Saturday, 4 May 2024
THESTUDYTIMES

29 เมษายน วันคล้ายวันประสูติ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร

สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ประสูติเมื่อวันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2548 เวลา 18.35 น. ณ โรงพยาบาลศิริราช เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแต่ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี ขณะยังเป็นพระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระองค์มีพระเชษฐภคินีต่างพระมารดา 2 พระองค์ คือ สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา

คณะแพทย์ถวายพระประสูติโดยการผ่าตัด เมื่อแรกประสูติ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติทรงมีน้ำหนัก 2,680 กรัม ความยาวพระองค์ 47 เซนติเมตร รอบพระเศียร 31 เซนติเมตร ลืมพระเนตรเวลา 19.00 น. มีพระพลานามัยสมบูรณ์ แข็งแรง พระเนตรโต พระนาสิกโด่ง

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระราชหัตถเลขาขนานพระนามว่า ‘พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ’ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2548 และพระราชทานเสมาอักษรพระปรมาภิไธย ภ.ป.ร.ทองคำ ส่วนพระนามของพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชตินั้น พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงพระมหากรุณาธิคุณอธิบายพระนามของพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ว่า ‘ผู้ทำประทีปคือปัญญาให้สว่างกระจ่างแจ้ง, ผู้ทำเกาะคือที่พึ่งให้รุ่งเรืองโชติช่วง’

ต่อมาเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2548 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เขียนพระนามของพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ เป็นภาษาอังกฤษว่า ‘His Royal Highness Prince Dipangkorn Rasmijoti’

ชื่นชม!! ‘น้องกิจ’ พ่อค้าวัย 14 ทำงานหนักเพื่อครอบครัว เริ่มขายของตั้งแต่เช้ายันค่ำ หวังอยากเห็นพ่อแม่สบาย

เมื่อไม่นานมานี้ ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ‘The Amazing Life’ ได้โพสต์เรื่องราวของ ‘น้องกิจ’ เด็กชายวัย 14 ปี ที่สู้ชีวิต มุ่งหน้าหาเงินเลี้ยงพ่อแม่ตั้งแต่ ป.1 ทำงานขายของตั้งแต่ตี 5 จนถึง 3 ทุ่ม โดยมีเนื้อหาดังนี้…

กิจคือเด็กอายุ 14 ที่ช่วยพ่อแม่ ขายของมาตั้งแต่ ป.1 และไม่เคยมีวันหยุด นาฬิกาชีวิตของเขาเริ่มต่อสู้ตั้งแต่ตี 5 จนถึง 3 ทุ่ม ทุกเช้ากิจต้องตื่นตี 5 มาชงไมโล กาแฟ และเอาปาท่องโก๋ที่แม่กิจทอด ขึ้นรถจักรยาน ปั่นขายทั่วหมู่บ้าน จากนั้นก็รีบไป รร. ละหลังเลิกเรียนก็รีบมาขายโตเกียวที่ตลาด จนถึง 3-4 ทุ่ม ‎

แม่ของน้องกิจมีปัญหาเรื่องข้อเท้าทำให้เดินไม่ค่อยได้ พ่อน้องกิจประกอบอาชีพกรรมกร เงินไม่พอใช้ น้องกิจเลยบอกพ่อว่าเรามาทำโตเกียวดีไหม เด็ก ๆ ที่โรงเรียนชอบกิน นั้นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของ ‘กิจโตเกียว’

กิจเป็นเด็กที่มีความจริงใจมาก น้องพูดซื่อ ๆ ในทุกคำตอบ แต่เป็นคำตอบ ที่ทำให้คนวัย 20 กว่าอย่างเรา ได้แต่ถามตัวเองว่า บนโลกนี้จะมีเด็กอายุ 14 ที่อ่อนโยน แต่ไม่อ่อนแอแบบนี้ สักกี่คน

