว่าในด้านการแข่งขัน หรือเพียงต้นแบบที่พัฒนากันอยู่ในปัจจุบัน

 

โดยนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลมีนโยบายที่จะส่งเสริมผู้ประกอบธุรกิจสตาร์ทอัพ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศ ด้วยการยกเว้นการเก็บภาษี Capital Gains Tax เป็นเวลา 10 ปีแก่นักลงทุนไทยและต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในสตาร์ทอัพไทย ภายใต้ 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น อุตสาหกรรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ เป็นต้น

แอมะซอนทุ่ม 1.9 แสนล้าน ดันไทยสู่ผู้นำดิจิทัลเอเชีย

AWS ประกาศแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ในไทย มูลค่ามากกว่า 5 พันล้าน ดอลลาร์ หรือ 1.9 แสนล้านบาท ในระยะเวลา 15 ปี ด้วยการเปิดตัว Region แห่งใหม่ ที่มีชื่อว่า AWS เอเชียแปซิฟิค (กรุงเทพฯ) 

แอมะซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (Amazon Web Services: AWS) บริษัทในเครือ Amazon.com, Inc. ประกาศแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ ด้วยการเปิดตัว Region ในประเทศไทย ที่จะมีชื่อว่า AWS Asia Pacific (Bangkok)

โดย Regionแห่งใหม่นี้จะประกอบด้วย Availability Zone สามแห่ง ซึ่งเพิ่มเติมจาก Availability Zone ของ AWS ที่มีอยู่แล้ว 87 แห่งใน 27 ภูมิภาคทั่วโลก และ AWS ได้ประกาศแผนที่จะสร้าง Availability Zone ทั่วโลกอีก 24 แห่งและ AWS Region อีก 8 แห่งในออสเตรเลีย แคนาดา อินเดีย อิสราเอล นิวซีแลนด์ สเปน สวิตเซอร์แลนด์ รวมถึงประเทศไทย

AWS Region ที่กําลังจะมีขึ้นในประเทศไทยจะช่วยให้นักพัฒนา สตาร์ทอัพ และองค์กรต่างๆ รวมถึงภาครัฐ การศึกษา และองค์กรไม่แสวงผลกําไร สามารถเรียกใช้แอปพลิเคชันของตนและให้บริการผู้ใช้ปลายทางจากศูนย์ข้อมูล AWS ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย เพื่อให้ลูกค้าที่ต้องการเก็บข้อมูลของตนไว้ในประเทศไทยสามารถทําได้

นอกจากนี้ ส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นที่ AWS มีต่อภูมิภาคนี้ AWS วางแผนที่จะลงทุนมากกว่า 5 พันล้านดอลลาร์ (หรือ 1.9 แสนล้านบาท) ในประเทศไทยในระยะเวลา 15 ปี

นายปราสาท กัลยาณรามัน รองประธานฝ่ายบริการโครงสร้างพื้นฐานของ AWS เผยว่า บริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของประเทศไทย ผ่านการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานในประเทศและการนำเสนอบริการใหม่ๆ ที่รวดเร็ว

ทั้งนี้ เพื่อช่วยให้ลูกค้าในประเทศไทยสามารถใช้ศักยภาพทั้งหมดของคลาวด์เพื่อเปลี่ยนวิธีการดำเนินงานและนำเสนอบริการต่างๆ

AWS Asia Pacific (Bangkok) region จะช่วยให้องค์กรสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมด้วยการใช้ประโยชน์จากบริการที่หลากหลายและเชี่ยวชาญของ AWSเช่น แมชชีนเลิร์นนิ่ง การวิเคราะห์ และอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง ด้วยเครื่องมือใหม่เหล่านี้ AWS ยังช่วยให้ลูกค้าภาครัฐสามารถมีส่วนร่วมกับพลเมืองได้ดียิ่งขึ้น องค์กรต่างๆ สามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อการเติบโตในระยะต่อไป รวมถึงสร้างธุรกิจและแข่งขันในระดับโลก

