Saturday, 18 May 2024
THE STUDY TIMES

‘รัสเซีย’ บรรจุ ‘ภาษาจีน’ ในหลักสูตรระดับมหาวิทยาลัย อ้าง!! หวังเพิ่มขีดความสามารถแข่งขันด้านวิทยาศาสตร์

เมื่อไม่นานมานี้ หนังสือพิมพ์วอชิงตันเอ็กแซมมิเนอร์ของสหรัฐฯ รายงานว่า อันเดร เฟอร์เซนโก (Andrei Fursenko) ที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของเครมลินซึ่งเคยดำรงตำแหน่งอดีตรัฐมนตรีการศึกษาและเทคโนโลยีรัสเซียกล่าวมีใจความว่า

“จะไม่มีความรุนแรงพวกเราจะหว่านล้อมแต่ในเวลาเดียวกันพวกเราจะมุ่งหน้าสู่แนวทางนี้หากว่าพวกเราต้องการที่จะสามารถแข่งขันได้” เขากล่าวในรายงานของสื่อ RIA Novosti ของรัสเซีย

ทั้งนี้ สื่อยูเครนสกายา ปราฟดา (Ukrainska Pravda) ที่รายงานเช่นเดียวกันระบุว่า ได้มีการบรรจุภาษาแมนดารินเข้าสอนในหลักสูตรตามมหาวิทยาลัยภายในรัสเซีย

เฟอร์เซนโก ชี้ว่า หนทางนี้จะช่วยให้บรรดานักศึกษาสามารถเข้าสู่ความเข้าใจทางสาขาวิทยาศาสตร์มากขึ้น โดยชี้ว่า 30% ของงานวิจัยวิทยาศาสตร์โลกนั้นถูกตีพิมพ์เป็นภาษาจีน

วอชิงตันเอ็กแซมมิเนอร์ชี้ว่า นักศึกษามหาวิทยาลัยรัสเซียชื่อดังอย่างน้อย 1 แห่งออกมาต่อต้านคำสั่งโดยชี้ว่า “แปลกประหลาดและส่งผลร้าย”

ซึ่งเฟอร์เซนโกยืนยันว่า มันมีความสำคัญจากการที่จีนมีชื่อเสียงโด่งดังทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง มองว่า นี่เป็นหนทางที่จะทำให้ 2 ชาติสหายมีความใกล้ชิดผูกพันมากขึ้น

เฟอร์เซนโกกล่าวในการประชุมฟอรัมการศึกษาเยาวชนรัสเซีย

“พวกเราต้องการที่จะอยู่ในเทรนด์วิทยาศาสตร์กันอยู่หรือไม่? มุ่งไปข้างหน้ากันเถิด” เขากล่าว และเสริมต่อว่า “ปัญหาคือแน่นอนที่สุดมันมีความจำเป็นที่ต้องทำให้มั่นใจว่า ภาษารัสเซียยังคงอยู่ท่ามกลางไม่กี่ภาษาของด้านวิทยาศาสตร์”

ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญ ดร.เซอร์เก โพโพป (Dr.Sergei Popov) ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อฝรั่งเศส Le Monde เมื่อต้นปีว่า สำหรับการศึกษาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน มีภาษาเดียวเท่านั้นคือภาษาอังกฤษ และจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงในอนาคตระยะใกล้

“ราว 100% ของสิ่งที่ผมได้อ่านและ 90% ของสิ่งที่ผมได้เขียนเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งภาษาจีนที่เป็นคำถามนั้นอาจขึ้นมา แต่พบน้อยกว่าในแวดวงวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี”

สื่อสหรัฐฯ รายงานว่า บรรดานักศึกษารัสเซียประจำสถาบันการศึกษาฟิสิกส์และเทคโนโลยีแห่งมอสโก MFTI (The Moscow Institute of Physics) ได้ออกมาโต้ว่า ความร่วมมือระหว่างนักวิทยาศาสตร์รัสเซียและนักวิทยาศาสตร์จีนไม่ถึงระดับที่จะทำให้การศึกษาภาษาจีนนั้นมีความสำคัญ

ยูเครนสกายา ปราฟดา ชี้ว่า มีการประท้วงเกิดขึ้นในหมู่นักศึกษาเมื่อมีนาคมต้นปี หลังจากทางสถาบันการศึกษาได้สั่งถอดวิชาภาษาต่างประเทศทั้งสเปน เยอรมัน และฝรั่งเศสออกจากหลักสูตร และใส่วิชาภาษาแมนดารินในหลักสูตรสำหรับภาคการศึกษา 2023-24 แทนด้วยเหตุผลด้านค่าใช้จ่าย

และเมื่อมีนาคมต้นปีเช่นเดียวกัน ธนาคารแห่งรัสเซีย (Bank of Russia) กำหนดให้พนักงานของตัวเองต้องเรียนภาษาแมนดาริน โดยอ้างว่าเพื่อการติดต่อทางธุรกิจกับเพื่อนร่วมงานจากจีน

โดยหนังสือพิมพ์มอสโกไทม์สได้รายงานเมื่อวันที่ 29 มี.ค.ว่า เป็นผลมาจากการเผชิญหน้าอย่างตึงเครียดกับตะวันตกหลังเครมลินเปิดปฏิบัติการทางทหารในยูเครน เครมลินได้หันไปมุ่งสู่เอเชียแทน ความต้องการเรียนภาษาแมนดารินเพิ่มขึ้นจากการที่รัสเซียได้เพิ่มการพึ่งพาทางเศรษฐกิจต่อจีน

หนังสือพิมพ์มอสโกแสดงภาพน่ารักของบรรดาสาว ๆ รัสเซียแต่งกายในชุดจีนโบราณสำหรับพิธีน้ำชาอย่างคึกคัก รวมถึงการศึกษาพู่กันจีน

ในขณะเดียวกัน จำนวนนักศึกษาระดับไฮสกูลรัสเซียได้เลือกภาษาจีนเป็นภาษาต่างประเทศในการสอบไล่ปลายปีเพิ่มขึ้นภายใน 1 ปี มาอยู่ที่ 17,000 คน ถึงแม้ว่าภาษาอังกฤษจะยังคงเป็นภาษาต่างประเทศที่เลือกเป็นอันดับ 1 สำหรับเวลานี้

มีนักเรียนรัสเซียตั้งความหวังจะไปศึกษาต่อในจีนหลังมีความหวังน้อยลงในการเข้าสู่สถาบันการศึกษาโลกตะวันตก และมีอีกบางส่วนมองหาลู่ทางที่จะเดินทางไปทำงานในจีนจากเหตุค่าตอบแทนสูงสำหรับชาวยุโรป

นร.ชั้น ม.5 ‘บว.ลำปาง’ คว้าเหรียญทองคณิตศาสตร์วิชาการ ประเภทสร้างทฤษฎี-คำอธิบายทางคณิตศาสตร์ ระดับ ม.ปลาย

(29 ส.ค. 66) ร่วมแสดงความยินดีกับเยาวชน คนเก่ง ลูกหลาน ชาวลำปาง โรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาลำปาง, ลำพูน เข้าร่วมการแข่งขันคณิตศาสตร์วิชาการ ครั้งที่ 8 ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ เมื่อวันที่ 7 - 8 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา ผลปรากฏว่า ได้รับรางวัลเหรียญทอง

การแข่งขันโครงงานประเภทสร้างทฤษฎีหรือคำอธิบายทางคณิตศาสตร์ ระดับ ม.ปลาย
1.) นางสาวอัญชิสา เตชะวงศ์ ม.5/9
2.) นางสาวนิรนุช วงศ์เขียว ม.5/9
3.) นายศิวกร ฝั้นแปง ม.5/9