ถ้าย้อนกลับไปตอนเรา ป.1 เราจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเราทำอะไรเป็นบ้าง แต่สำหรับ ‘กิจ’ นั้น คือจุดเริ่มต้นของ ‘กิจโตเกียว’ การทำงานหาเงินช่วยแม่ที่ป่วย และพ่อที่ทำอาชีพก่อสร้าง เพื่อหาเงินส่งตัวเองเรียน และเมื่อเขาเติบโตมาจนถึงอายุ 14 ปี ช่วงเวลาแห่งความสุขหลังเลิกเรียนของเขาก็หายไป เพราะเขาต้องเข็นรถเข็นไปขายโตเกียวตั้งแต่เลิกเรียนจนถึง 3 ทุ่มทุกวัน…ไม่มีวันหยุด

แต่ละคำถามที่เราถามน้อง เป็นคำถามง่าย ๆ เช่น เราถามว่าน้องมีเป้าหมายสูงสุดอะไรในชีวิตตอนนี้ น้องบอกว่า น้องอยากทำทุกอย่างให้เป็น น้องอยากเห็นพ่อกับแม่นอนสบาย ๆ สักวัน หรือได้ไปเที่ยวแบบที่คนอื่นบ้าง

คุยไปสักพักเริ่มสนิทกัน เราถามกิจว่า กิจ ทำไมแกไม่ค่อยพูดเลยอะ หรือแกเหนื่อย กิจบอกว่า ผมไม่ค่อยชอบพูด แต่ผมชอบทำงานมาก ๆ เลยครับ พี่ปอนอยากกินไส้ไหนเป็นพิเศษไหมครับ ผมจะตั้งใจทำให้ เห็นพี่มาไกล (เชี่ยยย เด็กอายุ 14 คิดแบบนี้ได้จริงดิ)

อีกหนึ่งความน่ารักคือ ระหว่างขายจนดึก น้องนั่งยิ้มให้ลูกค้าตลอดเวลา น้องไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีวิทยุ หรืออะไรใด ๆ เราถามน้องว่า ไม่เหงาหรอ อยู่เงียบ ๆ แบบนี้ ตั้งหลายชั่วโมง น้องบอกว่า ผมกลัวลูกค้าหาย เดี๋ยวผมไม่มีเงินไป รร.น้องพูดจบพร้อมหัวเราะแบบเขิน ๆ

การเจอกับน้อง เราไม่สามารถบรรยายเป็นตัวอักษรได้ว่ามันงดงามแค่ไหน มันเติมกำลังใจให้เราทำงานแค่ไหน เราอยากให้ทุกคนลองเจอกับน้องเอง รอยยิ้มของน้องสดใส และมีพลังมากจริง ๆ สุดท้ายเราถามกิจว่า สำหรับกิจ พ่อแม่มีความหมายอย่างไร กิจตอบสั้น ๆ ว่า ‘เท่าชีวิตครับ’

ท้ายที่สุดแล้วชีวิตคงเป็นแบบนี้แหละมั่ง เราอาจสร้างมาให้สู้กับชีวิตตั้งแต่เช้า เรามี 24 ชั่วโมงเท่ากัน โดยกิจเริ่มเร็วกว่าหลาย ๆ คน และเลิกช้ากว่าหลาย ๆ งาน อาหารทุกอย่างที่กิจทำ เราไม่ได้ซื้อซ้ำเพราะความสงสารแต่อย่างใด แต่มันมีรสชาติที่กลมกล่อมอยู่ในนั้นจริง ๆ กิจตั้งใจทำทุกชิ้น จนเราได้แต่สงสัยว่า ทำไมเด็กอายุ 14 ถึงมีสมาธิและรักในสิ่งที่ตนเองทำได้ขนาดนี้