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานกล่าวว่า แผนของ AWS ในการสร้างศูนย์ข้อมูลหรือดาต้า เซ็นเตอร์ในประเทศไทยถือเป็นก้าวสําคัญที่จะนำบริการการประมวลผลบนระบบคลาวด์ขั้นสูงมาสู่องค์กรจำนวนมากขึ้น และช่วยให้เราบรรลุเป้าหมาย Thailand 4.0 ในการสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลที่มีมูลค่า

“รัฐบาลไทยยินดีที่ได้ร่วมมือกับ AWS ผู้ให้บริการระบบคลาวด์ชั้นนำของโลก เพื่อนำโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ระดับโลกที่ปลอดภัยและยืดหยุ่นมาสู่ประเทศไทย การลงทุนของ AWS จะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ สร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจในระยะยาวอย่างมีนัยสำคัญ และช่วยสร้างแรงงานที่มีทักษะด้านดิจิทัลขั้นสูงอีกด้วย”

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) กล่าวว่า AWS Region ในประเทศไทยจะช่วยภาคธุรกิจและหน่วยงานภาครัฐในการให้บริการดิจิทัลที่ดีขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนของประเทศในอีกหลายทศวรรษข้างหน้า

สำหรับดีอีเอสได้ทํางานร่วมกันเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของภาครัฐ โดยการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานแบบเดิมให้ทันสมัยเพื่อปรับปรุงการดําเนินงาน การลงทุนของ AWS จะทําให้ประเทศก้าวเข้าใกล้อนาคตดิจิทัลมากขึ้นอีกขั้น

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนไทย กล่าวว่า AWS เอเชียแปซิฟิค (กรุงเทพฯ) รีเจี้ยนจะช่วยส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันระดับโลกของประเทศ ไปพร้อม ๆ กับการขับเคลื่อนนวัตกรรมและประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจในทุกอุตสาหกรรมในประเทศไทย

“บริการคลาวด์เป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อนที่สําคัญที่สุดของเศรษฐกิจดิจิทัล เรายินดีกับแผนของ AWS ในการสร้าง region ในประเทศไทย ซึ่งจะช่วยพัฒนาจุดยืนของเราในการเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมในเอเชีย และเป็นจุดหมายปลายทางชั้นนําสําหรับการลงทุน"

ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ

ไทย ร่วมมือ เกาหลีใต้ เตรียมสร้างสถานีปล่อยยานอวกาศ (Spaceport)

4 พ.ย.2565- นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พร้อมด้วยผู้บริหารจากกระทรวง อว.และ ดร.วิชชุ เวชชาชีวะ เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงโซล เข้าเยี่ยมคารวะและหารือกับ นายลีจองโฮ (Mr. Lee Jong Ho) รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี โดยเมื่อเริ่มการเจรจา โดยนายเอนก ได้กล่าวแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเหตุโศกนาฏกรรมที่อิแทวอน กรุงโซล และขอแสดงความไว้อาลัยต่อการสูญเสียแก่สาธารณรัฐเกาหลี มายังนายลีจองโฮมา ณ โอกาสนี้

จากนั้น ทั้งสองฝ่ายได้หารือร่วมกันในการสร้างร่วมมือทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยเน้นการสร้างกำลังคนสมรรถนะสูงและการสร้างงานวิจัยขั้นแนวหน้า หลังการหารือ นายเอนก เปิดเผยว่า ตนและนายลีจองโฮ ได้ตกลงร่วมกันในการสร้างร่วมมือทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยเน้นการสร้างกำลังคนสมรรถนะสูงและการสร้างงานวิจัยขั้นแนวหน้า ใน 5 ประเด็นสำคัญ คือ

1. งานทางด้านเทคโนโลยีอวกาศ โดยจะเน้นความร่วมมือทางด้านการพัฒนางานวิจัยขั้นแนวหน้าทางด้านเทคโนโลยีอวกาศ รวมถึงการสร้างเศรษฐกิจและระบบนิเทศทางด้านอวกาศ ร่วมกันระหว่างประเทศไทยและเกาหลีใต้ 

2. การเจรจาหารือเพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างไทยและเกาหลีใต้ถึงเรื่องการสร้างสถานีปล่อยยานอวกาศ (Spaceport) โดยประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางของอาเซียนในการสร้างและมีความร่วมมือร่วมกันต่อไป 

3. งานทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัลเกี่ยวกับทางด้านการแพทย์ ซึ่งประเทศไทยมีความโดดเด่นทางด้านการบริการการแพทย์เป็นเลิศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประเทศเกาหลีใต้มีความโดดเด่นทางด้านแพลตฟอร์มของเทคโนโลยีดิจิทัล โดยประเทศไทยและเกาหลีใต้ สามารถที่จะมีความร่วมมือกันได้เป็นอย่างดีในอนาคต 

4. งานทางด้านเทคโนโลยีนิวเคลียร์ เน้นการสร้างองค์ความรู้ขั้นแนวหน้า ความร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมและภาคเอกชน เพื่อร่วมมือกันสร้างและใช้ประโยชน์ จากเทคโนโลยีนิวเคลียร์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด 

5. งานทางด้านการจัดการกับปัญหาภาวะเรือนกระจก เพื่อลดภาวะโลกร้อน โดยเน้นการพัฒนางานวิจัยขั้นแนวหน้า เพื่อที่จะมาแก้ไขปัญหา และในอนาคตไทยและเกาหลีใต้ ยังมีแผนในการสร้างความร่วมมือกันต่อไป

“ประเทศไทยมุ่งหวังที่จะเป็นสะพานเชื่อมทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระหว่างไทยและเกาหลีใต้ โดย รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศตอบรับถึงความพร้อมของสาธารณรัฐเกาหลีที่จะร่วมมือในการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีร่วมกับประเทศไทยและประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อไป” รมว.อว.กล่าว

ที่มา: https://www.thaipost.net/education-news/256317/
 

เมนู Plant-based ยอดนิยมของร้าน alt.Eatery

เมนู Plant-based ยอดนิยมของร้าน alt.Eatery ทั้งโดนัท ผัดไทย ไก่ป๊อป เกี๊ยวซ่า ที่คุณต้องลอง แวะมาชิมที่ร้านได้ หรือจะมาเลือกซื้อสินค้า Plant-based มากกว่า 500 ชนิดก็ได้เช่นกัน

ร้านตั้งอยู่  ริมถนนสุขุมวิท 51 เปิดบริการทุกวัน 8 โมงเช้า-3 ทุ่ม มีที่จอดรถด้านหลังร้าน เดินทางได้ทั้งรถสาธารณะ รถส่วนตัว ส่วนการเดินทางโดยรถไฟฟ้าบีทีเอสมายัง ร้าน alt.Eatery ให้ลงที่สถานีทองหล่อ ใช้ทางออกหนึ่ง แล้วเดินมาที่ร้านได้อย่างสะดวกสบายจาก Skywalk จะมองเห็นรั้วสีเหลืองของร้าน หรือเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  เฟซบุ๊ก เพจ alt.Eatery

“วันกอบกู้เอกราชไทย” 6 พฤศจิกายน พ.ศ.2310 สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงกอบกู้กรุงศรีอยุธยาคืนได้

#วันกอบกู้เอกราชไทย

.

ย้อนวันนี้ในอดีต เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ.2310 การกอบกู้เอกราชของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช นับเป็นเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ไทย ซึ่งเรื่องราวในครั้งนั้นเป็นการรวบรวมกองกำลังเพื่อขับไล่กองทัพข้าศึก ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในกรุงศรีอยุธยา ภายหลังจากการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง

.

ตามหลักฐานการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง วันที่ 7 เมษายน พ.ศ.2310 เวลาประมาณบ่ายสามโมง กองทัพข้าศึกได้จุดไฟสุมรากกำแพงเมืองบริเวณหัวรอริมป้อมมหาชัย และยิงปืนใหญ่ระดมเข้าในพระนคร จากบรรดาค่ายของข้าศึกที่รายล้อมอยู่รอบนอกทุกค่าย เมื่อพลบค่ำกำแพงเมืองจุดที่ถูกไฟสุมได้ทรุดลง เวลาประมาณ 2 ทุ่ม แม่ทัพข้าศึกจึงยิงปืนเป็นสัญญาณให้ทหารบุกเข้าพระนครพร้อมกันทุกด้าน ข้าศึกใช้บันไดปีนพาดเข้ามาได้จากจุดที่กำแพงทรุดนั้นก่อน

.