คุณครูผู้ควบคุม 1.) ครูจิตรี ฤทธิ์เนติกุล 2.) ครูนราพร ณ จันตา
ผู้ให้การสนับสนุน นายนิรันดร หมื่นสุข ผู้อำนวยการโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย

เด็กไทยสร้างชื่อ คว้า 23 รางวัลการแข่งขันเต้นระดับโลก รายการ ‘UDO WORLD STREET DANCE 2023’ ที่อังกฤษ

(29 ส.ค. 66) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก น.ส.ศรัญญา ชาญเชี่ยว หรือ ครูตาล ผู้บริหาร IDS DANCE STUDIO จ.ชลบุรี ที่ได้นำทีมเยาวชน I DASS ALL OUT TEAM เข้าร่วมการแข่งขันการเต้น STREET DANCE ในรายการ ‘UDO WORLD STREET DANCE CHAMPIONSHIP 2023’ ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองแบล็คพลู ประเทศอังกฤษ ระหว่างวันที่ 23-27 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่าเป็นอีกหนึ่งปีที่เยาวชนไทยสามารถสร้างผลงานได้ดีเยี่ยม 

โดยการแข่งขันดังกล่าวนับเป็นเวทีที่มีชื่อเสียงระดับโลก และยังสามารถดึงดูดนักเต้นทั่วโลกให้เข้าร่วมชิงชัยได้มากถึง 30 กว่าประเทศ  
.
ขณะที่การนำทีมเยาวชนเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ ‘IDS DANCE STUDIO ชลบุรี’ มีทีมที่สามารถคว้าถ้วยรางวัลได้มากถึง 23 ถ้วยรางวัล ประกอบด้วย

1. รายการแข่งขันประเภททีม /TEAM 
รุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี 
ระดับ : INTERMEDIATE 
รางวัล : รองชนะเลิศอันดับ 2 
ทีม : I DASS ALL OUT TEAM 

2. รายการแข่งขันประเภทเดี่ยว / SOLO 
-รุ่นอายุไม่เกิน 8 ปี 
ระดับ BEGINNER 
รางวัลชนะเลิศ อันดับ 1 
ด.ญ.ณิรินทร์ ศิริ (กันตา)  

-รุ่นอายุไม่เกิน 10ปี 
ระดับ INTERMEDIATE  
รางวัลชนะเลิศ อันดับ 1 
ด.ช.ณัฐพนธ์ ศิริ (กตังค์) 

-รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี 
ระดับ INTERMEDIATE  
รางวัลชนะเลิศ อันดับ 1

ด.ญ.ลภัสรดา ไชยรักษ์ (หยก) 
รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 3
ด.ญ.อายูมิ อิโตะ (ยูมิ)

-รุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี 
ระดับ INTERMEDIATE  
รางวัลชนะเลิศ อันดับ 1 
ด.ญ.ชนิดาภา สังขจาย (ใบเตย)  

รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 
ด.ญ.พศวีร์ อุบลนุช (ยาหยี) 

3. รายการประเภทคู่ / DUO  
- รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี
ระดับ INTERMEDIATE 
รางวัลชนะเลิศ อันดับ 1 
ด.ญ.ลภัสรดา ไชยรักษ์ (หยก) 
ด.ช.ณัฐพนธ์ ศิริ (กตังค์)

- รุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี 
ระดับ INTERMEDIATE 
รางวัลชนะเลิศ อันดับ 1  
ด.ญ.ชนิดาภา สังขจาย (ใบเตย)  
ด.ญ.พศวีร์ อุบลนุช (ยาหยี) 

- รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี 
ระดับ INTERMEDIATE  
รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1
ด.ญ.ชญาณี อรัญคีรีมาศ (อ๋อ)
ด.ญ.รามิล ศักดิ์ศรีดีเลิศ(เพลย์) 

4. รายการแข่งขันประเภททีม 4 คน/QUAD 
-รุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี 
ระดับ INTERMEDIATE 
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1
ด.ญ.ลภัสรดา ไชยรักษ์ (หยก) 
ด.ญ.อายูมิ อิโตะ (ยูมิ) 
ด.ช.ณัฐพนธ์ ศิริ (กตังค์)  
ด.ช.ภพพี ชัยประสาธน์ (พี)

-รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี 
ระดับ INTERMEDIATE 
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 3
ด.ญ.ชนิดาภา สังขจาย (ใบเตย)
ด.ญ.ชญาณี อรัญคีรีมาศ (อ๋อ)
ด.ญ.รามิล ศักดิ์ศรีดีเลิศ(เพลย์) 
ด.ญ.พศวีร์ อุบลนุช (ยาหยี)

5. รายการแข่งขันประเภททีม SUPERCREW THAILAND  
รางวัลชนะเลิศอันดับ 1
ด.ญ.ชญาณี อรัญคีรีมาศ (อ๋อ)

6. รายการแข่งขันประเภทแบทเทิล/BATTLE  
รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี  
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 
ด.ญ.ลภัสรดา ไชยรักษ์ (หยก)

'นัท-เขตต์' 2 นายทหารสัญญาบัตรสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายเรือต่างประเทศ 'มุ่งมั่นทำงานรับใช้ชาติ - พร้อมเป็นเสาหลักและที่พึ่งพิงให้กับครอบครัว'

(28 ส.ค.66) พลเรือโท ประวุฒิ รอดมณี ผู้บัญชาการโรงเรียนนายเรือ ให้โอวาทแสดงความยินดีและรับรายงานตัวนายทหารสัญญาบัตร ที่สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายเรือต่างประเทศ จำนวน 2 นาย ได้แก่ ว่าที่เรือโท ณัฐวุฒิ อุทรส พร้อมกับ ว่าที่เรือตรี สุรศักดิ์ บรรดาศักดิ์ ณ ห้องรับรอง2 กองบัญชาการโรงเรียนนายเรือ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ

โดยว่าที่เรือโท ณัฐวุฒิ หรือ น้องนัท เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 58 นักเรียนนายเรือรุ่นที่ 115 สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายเรือสเปน โดยเข้าการศึกษาตั้งแต่ 15 สิงหาคม 2560 ถึง 21 กรกฎาคม 2566 เป็นระยะเวลา 5 ปี 

แรงบันดาลใจของน้องนัทในการเข้ามาเป็นนักเรียนนายเรือนั้น เกิดจากที่ต้องการจะแบ่งเบาภาระครอบครัว โดยในระหว่างที่ศึกษาเป็นนักเรียนนายเรือนั้น น้องนัทจะได้รับเงินเดือน ซึ่งสามารถพึ่งพาตัวเองได้โดยไม่ต้องลำบากผู้ปกครอง เนื่องจากครอบครัวมีฐานะปานกลาง จึงไม่อยากรบกวนผู้ปกครอง และการที่ได้เข้ามาเป็นทหารเรือนั้น สามารถมอบประสบการณ์ในการพบเห็นโลกกว้างทั้งจากการไปฝึกทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการร่วมมือระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่แตกต่างจากอาชีพอื่น ดังคำกล่าวที่ว่า Join Navy to see the world ซึ่งการที่มีหลักสูตรไปศึกษาต่อในต่างประเทศนั้น ได้มอบโอกาสในการเห็นมุมมองของคนต่างประเทศจากภายในและได้สร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในระยะยาว 

อีกทั้งในการไปราชอาณาจักรสเปนยังได้ภาษาที่ 3 ซึ่งภาษาสเปนถูกใช้มากเป็นอันดับ 3 ของโลกรองมาจากภาษาจีน และเรือลำใหญ่ที่สุดของกองทัพเรือไทยก็มีต้นกำเนิดมาจากประเทศสเปนด้วย จึงเป็นเหตุผลที่น้องนัทเลือกศึกษาในประเทศนี้  