บางครั้งคนที่เป็นแรงบันดาลใจ ก็ไม่ใช่คนที่ยิ่งใหญ่อะไร แต่อาจเป็นคนที่ยิ้มให้ กับชีวิตเสมอมาอย่างกิจก็ได้ แกต้องสู้ต่อไปนะกิจ แกต้องทำแบบที่เราคุยกันให้ได้นะ ถ้าไปปากเกร็ดอีก เราจะไปกินให้แหลกอีกครั้ง แกมันโคตรน่ารักเลย เจ้าเด็กสู้ชีวิตของจริง

เรียนสาขาไหนดี? จบมา มีงานทำ แถม ‘รายได้สูง’

(26 เม.ย. 67) ผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก ‘Sompob Pordi’ โพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นในหัวข้อ ‘เรียนอะไรได้ตังค์เยอะสุด?’ โดยระบุว่า…

โพสต์ที่แชร์มาเป็นของฝรั่ง ในบ้านเขา ปริญญาตรีที่ทำงานได้เงินมากที่สุด 3 สาขา คือ วิศวะคอมพิวเตอร์ ($80,000/ปี) วิศวะเคมี และคอมพิวเตอร์ซายเอนซ์ ($75,000 /ปี) โดยผู้ที่เรียนจบสามสาขานี้จะมีรายได้สูงกว่าผู้ที่เรียนจบสาขาสังคมสองเท่า

ใน 16 สาขาที่ทำเงินสูงสุด เกือบทั้งหมดเป็นวิศวกรรมศาสตร์ แทรกด้วย คณิตศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เภสัชศาสตร์ การเงิน วิเคราะห์ธุรกิจ

ส่วนสาขาวิชาที่รายได้ต่ำสุดก็ยังเป็นพวก liberal art หรือสายสังคม ประเภท มนุษยศาสตร์ ศิลปศาสตร์ สังคมศาสตร์, เทววิทยา และ สาขาที่เกี่ยวกับการแสดง

ทั้งหมดนี้เป็นของฝรั่ง แต่ในความเป็นจริง ไม่ว่าจะฝรั่ง จีน แขก ไทย ก็ไม่ต่างกันแต่อย่างใด

เพราะเหตุนี้ หากประเทศเล็ก ๆ จน ๆ อย่างเราไม่ต้องการเป็นประเทศเล็ก ๆ จน ๆ ตลอดไป ก็ควรรีบปิดคณะ/มหาวิทยาลัยสายสังคมทิ้งซัก 90% ของปัจจุบัน แล้วเอางบประมาณ ทรัพยากร มาทุ่มให้กับสายอื่นที่มีประโยชน์ ที่คุณค่าทางเศรษฐกิจมากกว่า รวมทั้งสายอาชีวะด้วย

ถ้าทำตามนี้ นอกจากประเทศจะมีความสามารถ มีศักยภาพในการแข่งขันทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น ประชากรที่ฉลาดเท่ากับควาย ที่มีค่าแรงขั้นต่ำเป็นเป้าหมายในชีวิต ที่มีความฝันจะเป็นกาฝากสังคม เกาะกินสวัสดิการ จะลดลงด้วย

‘เพจดัง’ เปิด!! 12 รร.ที่สอบเข้า ‘เตรียมอุดม’ ได้มากที่สุด ปี 67 ย้ำ ข้อมูลชุดนี้วิเคราะห์จากการทำแบบสอบถามกับผู้ปกครอง

เมื่อวานนี้ (28 เม.ย.67) เพจเฟซบุ๊ก ‘ผู้ปกครองเด็กเตรียม’ โพสต์ข้อความเปิดเผยเกี่ยวกับ 12 โรงเรียนที่สอบเข้าเตรียมอุดมได้มากที่สุดในปี 2567 (TU87) ซึ่งข้อมูลชุดนี้เกิดจากการทำแบบสอบถามกับผู้ปกครองที่ให้ข้อมูล โดยระบุว่า…