ทหารอยุธยาที่รักษาหน้าที่ไม่เหลือกำลังที่จะสามารถต่อสู้ได้ เป็นเหตุให้ข้าศึกสามารถเข้าพระนครได้ในเวลาค่ำวันนั้นทุกทาง หลังจากกรุงศรีอยุธยาแตกแล้ว กองทัพข้าศึกได้ตั้งค่ายพักอยู่ถึงวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ.2310 ก่อนจะรวบรวมเชลยและทรัพย์สมบัติ ยกทัพกลับ

.

กระทั่งเดือนตุลาคม พ.ศ.2310 สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงยกกองทัพเรือจากจันทบุรีเข้ามาทางปากแม่น้ำเจ้าพระยา โจมตีข้าศึกที่เหลือ ณ เมืองธนบุรี ทรงยึดเมืองธนบุรีคืนได้และประหารนายทองอินไส้ศึกคนไทย แล้วทรงเคลื่อนทัพต่อไปที่กรุงศรีอยุธยา เข้ายึดค่ายโพธิ์สามต้น ปราบข้าศึกจนราบคาบ และกอบกู้กรุงศรีอยุธยากลับคืนมาได้ เมื่อวันศุกร์ เดือน 12 ขึ้น15 ค่ำ จุลศักราช 1129 ปีกุน นพศก เวลาบ่ายโมงเศษ ซึ่งตรงกับวันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ.2310 เวลาประมาณ 13.00 น. รวมพระองค์ทรงใช้เวลา 7 เดือนหลังจากเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง ในการทรงกอบกู้เอกราชกลับคืนมาได้สำเร็จ

.

ที่มา : https://www.finearts.go.th/literatureandhistory/

.

ที่มา : https://th.wikipedia.org/wiki/

รัฐบาลเตรียมของที่ระลึก 7 ชิ้น สำหรับมอบให้ผู้นำเขตเศรษฐกิจ-คู่สมรส ในการประชุม APEC 2022 ซึ่งล้วนมีความหมายและคุณค่า “ภาพและเครื่องประดับดุนโลหะ - ผ้าไหมปักธงชัย-เหรียญกษาปณ์ – กรอบรูปถมเงิน - กล่องย่านลิเภา - สมุดผู้ผลิตผ้าไหม”

(6 พฤศจิกายน 2565) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงของที่ระลึกสำหรับผู้นำ - คู่สมรส และแขกพิเศษ ที่จะเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจ APEC 2022 ในช่วงที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมฯ ซึ่งมี 7 ชิ้น ดังนี้

.

1.ภาพดุนโลหะ ขนาด 30 x 60 ซม. หนา 5 ซม. ผลิตจากโลหะรีไซเคิล สะท้อนถึงตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมของ BCG ใช้เทคนิคดุนลายบนแผ่นโลหะรีไซเคิล โดยขึ้นเป็นรูปพระบรมมหาราชวัง มุมมองจากหอประชุมกองทัพเรือ ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงรับรองผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคและคู่สมรส ประดับพื้นหลังด้วยตราสัญลักษณ์การเป็นเจ้าภาพ APEC ของไทย “ชะลอม” ที่จัดวางเป็นรูปทรงตราประจำยามของไทย ผลิตจากชุมชนคุณธรรมวัดศรีสุพรรณ (วัวลาย) จังหวัดเชียงใหม่

.

2.กล่องเครื่องประดับดุนโลหะ (สำหรับคู่สมรส) ขนาด 13 x 20 ซม. หนา 5 ซม. ใช้เทคนิคดุนลายบนแผ่นโลหะรีไซเคิล เป็นลวดลายด้วยตราสัญลักษณ์การเป็นเจ้าภาพ APEC ของไทย “ชะลอม” ที่จัดวางเป็นรูปทรงตราประจำยามของไทย ผลิตจากชุมชนคุณธรรมวัดศรีสุพรรณ (วัวลาย) จังหวัดเชียงใหม่

.

