ใครอยากเรียนต่อตปท? เปิดวิธีเรียนต่อ ออสเตรเลีย เข้าใจง่าย แค่ 10 ขั้นตอนสั้นๆ

สาวโพสต์เฟซบุ๊กเปิด How to มาเรียนต่อที่ออสเตรเลียเพียงแค่ 10 ขั้นตอน โดยเธอได้เขียนไว้ว่า

 

ออสเตรเลีย เป็นหนึ่งในจุดหมายที่คนอยากมาเรียน ต่อปริญญาโท / เรียนภาษา ใฝ่ฝัน

ซึ่งปิงจะบอกว่าฝันนี้ไม่ไกลเกินเอื้อมเลย ถ้าเราหาข้อมูลและเตรียมตัวมาอย่างดี

อย่างปิงเองก็มาได้โดยไม่ต้องเสียเงินจ้างเอเจนซี่เลยแม้แต่บาทเดียว!

ขั้นตอนที่ว่าจะมีอะไรบ้าง ไปดูกันนนนนนน

 

ป.ล. ข้อมูลต่อจากนี้เป็นในมุมคนที่มาเรียนต่อป.โทเหมือนปิงน้า ถ้าไม่ได้มาแบบนี้อาจจะต้องหาข้อมูลเพิ่มหน่อย แต่รับรองว่าหลักๆประมาณนี้จ้า

 

1. ตอบตัวเองให้ได้ว่าอยากมาเรียนอะไร เพราะอะไร / เรียนไปทำไม ข้อนี้สำคัญมาก

เพราะการมาเรียนต่อตปท.ใช้เงินเยอะทีเดียว เราต้องแน่ใจในสิ่งที่เราอยากทำในอนาคตก่อน

แล้วเลือกเรียนสิ่งที่จะมาส่งเสริมอนาคตของเรา

 

2. หาข้อมูลว่าคณะ / สาขาที่เราอยากเรียน มีมหาวิทยาลัย / สถาบันไหน เปิดสอนบ้าง

รายละเอียดคอร์สแต่ละที่เป็นยังไง เช่น จำนวนวิชา ค่าเทอม การฝึกงาน เงื่อนไข ฯลฯ แล้วเปรียบเทียบ

 

3. พอได้ที่เรียนที่ถูกใจแล้ว ( ไม่จำเป็นต้องที่เดียว ) ก็ทำการสมัคร! ขั้นตอนนี้แหละจะเริ่มมีความปวดหัว

ของเอกสารต่างๆเข้ามา เพราะแต่ละมหาวิทยาลัย / สถาบัน ขอเอกสารไม่เหมือนกัน หลักๆก็จะเป็น

เอกสารยืนยันตัวตน ( บัตรปชช., ทะเบียนบ้าน, ใบจบการศึกษาที่ไทย ) สถานะทางการเงิน ( statement ของผู้ที่ออกค่าเทอม / ผู้ปกครอง ) และ คะแนนสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ ( ielts / toeic ) ขั้นตอนนี้บางคนก็สมัครผ่านเอเจนซี่ บางคนก็ยื่นตรงกับที่เรียน แต่ปิงไปยื่นในนิทรรศการเรียนต่อตปท.ก็จะประหยัดค่าสมัครไปได้ 

 

4. ข้อนี้คาบเกี่ยวกับข้อ 3 เพราะเอกสารอื่นหาไม่ยากแต่คะแนนสอบวัดระดับภาษานี่สิ.. ตอนนั้นปิงไม่เคยสอบอะไรเลย ตอนสมัครที่เรียนก็เลยยื่นเอกสารอื่นๆไปก่อน แล้วค่อยยื่นคะแนน ielts ตามไป ช่วงนั้นก็เตรียมตัวสอบประมาณ 3 - 4 เดือนได้ กว่าจะได้คะแนน 7 มาครอง แล้วแต่ว่าที่เรียนเราจะเรียกคะแนนเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นป.โท ส่วนใหญ่จะ 6 / 6.5 / 7 ( จากคะแนนเต็ม 9 นะ ielts ) 

อ่านเทคนิคเตรียมตัวสอบ ielts มากมายได้ที่ เพจ ชีทสรุป by Ping Pitchaya ค่ะ

 

5. หลังจากยื่นเอกสารและคะแนนสอบวัดระดับภาษาให้กับที่เรียนครบแล้ว ก็ต้องรอที่เรียนตอบรับ.. บางที่อาจจะใช้เวลาเป็นอาทิตย์ บางที่อาจจะใช้เวลาเป็นเดือน หรือ หลายเดือน ก็ต้องทำใจ แต่ถ้าได้ใบตอบรับ / offer จากที่เรียน ก็ถือว่าผ่านด่านใหญ่ไปด่านนึงแล้วค่ะ 💘 ( บางที่อาจจะขอสัมภาษณ์ทาง skype ก่อนจะให้ offer เราก็ต้องเตรียมตัว แต่ถ้าจะสัมภาษณ์ เขาจะแจ้งก่อนอยู่แล้ว )

 

6. ได้ offer มาแล้ว อย่าลืมอ่านเงื่อนไขให้ดี เพราะขั้นตอนต่อไปมักจะตามมาด้วยการโอนมัดจำ /

ค่าเทอมให้ที่เรียน เขาถือว่าเรารับรู้เงื่อนไขและ รายละเอียดต่างๆแล้ว พอโอนเงินเสร็จ เราก็จะได้เอกสารที่เรียกว่า CoE / Confirmation of Enrolment ที่เราต้องใช้ประกอบการยื่นวีซ่านักเรียน

 

7. ขั้นตอนการยื่นวีซ่านักเรียน เอกสารที่ต้องใช้ ระยะเวลารอผล และ ข้อมูลทุกอย่าง เข้าไปอ่านได้

ใน link นี้ค่ะ https://immi.homeaffairs.gov.au/visas/getting-a-visa/visa-listing/student-500

 

8. วีซ่าผ่านแล้วไงต่อ ? เตรียมตัวสิรออัลไล! จองตั๋วเครื่องบิน จองที่พักโลดดดดดดด

สองอาทิตย์แรกปิงเลยจอง airbnb มาก่อนแล้วก็ทยอยเข้าไปดูที่พักที่เราจะอยู่ยาว

ตามกรุ๊ป FB หรือ เว็บไซต์ต่างๆ เราอธิบายวิธีหาบ้าน (และหางาน) อย่างละเอียด ใน vlog นี้

https://www.facebook.com/BlissOutThere/videos/686385115216784/ 🏠

 

9. จัดกระเป๋า ของใช้จำเป็นทั้งหลาย เสื้อกันหนาว จองใช้ส่วนตัว ยาสามัญ อุปกรณ์การเรียน ถ้านึก

ไม่ออกก็ลอง search ดูใน google เดี๋ยวไอเดีย มันจะค่อยๆผุดขึ้นมาเอง5555555

 

10. เตรียมตัวมาหมดแล้ว ที่เหลือก็เตรียมใจค่ะ เตรียมมารับประสบการณ์ใหม่ๆ มันคือครั้งนึงในชีวิต พอมาแล้วเราจะเจอหลายๆอย่างที่เราไม่คุ้น ไม่ชิน ทำให้เรารู้สึกว่า จะพาตัวเองมาลำบากทำไมวะ ? แต่เชื่อเถอะว่าทั้งหมดนี้จะทำให้เราโตขึ้น มันมีแต่ประโยชน์ทั้งนั้น ถ้าเราเลือกที่จะขวนขวาย 

 

ที่มา : เฟซบุ๊ก ping pitchaya