Disclaimer : การสำรวจข้อมูลในชุดนี้เป็นการสำรวจในเชิงปริมาณ (Quantiative) ไม่ใช่การสำรวจในเชิงคุณภาพ (Qalitative) ที่แยกแยะจำนวนผลสำเร็จของผู้เข้าสอบ เช่น มีผู้เข้าสอบ 200 คนสอบติด 100 คน เทียบกับผู้เข้าสอบ 2 คน สอบได้ 2 คน ย่อมเปรียบเทียบกันได้ยากและไม่มีข้อมูลในเชิงลึกที่จะเปรียบเทียบได้ 

การจัดทำสำรวจจัดทำขึ้นด้วยทางเพจเองเท่านั้น ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับทางโรงเรียน ที่จะมีข้อมูลได้ครบ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ไม่เคยได้รับการเผยแพร่ออกมา หากโรงเรียนมีข้อมูลที่ครบถ้วนและเปิดเผยออกมา อาจจะมีความคลาดเคลื่อนได้บ้างเนื่องจากการสำรวจไม่สามารถสำรวจได้ครบถ้วนกับ ผปค.ทั้งหมด

‘วันฉัตรมงคล’ ตรงกับวันที่ 4 พฤษภาคมของทุกปี เพื่อรำลึกถึงพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของ ‘ในหลวง ร.10’ แห่งราชวงศ์จักรีและราชอาณาจักรไทย

วันฉัตรมงคล ตรงกับวันที่ 4 พฤษภาคมของทุกปี เป็นวันที่รำลึกถึงพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 แห่งราชวงศ์จักรีและราชอาณาจักรไทย

ในหลวงรัชกาลที่ 10 โปรดให้ตั้งพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในวันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 ณ พระบรมมหาราชวัง มีการเฉลิมพระปรมาภิไธยตามพระสุพรรณบัฏว่า ‘พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว’ และมีพระปฐมบรมราชโองการว่า ‘เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป’

ทั้งนี้ คำว่า ‘ฉัตรมงคล’ หมายความว่า พระราชพิธีฉลองพระเศวตฉัตร จะกระทำในวันคล้ายวันบรมราชาภิเษก สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้ทรงฟื้นฟูพระราชพิธีบรมราชาภิเษกให้ถูกต้องสมบูรณ์ โดยพระมหากษัตริย์ที่ยังมิได้ทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก จะไม่ใช้คำว่า ‘พระบาท’ นำหน้า ‘สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว’ และคำสั่งของพระองค์ก็ไม่เรียกว่า ‘พระบรมราชโองการ’ และอีกประการหนึ่งคือ ยังไม่มีการใช้ นพปฎลเศวตฉัตร หรือฉัตร 9 ชั้น

ครั้งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 รัฐบาลไทย ได้น้อมเกล้าฯ จัดพระราชพิธีบรมราชาภิเษกถวาย เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 จึงถือเอาวันที่ 5 พฤษภาคมของทุกปี เป็นวันฉัตรมงคล

หลังจากรัชกาลที่ 9 เสด็จสวรรคต รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษายกเลิก วันที่ 5 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันฉัตรมงคลเดิม 

กำหนดวันฉัตรมงคลขึ้นใหม่ เป็นวันที่ 4 พฤษภาคม เนื่องจากวันฉัตรมงคลถูกกำหนดขึ้นตามวันบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งพระราชพิธีบรมราชาภิเษกอย่างเป็นทางการจัดขึ้นในวันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

‘น้องเกล โสพิชา’ รองชนะเลิศอันดับ 1 ‘Thailand's Got Talent’ ปัจจุบันเรียนคณะแพทยฯ วิทยาลัยแพทยฯ จุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย

(29 เม.ย. 67) เพจเฟซบุ๊ก The Album โพสต์ภาพพร้อมข้อความระบุว่า…“ยังจำสาวน้อยคนนี้ได้กันรึป่าว? ‘น้องเกล โสพิชา’ รองชนะเลิศอันดับ 1 รายการ Thailand's Got Talent ล่าสุดเธอได้สอบติดคณะแพทยศาสตร์ และเผยภาพแรกในฐานะนักศึกษา ตอนนี้โตเป็นสาวแล้ว”