3.ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมทอมือย้อมสีธรรมชาติจาก อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา พิมพ์ลายตราสัญลักษณ์ชะลอม ประกอบด้วย เนคไท ผ้าคลุมไหล่ ผ้าเช็ดหน้า หน้ากากผ้า

.

โดยของขวัญและของที่ระลึกทั้ง 3 รายการจะใช้บรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากไม้ยางพาราฆ่าเชื้อ ประดับตราสัญลักษณ์ APEC 2022 ด้านหน้าบรรจุภัณฑ์

.

ทั้งนี้นายอนุชา กล่าวต่อว่า ส่วนของขวัญที่ระลึกจากหน่วยงานของไทย คือ

.

1.สมุดรายนามผู้ผลิตผ้าไหม และผู้ประกอบการทั่วประเทศฉบับพิเศษ โดยสำนักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี

.

2.เหรียญกษาปณ์ที่ระลึกการประชุมฯ โดยกรมธนารักษ์ และของขวัญ ของที่ระลึกจากสถาบันสิริกิติ์ มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ จำนวน 2 รายการ ได้แก่

.

1.กรอบรูปถมเงิน ขนาด 5 x 7 นิ้ว พร้อมภาพพระราชทานของผู้นำเขตเศรษฐกิจ APEC ในระหว่างการเข้าเฝ้าฯ

.

2.กล่องลิเภาเลี่ยมขอบเงิน ตกแต่งเงินลงยาสี ซึ่งทั้ง 2 รายการนี้จะมอบให้ผู้นำเขตเศรษฐกิจ และแขกพิเศษของรัฐบาลในภายหลัง

.

รัฐบาลใส่ใจทุกรายละเอียดในการจัดการประชุมฯ ซึ่งของขวัญของที่ระลึกผ่านชุดความคิดว่าจะต้องนำเสนอเอกลักษณ์ความเป็นไทย ทรงคุณค่า มีเรื่องราวที่สามารถนำเสนอได้ และสอดคล้องกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม คำนึงถึงโมเดลเศรษฐกิจ BCG ทั้งนี้เพื่อให้ผู้นำทุกเขตเศรษฐกิจที่จะเดินทางมาร่วมการประชุมประทับใจในรายละเอียดการเตรียมการต้อนรับของไทย” นายอนุชา กล่าว

.

ตามไปดูอาสาฯ เก็บขยะ 'แรงงานข้ามชาติ' สละเวลามาช่วยป่าชายเลน

(จากเฟซบุ๊ค วีระศักดิ์โควสุรัตน์ Weerasak Kowsurat)อาสา นศ.แรงงานข้ามชาติพิทักษ์ป่าชายเลน…

.

ผมเพิ่งกลับจากการไปเยี่ยมชมป่าชายเลนลุงนรินทร์  หรือ ชื่อเต็มคือศูนย์​การเรียนรู้และปฏิบัติการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมหาชัย  ตำบลโคกขาม สมุทรสาคร

.

ไปติดตามดูการใช้ทรัพยากรที่ดินติดป่าชายเลนที่ราษฏรเจ้าของโฉนดเดิมยกให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาครเมื่อนานมาแล้ว ให้เป็นศูนย์เรียนรู้และอนุรักษ์ป่าชายเลน

.

กับไปดูผลของการสะสมตะกอนเลนริมฝั่งด้วยการใช้แนวกำแพงไม้ไผ่ปักไว้ในทะเล ซึ่งนับว่ามีผลที่น่าพอใจ

.

มีหลายกลุ่มกิจกรรมมาสนับสนุนการปลูกป่าชายเลนที่นี่ มีผู้มาเรียนรู้ธรรมชาติของสัตว์บก เช่น ลิง ศึกษาสัตว์น้ำอย่างโลมา  สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ แมลง นกบก นกทะเล และนกอพยพที่นี่ต่อเนื่องมากว่า20ปี

.