สำหรับประสบการณ์ที่ได้จากการไปศึกษาที่ราชอาณาจักรสเปน ด้วยการเรียนที่โรงเรียนนายเรือสเปนจะใช้ภาษาสเปนในการสื่อสาร ดังนั้นจึงต้องมีการเรียนภาษาก่อน 1 ปี แล้วจากนั้นจึงเข้าศึกษาหลักสูตรในโรงเรียนนายเรืออีก 5 ปี รวมเป็น 6 ปี การศึกษาในโรงเรียนเป็นการศึกษาวิชาทางทหาร ทั้งยุทธวิธีและการปฏิบัติทางเรือควบคู่ไปกับหลักสูตรปริญญาสาขาวิศวกรรมเครื่องกลจากมหาวิทยาลัยบีโก้ ที่มีความเข้มข้นในหลักสูตร โดยเฉพาะในเรื่องเกี่ยวกับเรือ เนื่องจากมีความสัมพันธ์กับบริษัท Navantia ที่เป็นบริษัทที่ผลิตเรือทั้งเรือสินค้าและเรือรบ 

โดยปัจจุบันทางสเปนกำลังผลิตเรือฟริเกตเป็นคลาส F-110 เป็นของตัวเอง คาดว่าแล้วเสร็จภายในปี พ.ศ. 2568 ในช่วงที่นัทศึกษาอยู่ที่โรงเรียนนายเรือฯ ได้มีโอกาสไปฝึกเดินทางรอบโลกที่จะมีในรอบ 100 ปี ด้วยเรือใบฝึก A-71 Juan Sebastian Elcano เนื่องในโอกาสครบรอบ 500 ปีในการเดินทางรอบโลกครั้งแรกเป็นเวลา 6 เดือน และได้มีโอกาสไปฝึกปฏิบัติงานที่เรือยกพล LPD L-51 Galicia เรือน้ำมัน A-14 Patiño และเรือฟริเกต F-105 Cristobal Colón  

ด้าน ว่าที่เรือตรี สุรศักดิ์ หรือ เขตต์ เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 59 นักเรียนนายเรือรุ่นที่ 116 สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายเรือสหรัฐอเมริกา สาขา Electrical Engineering โดยเข้าศึกษาตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2562 ถึง 31 พฤษภาคม 2566 เป็นระยะเวลา 5 ปี แรงบันดาลใจของน้องเขตต์ ในการเข้ามาเป็นนักเรียนนายเรือนั้น เกิดจากที่ความตั้งใจของน้องเขตต์ที่ต้องการมีหน้าที่การงานที่มั่นคงเพื่อที่จะเป็นเสาหลักและเป็นที่พึ่งพิงให้กับครอบครัว 

น้องเขตต์รู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เป็นข้าราชการคนแรกให้กับครอบครัวบรรดาศักดิ์ น้องเขตต์มีความสนใจในด้านภาษา เทคโนโลยี และชอบศึกษาความเป็นมาและความเป็นไปของวัฒนธรรม จึงจุดประกายความคิดที่อยากจะสมัครสอบเป็นนักเรียนทุนต่างประเทศ และน้องเขตต์ก็ทำได้สำเร็จ สอบชิงทุนได้ลำดับที่ 1 และเลือกที่จะไปศึกษาต่อประเทศสหรัฐอเมริกา น้องเขตต์รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้เป็นตัวแทนไปทำหน้าที่เป็นตัวแทนกองทัพเรือไทย ในการไปเรียนรู้สั่งสมประสบการณ์ เพื่อที่จะนำความรู้และวิทยาการที่ได้รับ มาปรับและประยุกต์ใช้กับกองทัพเรือไทย

โดยในระหว่างที่ศึกษาน้องเขตต์ได้รับประสบการณ์จากการไปศึกษาที่โรงเรียนนายเรือสหรัฐฯ ด้วยความที่โรงเรียนนายเรือสหรัฐฯ เปิดรับนักเรียนด้วยระบบโควตาจากทุก ๆ รัฐ อีกทั้งยังมีนักเรียนต่างชาติอีก 13 ประเทศ จึงทำให้มีความหลากหลายทั้งทางด้านความคิด มุมมอง วัฒนธรรม สำเนียง หรือแม้จะเป็นวิธีการพูดที่ไม่เหมือนกัน ถึงจะพูดภาษาเดียวกันหมด คือภาษาอังกฤษ แต่ที่น่าสนใจคือทุกวัฒนธรรมอยู่รวมปนกันได้อย่างลงตัว แม้จะเป็นสภาพแวดล้อมจะเป็นการฝึกศึกษาทางทหาร และเป็นที่น่าชื่มชมที่โรงเรียนนายเรือสหรัฐฯ ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกกับการปลูกฝังทางความคิดทั้งทางด้านความเป็นผู้นำและทางสติปัญญาให้กับนักเรียนนายเรือ เช่น เรื่องแรกที่โรงเรียนปลูกฝังให้กับนักเรียนนายเรือคือ การมีทัศนคติความเป็นผู้ฟังที่ดี มีความเคารพในมุมมองที่ต่างจากตน และมีความกล้าที่จะคิดเห็นและแสดงออก จึงทำให้นักเรียนนายเรือทั้งมีการพัฒนาความคิดจากหลากหลายมุม แล้วยังเกิดการต่อยอดทางความคิดอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์กับการไปใช้แก้ปัญหาต่าง ๆ ในภายภาคหน้าในฐานะนายทหารเรือซึ่งจะต้องไปนำหน่วยรบต่อไป 

ทั้งนี้ผู้บัญชาการโรงเรียนนายเรือได้กล่าวต้อนรับและให้โอวาทแก่นายทหารสัญญาบัตรที่จบใหม่ โดยขอให้ตั้งใจการทำงาน ใช้ความรู้ความสามารถเพื่อตอบสนองทุกภารกิจที่กองทัพเรือ ได้อย่างเต็มที่ เต็มขีดความสามารถ ธำรงไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน

‘กินรี เรสซิ่ง’ เดินหน้าประกาศศักดาในระดับเวทีโลก ร่วมแข่งขัน ‘F1 In Schools’ ครั้งที่ 18 ที่สิงคโปร์

เมื่อปีที่ผ่านมา ในการแข่งขัน The F1 in School ประเทศอังกฤษ ภายใต้ชื่อทีม ‘กินรี เรสซิ่ง’ สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยด้วยการคว้ารางวัลสำคัญคือ ‘Sustainability Award’ รางวัลการใช้พลังอย่างยั่งยืน พร้อมอันดับการทำความเร็วที่เหนือชั้น

ร่วมส่งแรงใจเชียร์เยาวชนไทย ‘กินรี เรสซิ่ง’ สร้างชื่อให้ประเทศไทยอีกครั้ง ในการแข่งขัน ‘F1 in School World Final 2023’ ณ ประเทศสิงคโปร์ ในระหว่างวันที่ 8-15 กันยายน 2566 ซึ่งมีทีมเข้าแข่งขันกว่า 68 ทีม จากตัวแทนทั่วโลก

