ดึงสติเด็ก ๆ ก่อนโดนใส่ตรวน คิดป่วน APEC จุดจบอยู่ที่คุก

ยังเจ็บไม่พอ จะขออีกสักทีหรือไง..ย้อนรอย 10 ปีล้มการประชุมอาเซียน 

.
ในขณะที่คนไทยทุกคนต่างตื่นเต้นกับเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค (APEC 2022) ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า แต่คนกลุ่มหนึ่งกลับวางแผนการและระดมพล เพื่อขัดขวางไม่ให้การประชุมในครั้งนี้ดำเนินไปอย่างราบรื่น  

.

การเคลื่อนไหวของกลุ่มสามนิ้ว เพื่อขัดขวางการประชุมปรากฎในเพจสำนักข่าวราษฎร กลุ่มราษฎรหยุด APEC2022 นำโดยสมบูรณ์ กำแหง, ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล และจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา ว่าจะจัดการชุมนุมคู่ขนานการประชุม APEC 2022 โดยอ้างว่านายกรัฐมนตรีไร้ความชอบธรรม ไม่คู่ควรเป็นประธานเอเปค หยุดอ้างเอเปคเพื่อผลักดันนโยบายสร้างหายนะแก่ประชาชน และมีข้อกล่าวหาตามมาอีกมากมาย แต่สรุปคือกลุ่มนี้จะก่อม็อบในช่วงที่มีการประชุมเอเปกนั่นเอง 

.

การแถลงข่าวของแกนนำสามนิ้วกลุ่มนี้จัดที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ โดยมีแนวร่วมอย่าง Amnesty International Thailand เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน นั่นคือระดมพลเรียกให้ชาวเมียนมาในไทยออกมาประท้วงในการประชุมเอเปกหนนี้ มีการพ่วงโยงเข้ากับสถานการณ์ในพม่า และร่วมลงชื่อ เพื่อนำรายชื่อไปยื่นให้กับรัฐบาลไทย โดยเรียกร้องให้รัฐบาลไทยหาแนวทาง “หยุดการนองเลือดในเมียนมา” 

.

รัฐบาลเมียนมาถึงกับออกประกาศเตือนชาวเมียนมาในไทยห้ามเคลื่อนไหวในช่วงการประชุม APEC 2022 นับเป็นการแตะเบรกเรื่องนี้ทันทีทันควัน  

.

หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมถึงต้องมีการโยงเรื่องเมียนมาด้วย อเมริกานั้นหนุนหลังม็อบพม่าผ่านเอ็นจีโอที่เคลื่อนไหวในไทย การเคลื่อนไหวของ NGO สายพันธุ์เมียนมา ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวอยู่ในประเทศไทย ที่มักรายงานความเคลื่อนไหวและกิจกรรมในเมียนมาต่อผู้สื่อข่าวตะวันตก โดยใช้ประเทศไทยเป็นสถานที่จัดแถลงข่าว  

.

เงินบริจาคจากบางองค์กรตะวันตกไหลเข้ามาทางประเทศไทย เพื่อใช้ในกิจกรรมที่จัดขึ้นในเมืองไทยหรือไหลไปชายแดน ขั้นตอนที่งบประมาณผ่านทางเมืองไทยนี่แหละ ที่ NGO สายพันธุ์ไทยเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ว่าเป็นผู้ร่วมจัดกิจกรรม หรือประสานงานให้กิจกรรมเกิดขึ้นมา พอมองเห็นภาพแล้วใช่ไหมล่ะ

.

คนเหล่านี้ไม่เคยคิดถึงผลเสียต่อประเทศชาติ เหมือนไม่เคยเรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่ม็อบเสื้อแดงบุกล้มการประชุมนานาชาติอาเซียนที่พัทยา แม้จะผ่านมากว่า 10 ปีแล้ว แต่เชื่อว่าคนไทยทุกคนยังไม่ลืมเลือน เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในเวลานั้นทำลายภาพลักษณ์ของชาติอย่างย่อยยับ 

.

เริ่มต้นที่ณัฐวุฒิ ใสเกื้อ เลขาธิการ นปช. ซึ่งเป็นแกนนำในการชุมนุม สั่งการให้ อริสมันต์ พงษ์เรืองรองนำมวลชนบุกล้มการประชุมอาเซียน โดยเปิดเผยว่าได้เงินมาจากณัฐวุฒิ ใสเกื้อจำนวน 180,000 บาท เพื่อล้มการประชุมอาเซียนที่พัทยาในปี 2552

.

รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในขณะนั้นสั่งยุติการประชุม ทั้งที่ยังไม่ทันได้เริ่มเปิดการประชุม และเชิญผู้นำอาเซียนทั้งหมดเดินทางกลับทันที ส่วนแกนนำ นปช. ที่พามวลชนบุกเข้าไปวันนั้น ถูกศาลจังหวัดพัทยาตัดสินจำคุก 13 คน ในปี 2558 

.

แกนนำนปช.จำนวน 13 คน ที่ศาลจังหวัดพัทยาตัดสินจำคุก ประกอบด้วย 1. นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง 2. นายนิสิต สินธุไพร 3. นายพายัพ ปั้นเกตุ 4. นายวรชัย เหมะ 5. นายวันชนะ เกิดดี 6. นายพิเชฐ สุขจินดาทอง 7. ศักดิ์ดา นพสิทธิ์ 8. พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ (อาภารัตน์) 9.นายนพพร นามเชียงใต้ 10. นายสำเริง ประจำเรือ 11. นายสมยศ พรหมมา 12. นพ.วัลลภ ยังตรง 13. นายสิงห์ทอง บัวชุม 

.

แต่ภาพพจน์ของประเทศไทยที่เสียหายอย่างใหญ่หลวงในครั้งนั้น ยากที่จะกอบกู้คืนกลับมาในสายตาชาวโลกได้โดยง่าย การที่ประเทศไทยได้รับเกียรติจากประชาคมโลกครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะลบล้างทุกคำครหาในอดีต และเพื่อแสดงให้โลกเห็นว่าเสถียรภาพทางการเมืองในประเทศไทยก้าวสู่ทิศทางที่ดีขึ้น ไม่ถอยหลังเข้าสู่วังวนความแห่งความขัดแย้งเช่นในอดีตอีกต่อไป