ป่าชายเลนที่นี่แม้ผืนไม่ใหญ่มหึมา แต่ก็มีความอุดมสมบูรณ์ตามแบบฉบับ

.

ผู้ดูแลสถานที่นี้คือลุงนรินทร์ บุญร่วม อาสาสมัครจากชุมพร ท่านย้ายมาเป็นทั้งวิทยากร เป็นคนเพาะกล้าโกงกางไว้ปลูกเพิ่ม เป็นคนเฝ้าดูแลต้นไม้ในป่าชายเลน เป็นคนระดมชาวบ้านและห้างร้านที่พอรู้จักเข้ามาช่วยกันอนุรักษ์ชายฝั่ง และระบบนิเวศน์ของที่นี่

.

ผมเดินสำรวจเสร็จก็พบกับกลุ่มวัยรุ่นหนุ่มสาว เหมารถหกล้อเล็กเข้ามาที่ศูนย์แห่งนี้ 2 คันรถ ราว 70 คน

.

ทราบว่าเป็นอาสาสมัครนักศึกษา ชาวพม่ามอญเป็นส่วนใหญ่ กับเป็นนักศึกษากัมพูชา 1 คน ที่ปกติในวันธรรมดาทุกคนมีอาชีพเป็นแรงงานในภาคอุตสาหกรรมห้องเย็นและแปรรูปสินค้าประมงแช่แข็งที่สมุทรสาคร

.

ทุกคนเพิ่งเสร็จจากการเรียนวิชาภาษาไทยในภาคเช้าวันอาทิตย์ แต่งกายในเครื่องแบบนักศึกษาอย่างสง่างาม

.

น้อง ๆ นักศึกษาอายุราว 22-24 ปี ช่วยกันขนน้ำดื่มบรรจุขวดลงมาหลายแพค แล้วเข้านั่งกันเป็นระเบียบเรียบร้อย รอพรรคพวกที่ทะยอยวางสัมภาระที่อาคารฝึกอบรม

.

ในคณะนี้เขามีครูผู้สอนภาษาไทย ซึ่งก็เป็นชาวพม่าเช่นกัน แต่จะใส่เสื้อสีเหลือง เพื่อช่วยทำหน้าที่เป็นผู้บริหารการสื่อภาษาระหว่างคณะนักศึกษา กับเจ้าหน้าที่เครือข่ายแนวร่วมอนุรักษ์ฟื้นฟูธรรมชาติป่าชายเลนและสิ่งแวดล้อมสมุทรสาครซึ่งมากันในนาม  Urban Action Samutsakorn  +มูลนิธิ LPN และ มูลนิธิMMC (Mingkalaba Myanmar Education Training Center ) +เครือข่าย United Solidarity Alliance หรือ เครือข่ายพันธมิตรทางสังคมเพื่อสันติภาพแรงงานข้ามชาติ และเครือข่ายทางสังคมแรงงานข้ามชาติชาวเมียนมาร์ในประเทศไทย  Migrant Labour Group  มาช่วยอำนวยความสะดวก

.

ผมและนาวาตรีวรวิทย์ เตชะสุภากูร อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีท่องเที่ยวซึ่งขับรถมาด้วยกัน จึงเข้าไปนั่งฟังการบรรยายสรุปของเจ้าหน้าที่ร่วมกับน้อง ๆ

.

คุณโทนี่ ช่อสุวรรณ นักธุรกิจในสมุทรสาครที่มาช่วยสนับสนุนกิจกรรมเล่าว่า น้อง ๆ หลายคนในกลุ่มนี้เคยมาช่วยทำกิจกรรมเก็บขยะในป่าชายเลนที่นี่และหลายคนเคยมาช่วยคัดแยกขยะ  หรือเคยมาทำความสะอาดขวดแก้วก่อนการคัดแยกเพื่อส่งมอบให้เทศบาลพื้นที่รับไปดำเนินการต่อ บางคนมาทำกิจกรรมนี้ราว 6-8 ครั้งแล้ว

.