>>กินรี เรสซิ่ง เด็กไทยที่นำความเร็วก้าวไกลในระดับโลก

เมื่อปี 2022 ที่ผ่านมา กินรี เรสซิ่ง ซึ่งเป็นเยาวชนไทยในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จากโรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์ (Singapore International School of Bangkok : SISB) และโรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี (Shrewsbury International School) ได้รับคัดเลือกเป็นตัวแทน 1 ใน 2 ของประเทศไทยในการเข้าร่วมการแข่งขัน Formula 1 (F1) in Schools Challenge รอบ World Final ครั้งที่ 17 ร่วมกับทีมเยาวชนนานาชาติ 40 ทีมจาก 26 ประเทศ ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2565  ณ เมืองซิลเวอร์สโตน นอร์แธมป์ตันเชอร์ ประเทศอังกฤษ โดยทางทีมได้โชว์ความสามารถในการพัฒนาการออกแบบโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วย (CAD) การผลิตโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วย (CAM) และการคำนวณพลศาสตร์ของไหลเชิงคำนวณ (CFD) เพื่อสร้างรถแข่ง F1 ขนาดเล็กให้มีความเร็วสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้

นอกจากนี้ทางทีมก็ยังได้พัฒนาเว็บและการเขียนโปรแกรม เพื่อใช้ความรู้ทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อนำไปใช้ในการสร้างแบรนด์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการโฆษณาทีมที่มีผลทางด้านการตลาด นอกจากนี้ทางทีม กินรี เรสซิ่ง ก็ยังหาทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการสร้างรถแข่ง F1 รวมถึงค่าใช้จ่ายในด้านต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับการเข้าแข่งขันอีกด้วย

>>ความคิดสร้างสรรค์สุดล้ำ ปัจจัยสำคัญในการสร้างความสำเร็จ

เมื่อปีที่แล้ว ทีม กินรี เรสซิ่ง ซึ่งประกอบไปด้วย จิรัชย์ พัวพงษ์พัน, โทนี่ แสงสุพรรณ, วรินทร์ เพชรชำลิ, ปัทเมณี จินะดิษฐ์ และ รวิพัชร์ รอดโพธิ์ทอง สร้างความฮือฮาด้วยการคว้ารางวัลสำคัญคือ Sustainability Award รางวัลการใช้พลังอย่างยั่งยืนจากการเลือกใช้วัสดุรีไซเคิลจากธรรมชาติในกระบวนการผลิต เนื่องจากมองว่าประเทศไทยมีปัญหาสิ่งแวดล้อมและการผลิตรถแข่งขนาดเล็กก็เป็นการแสดงจุดยืนและความมุ่งมั่นเชิงสัญลักษณ์ในการแก้ไขปัญหามลภาวะ โดยทางทีมกินรีใช้วิธีรีไซเคิลขวดเพื่อเป็นวัสดุหลักในการขึ้นแบบ 3 มิติและใช้ในการพิมพ์ชิ้นส่วนสำหรับรถ ส่วนสิ่งที่ถือเป็นที่สุดของความคิดสร้างสรรค์และทำให้ทีมกินรีได้รับคำชมอย่างมากก็คือการนำคาร์บอนจากท่อไอเสียรถยนต์มาผสมกับ bio-resin เพื่อผลิตชิ้นส่วนที่ช่วยลดน้ำหนักของรถและเป็นการลดลภาวะไปในตัว

ผลการแข่งขันจากการผลิตรถ F1 ขนาดเล็กที่โดดเด่นเกินวัยนี้ทำให้ทีม กินรี เรสซิ่ง รั้งอันดับที่ 3 ในหมวดเวลารวมของการแข่งรถและอยู่ในลำดับที่ 9 ในการเข้ารอบคัดเลือกและได้รับเข้ารอบน็อกเอาต์ 16 ทีมสุดท้าย ซึ่งท้ายที่สุดแล้วทีมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศคะแนนรวมคือทีมไฮดรอน (Hydron) จากประเทศออสเตรเลีย ส่วนในปีนี้การแข่งขัน F1 In Schools World Finals ครั้งที่ 18 จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 10 ถึง 12 กันยายนที่จะถึงนี้ โดยสถานที่ที่ใช้ในการแข่งขันคือ Resorts World Sentosa สถานที่ท่องเที่ยวและที่พักตากอากาศชื่อดังของประเทศสิงคโปร์ โดยในปีนี้มีทีมนักเรียนเยาวชนเข้าร่วมแข่งขันหลายทีม ซึ่ง กินรี เรสซิ่ง ได้เป้าเอาไว้ว่าจะคว้ารางวัลชนะเลิศมาครองให้ได้

จิรัชย์ พัวพงษ์พันธ์ (จิจิ) ที่รับหน้าที่เป็นผู้จัดการทีมและออกแบบรถเผยว่า "ผมเป็นคนางแผนการทำงานให้กับทีม, แบ่งงาน และคอยติดตามงานจากสมาชิกภายในทีม" 

สิ่งที่ จิรัชย์ มองว่าสำคัญมากก็คือการช่วยดังคนอื่นที่มีเวลาเข้ามาช่วยงานในกรณีที่สมาชิกคนอื่นติดขัดทำงานไม่ทัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงภาวะผู้นำของเขาได้เป็นอย่างดี 

"สำหรับงานออกแบบผมใช้โปรแกรมออกแบบสามมิติชื่อ fusion 360 ช่วงการออกแบบ ผมจะทำการค้นคว้างานออกแบบด้านอากาศพลศาสตร์ เพื่อนำมาใช้กับการออกแบบรถ หลังจากนั้นก็จะนำงานออกแบบรถไปทดสอบอากาศพลศาสตร์ หลังจากออกแบบซึ่งก็ต้องมีการปรับปรุงหลายครั้งจนเป็นที่พอใจแล้วก็จะส่งงานให้กับฝ่ายผลิตเพื่อไปผลิตรถจริงต่อไป" 

สิ่งที่ จิรัชย์ ได้รับจากการแข่งขันนอกจากการนำทักษะและความรู้จากการศึกษาไปต่อยอดแล้วก็ยังอยู่ที่การทำงานเป็นทีมด้วย 

"การได้เห็นความคิดสร้างสรรค์และพรสวรรค์จากทีมเยาวชนจากต่างประเทศก็ทำให้เราอยากพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นด้วย" จิรัชย์กล่าวเสริม

จิรัชย์ แสดงความเห็นว่าในปีที่ผ่านมาทางทีมได้พัฒนาไปมาก โดยเริ่มจากการเรียนรู้ในการแบ่งงานให้ทีมมีความสมดุลที่ดีไม่ต่างจากการผลิตรถที่ความเหมาะสมลงตัวในทุกระบบคือสิ่งสำคัญที่สุดและการได้สมาชิกใหม่เพิ่มเข้ามาก็ทำให้งานออกแบบดีขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย โดยในปีนี้ทางทีม กินรี เรสซิ่ง ตั้งเป้าเอาไว้ว่าจะชนะรางวัล Sustainability Awards อีกครั้ง รวมถึงรางวัล Fastest Car และติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลกด้วย

โทนี่ แสงสุพรรณ รับหน้าที่เป็น ดีไซน์ เอนจิเนียร์ หรือผู้ออกแบบทางด้านวิศวกรรม ซึ่งถือเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญต่อทีมเป็นอย่างมาก เนื่องจากเขามีหน้าที่ในการพัฒนาและออกแบบรถเพื่อนำไปผลิตให้ออกมาในสภาพที่สมบูรณ์แบบพร้อมลงแข่งมากที่สุด 

โดย โทนี่ เผยว่าเวทีนี้เป็นการแข่งขันระดับโลก ซึ่งสิ่งที่ทำให้ได้เรียนรู้นอกเหนือไปจากงานออกแบบและพัฒนารถก็คือการได้เรียนรู้วัฒนธรรมของผู้เข้าแข่งขันทีมอื่น ซึ่งถือเป็นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกัน ส่วนการแบ่งงานก็ถือว่าสำคัญมากเพราะการทำงานเป็นทีมจะช่วยในเรื่องพัฒนาการด้านการสื่อสารของตัวเองกับหัวหน้าทีมและสมาชิกในทีม เพื่อให้มีระเบียบวินัยในการทำงานและส่งงาน การทำงานในลักษณะนี้ทำให้ โทนี่ ที่พูดไม่ค่อยเก่งพูดเก่งขึ้น ซึ่งถือเป็นผลพลอยได้ที่ดีมาก ๆ จากการทำงานเป็นทีม