กิจกรรมนี้เก็บขยะทะเลจากป่าชายเลนขึ้นมาสะสมไว้รอคัดแยก ปริมาณเกือบจะพันกิโลกรัมแล้ว

.

ผมจึงขึ้นกล่าวแสดงความชื่นชมและขอบคุณน้อง ๆ นักศึกษาแรงงานข้ามแดนเหล่านี้ผ่านล่ามของกลุ่ม

.

คุณผู้อ่านครับ

.

น้อง ๆ เหล่านี้หลายคนเกิดในประเทศไทย ทุกคนทำงานชำแหละปลา แกะกุ้ง แพ้คสินค้าอาหารในโรงงานแปรรูปสัตว์น้ำที่มหาชัย สัปดาห์ละ 6 วัน

.

มีวันพักผ่อนวันเดียวคือวันอาทิตย์

.

แต่ด้วยรักจะมีการศึกษา จึงแห่กันไปเข้าชั้นเรียนภาษาไทยหรืออังกฤษทุกเช้าวันอาทิตย์

.

เสร็จแล้วออกเงินร่วมกันเหมารถมาทำกิจกรรมอาสาสมัครเพื่อสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น  จบกิจกรรมแล้วจะไปทานอาหารกลางวันร่วมกันแล้วไปทัศนศึกษา หรือไปไหว้พระกันต่อช่วงบ่าย ก่อนแยกย้ายในช่วงเย็นเพื่อเตรียมตัวเริ่มงานในสัปดาห์ใหม่

.

น้อง  ๆมากันในชุดนักศึกษาสีขาว สะอาดเอี่ยมทุกคน

.

นับว่าน่าชื่นชมมาก แม้น้องจะต้องคอยระมัดระวังเสื้อผ้าไม่ให้เลอะเทอะจากกิจกรรมที่มีทั้งลุยเข้าป่าชายเลนไปเฟ้นหยิบขยะออกมาจากเลนตมเพื่อใส่กระสอบ นำออกมาส่ง

.

บ้างก็ไปทำหน้าที่เทของในกระสอบออกมาคัดแยก เพื่อจำแนกประเภท

.

บ้างไปนั่งล้อมกะละมังใส่น้ำขนาดใหญ่เพื่อทำหน้าที่ขัดล้างขวดแก้วและขวดพลาสติกให้สะอาดจากคราบโคลนเลนอย่างคล่องแคล่ว

.

ผมและผู้ช่วยรัฐมนตรีวรวิทย์เห็นแล้วอดไม่ไหวต้องขอกระโดดเข้าร่วมกิจกรรมไปด้วย

.

เจ้าหน้าที่มูลนิธิและเครือข่ายจัดแจกถุงมือสำหรับใช้ทำกิจกรรมในแต่ละฐาน

.

เราใช้เวลาราว 2 ชั่วโมงก็พัก  ไปล้างมือไม้ แล้วกลับขึ้นรถเพื่อไปทานอาหาร และทำสันทนาการกันต่อ

.

แม้วันนั้นจะเหงื่อไหลไคลย้อยไปตาม ๆ กัน และยังสื่อสารกันได้ด้วยข้อจำกัดด้านภาษา แต่เราก็สัมผัสได้ถึงความสุขใจของทุกฝ่ายที่ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมดี ๆ อย่างนี้

.

กิจกรรมที่ทำให้เราเห็นศักดิ์ศรี เห็นความเสียสละเป็นหมู่คณะ ของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ใช้แรงงานวัยกระเตาะ ที่ยังพูดไทยไม่ถนัด แต่รักสังคมส่วนรวม  รักธรรมชาติ รักพวกพ้อง รักวัฒนธรรมของชนชาติ รักสงบ และรักจะมีความรู้ และความก้าวหน้า พากันออกมาทำกิจวัตรที่แม้ไม่มีการแปลเป็นภาษา

.

แต่กลับเป็นสิ่งที่เป็นสากลยิ่ง

.

น่าประทับใจโดยไม่ต้องแปลเลย

.

จริง ๆ ครับ

.

วีระศักดิ์โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา

กรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ของวุฒิสภา

อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STUDY TIMES
Take Me Top