วรินทร เพชรชำลิ (ภัทร) รับหน้าที่ประกอบชิ้นส่วนรถ F1 ซึ่งถือเป็นตำแหน่งที่สำคัญและท้าทายความสามารถเป็นอย่างมาก 

"ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาผมได้นำทักษะที่ผมได้เรียนรู้มาจากปีก่อนมาพัฒนาและต่อยอดในสิ่งที่ผมสนใจและผลิตรถอีกคันในปีนี้ ผมได้พัฒนาทักษะหลาย ๆ ด้านยกตัวอย่างเช่นทักษะในเรื่องการมีทีมเวิร์ก การเข้าหาสังคมแถมยังได้พัฒนาทักษะทางวิศวะกรรมต่าง ๆ อย่างเช่นการใช้เครื่องมือช่างต่าง ๆ ที่ทำให้รถมันออกมามีคุณภาพมากที่สุดครับ ผมยังได้เรียนรู้ว่าวัสดุต่าง ๆ ที่ถูกนำมาผลิตรถแต่ละแบบ มีกรรมวิธีเเละขั้นตอนอย่างไรบ้าง" นี่คือพัฒนาการทางเชิงช่างที่ ภัทร ได้พัฒนาความสามารถของตัวเองจากการเรียนรู้ระบบการทำงานและการแข่งขันเมื่อปีที่แล้ว

โจเซฟ (Jiaen Yang) เป็นสมาชิกใหม่ที่เข้ามารับผิดชอบในตำแหน่งออกแบบกราฟิก โดย โจเซฟ เข้ามาอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่อายุ 12 ปีจนในตอนนี้เขาอาศัยอยู่ในไทยมานาน 5 ปีแล้ว โดยเจ้าตัวมองว่าไทยเป็นประเทศที่ยังมีโอกาสที่จะแสดงศักยภาพทางด้านต่าง ๆ ได้อีกมากในเวทีโลกและการเป็นตัวแทนเยาวชนไทยของเขาก็จะเป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพนั้นให้ปรากฎสู่สายตาชาวโลกได้ 

"ผมมีหน้าที่ในการออกแบบกราฟิกเพื่อให้ข้อมูลของทีมถูกนำเสนอออกมาได้ง่ายต่อการสื่อสารมากที่สุด นอกจากนี้ผมก็ยังรับหน้าที่ในส่วนของงาน pit boot ซึ่งจะตั้งอยู่ในงานแข่งขันที่ประเทศสิงคโปร์ด้วย" โจเซฟ เผย โดยเป้าหมายของเขาในตอนนี้ก็คือการทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ซึ่งเป็นความสุขของโจเซฟมากที่สุดแล้วไม่ว่าผลของการแข่งขันจะออกมาเป็นอย่างไรก็ตาม

จิรนุช ชัยพัฒน์ธนกิจ (จิ๊บ) เป็นสมาชิกคนใหม่ของทีม กินรี เรสซิ่ง เช่นกัน โดยหน้าที่ของ จิ๊บ ก็คือผู้จัดการฝ่ายการตลาดและฝ่ายโซเชียลมีเดีย ซึ่งถือเป็นสื่อที่จำเป็นอย่างมากในการประชาสัมพันธ์และโปรโมตผลงานรวมถึงศักยภาพของทีม 

"หน้าที่สำคัญของหนูก็คือการติดต่อหาสปอนเซอร์และพาร์ตเนอร์ตามบริษัทต่าง ๆ ส่วนการดูแลช่องทางในการพีอาร์ผ่านสื่อต่าง ๆ ก็ทำให้ผู้คนรู้จักทีมกินรีมากขึ้น" จิ๊บ พูดถึงหน้าที่ภายในทีมของเธอ โดย จิ๊บ เชื่อว่าในปีนี้ทีมจะสร้างผลงานได้ดีมากกว่าปีที่แล้ว เพราะเธอเห็นถึงความมุ่งมั่นของเพื่อนร่วมทีมที่จะคว้าชัยชนะ 

นอกจากนี้ทางทีมก็หวังว่าจะได้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมไทยที่สวยงามกับชาวต่างชาติที่มาร่วมงานด้วย โดยการเรียนรู้งานก่อนเข้าทีมเพียงสองเดือน ซึ่งถือว่าสั้นมาก ๆ ทำให้ จิ๊บ เติบโตในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการทำงานเป็นทีม, การรับผิดชอบต่องานของตัวเองและการแบกรับความกดดันจากการบริหารเวลาในการทำงานที่จำกัด

ตำแหน่งในทีมกินรีของ นันท์นภัส บัตรสมบูรณ์ หรือ มิ้น คือผู้จัดการด้านการเงินและการตลาด นอกจากนี้มีหน้าที่รับผิดชอบในการเปรียบเทียบและติดต่อร้านค้าเพื่อหาสินค้าคุณภาพที่ดีที่สุดสำหรับการผลิตของช่ำร่วย อีกทั้งยังดูแลการใช้จ่ายของทีมเพื่อให้อยู่ในงบประมาณด้วย 

โดย มิ้น เผยว่าก่อนเข้าทีมทาง จิจิ หัวหน้าทีมได้ทำการสัมภาษณ์เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเธอเพื่อที่จะละลายพฤติกรรมและสร้างความเป็นกันเอง 

"โครงงานนี้เป็นโครงงานที่ใช้ระยะเวลาเกือบ 1 ปี หนูและทุกคนในทีมทุ่มเทเป็นอย่างมาก ก็คาดหวังว่าจะได้รางวัล Sponsorship & Marketing Award หรือไม่ก็ใดรางวัลหนึ่งจากการแข่งขันครั้งนี้ นอกจากนี้ก็ยังหวังว่าจะได้เปิดโอกาสสู่โลกกว้าง ได้ประสบการ์ณดี ๆ ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ และ ได้เจอเพื่อน ๆ จากหลายประเทศอีกด้วย" มิ้น แสดงความเห็น

นอกจากการเรียนรู้ในวิชาเฉพาะทางอย่าง วิศวกรรมศาสตร์ และ ฟิสิกส์ ที่นำมาประยุกต์เพื่อสร้างรถ F1 ให้มีศักยภาพที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว มิ้นก็ยังมีความเห็นคล้ายเพื่อนร่วมทีมที่ว่าการติดต่อสื่อสารและการทำการตลาดเพื่อหาทุนมาสานฝันด้วยตัวเองถือเป็นสิ่งที่น่าภูมิใจและสามารถนำไปใช้เป็นทักษะไปใช้ประโยชน์ในอนาคตได้ด้วย

>>เป้าหมายที่มากกว่าการเข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 1 ของทีม กินรี เรสซิ่ง

แน่นอนว่าในทุกการแข่งขัน เป้าหมายที่ผู้เข้าแข่งขันทุกคนฝันอยากจะได้สัมผัสก็คือการคว้าอันดับ 1 มาครองให้ได้ แต่สิ่งนั้นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะการได้พัฒนาศักยภาพของตัวเอง, การนำความรู้ทางวิทยาการด้านต่าง ๆ ที่ได้จากในห้องเรียนและนอกห้องเรียนไปจนถึงการเอาชนะใจตัวเองให้ได้ถือเป็นสิ่งที่สำคัญกว่ามาก ทั้งหมดนี้คือการเรียนรู้ที่จะเติบโตทางด้านจิตใจและการรู้แพ้รู้ชนะ แต่ถึงจะอย่างไรก็ตามทางทีมกนรีก็มีจุดมุ่งหมายร่วมกันก็คือการที่จะคว้ารางวัล คือ Sustainability Award มาครองให้ได้อีกครั้ง, การได้ติด 10 อันดับแรกของรถที่วิ่งเร็วที่สุด รวมถึงการคว้าถ้วยรางวัลชนะเลิศรอบ Knock Out

ดูจากความมุ่งมั่นและความตั้งใจแล้ว เห็นได้ชัดเลยว่าความฝันและเป้าหมายที่ทางทีม กินรี เรสซิ่ง ได้วางเอาไว้อยู่ไม่ไกลจากความเป็นจริงเลย

ทั้งนี้ The F1 in School ซึ่งเป็นการแข่งขันระดับนานาชาติสำหรับเยาวชนอายุ 12-19 ปี โดยเป็นการรวมกลุ่ม 3-6 คนทำงานเป็นทีม เกิดขึ้นในชั้นเรียน ซึ่งเป็นการพัฒนาองค์ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ ของนักเรียนเพื่อนำมาใช้ในการออกแบบและสร้างสรรค์รถแข่งขนาดเล็ก F1 ที่เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ สิ่งสำคัญหลัก ๆ ในการออกแบบและประดิษฐ์รถแข่ง F1 ก็คือการใช้ความรู้ในการคำนวณพลศาสตร์ของไหลหรือ CFD เพื่อจำลองแรงต้านของอากาศ โดยการแข่งขันมีการจัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1999 ซึ่งก็มีนักเรียนจากหลายประเทศทั่วโลกที่สร้างทีมขึ้นมาเพื่อเข้าแข่งขัน โดยในปี 2021 ทีมนักเรียนตัวแทนจากประเทศออสเตรเลียได้สร้างสถิติที่ดีที่สุดด้วยการนำรถแข่งที่ประดิษฐ์มาในการเข้าแข่งขันและคว้าอันดับที่ 1 ไปได้ด้วยความเร็ว 0.916 วินาที โดยทีมผู้ชนะเลิศได้รับทุนการศึกษาในระดับอุดมศึกษาที่กรุงลอนดอนประเทศอังกฤษด้วย

‘เจษฎาเทคนิคมิวเซียม’ มอบทุนสนับสนุน ‘อลาคริตัส ดาร์ท’ ตัวแทนเยาวชนไทย แข่ง ‘F1 In Schools’ ที่สิงคโปร์

(21 ส.ค. 66) ดร.ภาคภูมิ เดชสกุลฤทธิ์ รองประธานมูลนิธิเจษฎาเทคนิคมิวเซียม เปิดเผยว่า เมื่อไม่นานนี้ มอบหมายให้ นายอภิสิทธิ์ ธรรมใจ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ มูลนิธิเจษฎาเทคนิคมิวเซียม เป็นผู้แทนต้อนรับทีมอลาคริตัส ดาร์ท ตัวแทนจากประเทศไทย เข้าแข่งขัน F1 In Schools รอบชิงชนะเลิศ ณ ประเทศสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 8-15 กันยายน 2566 เข้าขอบคุณผู้บริหารและเยี่ยมชมเจษฎาเทคนิคมิวเซียมเป็นกรณีพิเศษ

ดร.ภาคภูมิ กล่าวว่า เจษฎาเทคนิคมิวเซียมได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาเด็กและเยาวชนไทยให้มีความสามารถทัดเทียมกับนานาประเทศ และเมื่อได้รับทราบถึงวัตถุประสงค์และเป้าหมายของการแข่งขันครั้งนี้แล้ว จึงไม่ลังเลใจที่จะมอบทุนสนับสนุนให้กับทีมอลาคริตัส ดาร์ท เข้าแข่งขัน F1 In Schools รอบชิงชนะเลิศ ณ ประเทศสิงคโปร์ เพื่อเป็นกำลังใจให้กับน้อง ๆ หลาน ๆ กับการเข้าแข่งขันในครั้งนี้ และผมขออวยพรให้ทีมอลาคริตัส ดาร์ท คว้าชัยชนะกลับมาเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติของเรา สำหรับโครงการแข่งขัน F1 In Schools ในครั้งนี้ นอกจากน้อง ๆ จะได้พัฒนาความรู้ความสามารถ การทำงานเป็นทีม การวางแผนกลยุทธ์แล้ว และสิ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือ การชนะใจตนเองและการมีน้ำใจเป็นนักกีฬา

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ผมขอชื่นชมน้อง ๆ ทั้ง 6 คน จากทีมอลาคริตัส ดาร์ท ที่มีความรู้ความสามารถจนได้เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขันระดับโลก F1 In Schools โดยต้องช่วยกันออกแบบและผลิตรถแข่ง Formula 1 ขนาดย่อส่วน โดยใช้ซอฟต์แวร์ 3D CAD และออกแบบตามที่คณะกรรมการระหว่างประเทศของ Formula 1 กำหนดไว้ และจากการที่ได้ฟังแนวคิดของน้อง ๆ ทีมอลาคริตัส ดาร์ท ในวันนี้ ทำให้ทางเจษฎาเทคนิคมิวเซียมได้มุมมองที่น่าสนใจเพื่อจะนำมาต่อยอดในการทำ Master Plan และจัด Lay out เพิ่มเติมในส่วนของกิจกรรมที่เกี่ยวกับเด็กและเยาวชน ซึ่งเป็นการรับฟังความคิดเห็นจากทุกกลุ่มจริง ๆ เพื่อให้เจษฎาเทคนิคมิวเซียมแห่งใหม่ มีความหลากหลายและถูกใจผู้ที่มาเยี่ยมชมอย่างแน่นอน

ด้าน น.ส.ณัฐณิชา เดชสกุลฤทธิ์ หรือน้องฟ้า นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนนานาชาติคิงส์คอลเลจกรุงเทพ กล่าวว่า โครงการแข่งขัน F1 In Schools เป็นการแข่งขันที่ใช้ทักษะ STEM คือ วิทยาศาสตร์ (Science) เทคโนโลยี (Technology) วิศวกรรมศาสตร์ (Engineering) และคณิตศาสตร์ (Mathematics) เพื่อออกแบบรถ Formula 1 ขนาดย่อส่วนเพื่อผลิตรถแข่ง F1 ที่วิ่งได้เร็วที่สุด ในปีนี้จัดแข่งขันรอบชิงชนะเลิศที่ประเทศสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 8-15 กันยายน 2566 โดยมีทีมที่เข้าร่วมแข่งขันมากกว่า 60 ทีม จาก 40 กว่าประเทศทั่วโลก ทีมอลาคริตัส ดาร์ท เป็น 1 ใน 3 ทีมจากประเทศไทยที่ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ

สมาชิกในทีมของเรามี 6 คน ประกอบด้วย 
1.น.ส.ณัฐณิชา เดชสกุลฤทธิ์ (ฟ้า) - Graphic Design
2.นายพลพีรคม เหรียญชลานุสาร (หม่อน) - Team Manager
3.นายณนฐกร ทั่งทอง (ณน) - Financial
4.นายกันตภณ ทั่งทอง (กัน) - Design Engineer
5.นายกิตติคม ไกรอมร (อัลฟ่า) - Manufacturing
6.นายนนณฐวรรษ เหรียญชลานุสาร (กัส) - Marketing

ซึ่งหนูก็เป็นสุภาพสตรีเพียงคนเดียวในทีม เท่ไหมคะ พวกเราหวังว่าจะใช้ทักษะที่ได้ฝึกฝนมา นำพาความสำเร็จและสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ รวมทั้งได้เผยแพร่วัฒนธรรม สังคมและวิถีชีวิตของคนไทยให้กับเพื่อน ๆ จากนานาประเทศ และขอขอบพระคุณผู้สนับสนุนทุกท่านทุกหน่วยงาน รวมถึง ดร.ภาคภูมิ เดชสกุลฤทธิ์ หรือคุณอาเติ้ง ที่ได้มอบทุนสนับสนุนทีมอลาคริตัส ดาร์ท และเปิดโอกาสให้พวกเราได้มาเยี่ยมชมเจษฎาเทคนิคมิวเซียมเป็นกรณีพิเศษ พวกเราสนุกสนานและประทับใจมากค่ะ

'ม.ขอนแก่น' มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิต จ่อปรับโฉม 'หอพัก-คอมเพล็กซ์' สร้างพื้นที่ 'น่าอยู่-ปลอดภัย' แก่ 'นักศึกษา-คณาจารย์'

มหาวิทยาลัยขอนแก่นมีการวางแผนยุทธศาสตร์การบริหาร คือการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ (Transformation) เพื่อวิสัยทัศน์ในการเป็น ‘มหาวิทยาลัยวิจัยและพัฒนาชั้นนําระดับโลก’ ทั้งด้านการจัดการศึกษาการวิจัยการบริการวิชาการการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลและด้านการบริหารจัดการองค์กรเพื่อให้มหาวิทยาลัยยังคงมีความก้าวหน้าและการพัฒนามหาวิทยาลัยอย่างยั่งยืน

สำหรับด้านระบบนิเวศของมหาวิทยาลัย (Ecological) ซึ่งอยู่ภายใต้การรับผิดชอบของฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยขอนแก่น นั้น ผศ.อาวุธ ยิ้มแต้ รองอธิการบดีฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งแวดล้อม เผยว่า การสร้างมหาวิทยาลัยขอนแก่นให้เป็นที่น่าทํางาน (Best place to work) ให้เป็นที่ทํางานที่สนุกและท้าทายทําให้คณาจารย์และบุคลากรอยากทํางานด้วยมากที่สุด โดยจะมีการสร้างมหาวิทยาลัยให้เป็นที่น่าอยู่ (Great place to live) เพื่อให้เป็นสถานที่ที่มีความเหมาะสมในการใช้ชีวิตมีสิ่งแวดล้อมที่ดีเป็นมหาวิทยาลัยสีเขียวมีห้องเรียนด้านพฤกษศาสตร์และมีความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต (Biodiversity)

ผศ.อาวุธ ยิ้มแต้ กล่าวว่า “โครงการที่เป็นเรือธงในการพัฒนามหาวิทยาลัยขอนแก่น (Flag ship projects) ของฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งแวดล้อม คือ การเพิ่มจำนวนที่พักบุคลากรที่พักนักศึกษาและบุคลากรให้มีจำนวนมากขึ้น นำพื้นที่สนามซอฟท์บอล หลังหอ 26 สร้างเป็นหอพักนักศึกษา โดยจะจัดหาพื้นที่ใหม่สำหรับสร้างสนามซอฟท์บอลทดแทน และพื้นที่อยู่ด้านหลังปั๊มน้ำมัน ปตท. รวมสองพื้นที่นี้จะรองรับนักศึกษาได้ประมาณ 4,000 คน ส่วนที่พักบุคลากรนั้นจะอยู่บริเวณฝั่งบึงสีฐาน เป็นพื้นที่ใกล้ๆ กันกับพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ การดำเนินการเป็น 2 เฟส คาดว่าจะรองรับบุคลากรได้ประมาณ 2,000 คน ขณะนี้มีความก้าวหน้าอยู่ในช่วงทำร่างขอบเขตงาน (Term of Reference) หรือ TOR เสร็จแล้ว จากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนหาผู้ร่วมลงทุนมาดำเนินการก่อสร้างต่อไป”

“อีกส่วนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับงานพลิกโฉมที่ฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งแวดล้อม รับผิดชอบก็คือ เรื่องของการปรับปรุงศูนย์อาหารและบริการ หรือ คอมเพล็กซ์ นั้น เป็นการปรับปรุงใหญ่ซึ่งท่านอธิการให้ความสำคัญเนื่องจาก Complex เป็นพื้นที่ที่บุคลากรส่วนใหญ่ทั้งมหาวิทยาลัยมาใช้งานในพื้นที่นี้ร่วมกัน ขณะนี้อยู่ในช่วงของการออกแบบพื้นที่”

“นอกจากนี้ยังมีระบบประปา ที่มหาวิทยาลัยลงทุนขุดลอกบ่อเก็บน้ำดิบ เพื่อเก็บกักน้ำที่ผลิตได้ให้มากขึ้น ป้องกันการขาดแคลนน้ำในฤดูแล้ง ลดความเสี่ยงการขาดน้ำของมหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งได้มีการดำเนินการเกือบสมบูรณ์แล้ว สำหรับการสำรองน้ำที่ผลิตเป็นน้ำประปานั้น มีแผนจะนำเอาถังเก็บน้ำที่เลิกใช้เอากลับมาบูรณะใหม่ เพื่อจะเพิ่มปริมาตรการเก็บกักน้ำที่ผลิตเป็นน้ำประปาให้มีน้ำใช้ได้ตลอดปี ส่วนน้ำที่ใช้ในด้านการเกษตร เช่น คณะเกษตรศาสตร์ได้มีการวางท่อจ่ายน้ำที่ผ่านระบบบำบัดน้ำเสีย และสูบน้ำดิบที่ได้มาตามธรรมชาติ สุ่มจ่ายไปหลายจุดนำไปใช้รดต้นไม้ ซึ่งในอนาคตจะมีการพัฒนาบึงต่างๆ ในมหาวิทยาลัยขอนแก่น เช่น การขุดลอกหนองหัวช้างซึ่งเป็นสระเก็บน้ำเก่าแก่ของมหาวิทยาลัยที่ปัจจุบันมีความตื้นเขินเพื่อจัดเก็บน้ำเพื่อใช้ในการเกษตร ทั้งยังสร้างระบบนิเวศให้น่าอยู่ ร่มรื่น เพิ่มความผาสุขการทำงานบุคลากรต่อไป” ผศ.อาวุธ ยิ้มแต้  รองอธิการบดีฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งแวดล้อม  กล่าวในที่สุด

โซเชียลชื่นชม ‘รร.อนุบาลศรีธาตุ’ ประกาศงดจัดกิจกรรมวันแม่ ชี้ ห่วงความรู้สึกเด็ก-คำนึงถึงความแตกต่างแต่ละครอบครัว

โซเชียลแห่ชื่นชม!! ‘โรงเรียนอนุบาลศรีธาตุ’ งดจัดกิจกรรมวันแม่ในปีนี้ เนื่องจากคำนึงถึงความแตกต่างของแต่ละครอบครัวที่อยู่กับคุณแม่และไม่ได้อยู่ ตลอดจนห่วงใยความรู้สึกของลูกๆ นักเรียนที่คุณแม่มาร่วมกิจกรรมไม่ได้

เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 66 เฟสบุ๊กแฟนเพจ “โรงเรียนอนุบาลศรีธาตุ” ได้โพสต์ระบุข้อความว่า…

“พิจารณา งดจัดกิจกรรมวันแม่ในปีนี้ จากการออกเยี่ยมบ้านนักเรียน ทำให้ทางโรงเรียนมีข้อมูลนักเรียนที่อยู่กับแม่ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ ทางโรงเรียนได้คำนึงถึงความแตกต่างของแต่ละครอบครัวที่อยู่กับคุณแม่และไม่ได้อยู่ ตลอดจนห่วงใยความรู้สึกของลูกๆ นักเรียนที่คุณแม่มาร่วมกิจกรรมไม่ได้

โดยปรับรูปแบบเป็นการทำการ์ดอวยพรให้คุณแม่ และประกวดแต่งกลอน และเขียนเรียงความวันแม่ครับ”

ทั้งนี้ หลังโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ ได้มีชาวเน็ตให้ความสนใจในโพสต์ดังกล่าว และร่วมแสดงความคิดเห็นชื่นชมจำนวนมาก เนื่องจากมีหลากหลายครอบครัวที่คุณแม่มีความจำเป็นไม่สามารถเข้าร่วมงานได้ และอาจเป็นการสร้างความทรงจำที่ไม่ดีให้เด็กๆ ที่คุณแม่ไม่พร้อมมาร่วมงานได้

‘จีน’ ออกกฎใหม่!! ตัดอินเทอร์เน็ตเยาวชนช่วงกลางคืน หวังลดการเสพติดหน้าจอ - เข้าถึงข้อมูลไร้ประโยชน์

เมื่อไม่นานมานี้ ผู้ใช้งานบล็อกดิสชื่อ ‘Blockพูดได้byข้าวน้อยฯ’ ได้โพสต์บทความเกี่ยวกับมาตการของรัฐบาลจีนที่ใช้ดูแลเด็กและเยาวชนภายในประเทศ โดยระบุว่า…

เป็นที่ทราบกันดีว่า สองสามปีที่ผ่านมา รัฐบาลจีนให้ความสำคัญกับปัญหาการเข้าถึงข้อมูลที่ไม่มีประโยชน์ในอินเทอร์เน็ตของเด็กและวัยรุ่นเป็นอย่างมาก

มีการปราบปรามผู้ผลิตสื่อบันเทิงทางอินเทอร์เน็ต ที่รัฐบาลจีนมองว่าส่งเสริมทัศนคติที่ผิดสำหรับเด็กและเยาวชน รวมทั้งมีการออกกฎหมายจำกัดเวลาเล่นเกมออนไลน์ของเด็กและวัยรุ่นจีนลงเหลือเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงต่อสัปดาห์

เกมออนไลน์ใหม่ ๆ ในจีน ก็ถูกชะลอการพิจารณาจากทางการ จนทำให้ราคาหุ้นของบริษัทเทคโนโลยีที่เกี่ยงข้องกับวงการเกมตกลงไปตาม ๆ กัน

ไม่เพียงเท่านั้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม รัฐบาลจีนเพิ่งประกาศกฎใหม่ ที่ถูกผลักดันโดย Cyberspace Administration of China ให้มีการบังคับเกี่ยวกับเวลาการใช้อินเทอร์เน็ตบนมือถือของเด็กและวัยรุ่นจีน

โดยกฎที่ออกมามีเนื้อหาโดยสรุปคร่าว ๆ ได้ว่า...รัฐบาลจะทำการตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตบนมือถือของเด็กและวัยรุ่นจีนที่มีอายุตั้งแต่ 6-18 ปี ในช่วงเวลาตั้งแต่ 22.00 น. ถึง 6.00 น. ของทุกคืน ซึ่งการบังคับใช้ในแต่ละช่วงอายุ จะมีจำนวนชั่วโมงการตัดเน็ตมือถือที่ไม่เท่ากัน เช่น เด็กอายุต่ำกว่า 8 ขวบ จะถูกตัดเน็ตมือถือ 40 นาที ต่อคืน ส่วนเด็กที่มีอายุระหว่าง 16 - 17 ปี จะถูกตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตบนมือถือนานถึง 2 ชั่วโมงต่อคืน...

กฎการตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตสำหรับเด็กและเยาวชน ที่ทางการจีนได้ประกาศออกมาในครั้งนี้ ถือว่าเป็นกฎการควบคุมการใช้อินเทอร์เน็ตที่อาจกล่าวได้ว่า เข้มงวดที่สุดในโลกเลยทีเดียว

‘วัชรเรศร วิวัชรวงศ์’ ผู้ก่อตั้งกองทุนศึกษา Thai Heritage Scholarship Fund of New York  เพื่อเด็กนักเรียนไทย 'เกิด-ศึกษาต่างแดน' ได้ระลึกและทำคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติ

‘ท่านชาย วัชรเรศร วิวัชรวงศ์’ หรือ ‘ท่านอ้น’ ประสูติเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2524 เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 2 ในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแต่ สุจาริณี วิวัชรวงศ์ ทรงเป็นพระเชษฐาใน สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และเป็นพระราชนัดดาในพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

เมื่อแรกประสูติ ‘ท่านอ้น’ มีพระยศที่ ‘หม่อมเจ้า’ พระนามว่า หม่อมเจ้าวัชรเรศร มหิดล มีพระโสทรเชษฐาและกนิษฐา รวม 4 องค์ ได้แก่ จุฑาวัชร วิวัชรวงศ์, จักรีวัชร วิวัชรวงศ์, วัชรวีร์ วิวัชรวงศ์ และ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา

ท่านอ้น ทรงศึกษาที่โรงเรียนอนุบาลจุไรรัตน์ จากนั้นทรงศึกษาต่อที่โรงเรียนจิตรลดา จนกระทั่งช่วงเวลาที่บินไปพำนักที่สหรัฐอเมริกา ทรงศึกษาต่อที่ Trinity Preparatory School ประเทศสหรัฐอเมริกา ในระดับปริญญาตรี ท่านอ้นทรงสำเร็จการศึกษาในสาขานิติศาสตร์ จาก Stetson University College of Law ประเทศสหรัฐอเมริกา และทรงศึกษาต่อในระดับปริญญาโท ในสาขานิติศาสตร์ จาก Stetson University College of Law ประเทศสหรัฐอเมริกา

ปัจจุบัน ‘ท่านอ้น’ ทรงงานเป็นที่ปรึกษากฎหมาย บริษัท แมนีย์ แอนด์ กอร์ดอน (Maney & Gordon, P.A., Tampa) โดยทรงพำนักอยู่กับ พระมารดา พระเชษฐา และพระอนุชา ณ นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา

ท่านอ้น ทรงมีพระราชกรณียกิจสำคัญมากมาย ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา สำหรับนักเรียนไทยในต่างแดน และทรงเป็นประธานตั้งองค์ทอดกฐิน สร้างสันติภาพสู่สันติสุขทั่วราชอาณาจักรไทย ดังนี้

-เดือนมีนาคม พ.ศ. 2560 ทรงตั้งกองทุนศึกษา Thai Heritage Scholarship Fund of New York สำหรับนักเรียนไทยในนครนิวยอร์ก เพื่อสนับสนุนให้เด็กนักเรียนไทยที่เกิดหรือศึกษาต่างแดนได้ระลึกถึงประเทศบ้านของตน และทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติ

-วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2560 ทรงออกสาส์นพร้อมพระเชษฐา และพระอนุชา แสดงความโศกเศร้าอย่างใหญ่หลวงต่อการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

-วันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2560 ทรงอุปสมบทถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

-วันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2562 ทรงเป็นประธานทอดกฐินสามัคคี เนื่องในโอกาสครบรอบ 17 ปี ของสมาคมรวมไทย ประเทศฮ่องกง

-วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2563 ทรงเป็นประธาน (ส่งผู้แทน) ตั้งองค์กฐิน และปฏิบัติธรรมเจริญจิตภาวนา เพื่อสร้างสันติภาพสู่สันติสุขทั่วไทย น้อมถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STUDY TIMES
Take Me Top