สำหรับน้องเกล โสพิชา อังคะไวมงคล เป็นศิลปินอูคูเลเล่ตัวน้อย เจ้าของตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับ 1 จากเวทีการประกวด Thailand’s Got Talent ซึ่งในขณะประกวดนั้น ‘น้องเกล’ มีวัยแค่เพียง 6 ขวบ

เบนซ์ พรชิตา ณ สงขลา หนึ่งในกรรมการ ถึงกับเอ่ยว่า “เป็นเด็ก 6 ขวบที่เก่งมาก อย่างที่เบนซ์บอก อูคูเลเล่ใครเล่นได้ก็จริง แต่สำหรับเด็ก 6 ขวบเล่นได้ขนาดนี้ แล้วก็ร้องเพลง ต้องบอกว่าภาษาอังกฤษเป๊ะนะจ๊ะ ตรงคีย์ด้วย”

ความน่ารัก ความสามารถของ ‘น้องเกล’ ทำให้กรรมการประทับใจไปตาม ๆ กัน และพร้อมใจให้ 3 ผ่านเลย

วันเวลาผ่านไปเป็น 10 ปี ขณะนี้ ‘น้องเกล’ โตขึ้นมาก วันนี้เธอได้เข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษา คณะแพทยศาสตร์ วิทยาลัยแพทยศาสตร์ศรีสวางควัตร จุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย ในรอบ Portfolio เมื่อปีที่แล้ว (2566) นั่นเอง

‘สสวท.’ ประกาศ 18 รายชื่อผู้ได้รับ ‘ทุน พสวท.’ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ประจำปีการศึกษา 2567

(29 เม.ย. 67) สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ได้ประกาศรายชื่อผู้ได้รับทุนพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ทุน พสวท.) ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ประจำปีการศึกษา 2567 ระบุว่า…

ตามที่ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) กระทรวงศึกษาธิการ ได้ดำเนินการสอบคัดเลือกนักเรียนเข้ารับทุนพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ทุน พสวท.) ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ประจำปีการศึกษา 2567 และประกาศผลการคัดเลือกผู้ได้รับทุน พสวท. เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2567 โดยนักเรียนที่ได้รับการคัดเลือกให้มีสิทธิ์รับทุน พสวท. ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ประจำปีการศึกษา 2567 จำนวน 40 คน จะต้องแจ้งรายชื่อโรงเรียนที่จะเข้ารับทุน พสวท. และยืนยันสิทธิ์รับทุน พสวท. ภายในวันศุกร์ที่ 19 เมษายน 2567 เวลา 18.00 น. หากไม่ยืนยันสิทธิ์ตามวันและเวลาดังกล่าว สสวท. จะเรียกตัวนักเรียนที่ได้รับการคัดเลือกลำดับสำรองตามลำดับจนครบจำนวนทุน โดย สสวท. จะประกาศรายชื่อนักเรียนทุน พสวท. ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ประจำปีการศึกษา 2567 และโรงเรียนที่จะเข้ารับทุน พสวท. ภายในวันอังคารที่ 30 เมษายน 2567 นั้น

บัดนี้ สสวท. ได้ตรวจสอบผลการยืนยันสิทธิ์ รับทุน พสวท. ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ประจำปีการศึกษา 2567 เรียบร้อยแล้ว จึงขอประกาศรายชื่อผู้ได้รับทุน พสวท. ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ประจำปีการศึกษา 2567 จำนวน 18 คน และโรงเรียนที่จะเข้ารับทุน พสวท. รายละเอียดดังเอกสารแนบท้ายประกาศ ทั้งนี้ ผู้รับทุนและผู้ปกครองจะต้องเข้าร่วมการปฐมนิเทศและทำสัญญารับทุนการศึกษา ทางออนไลน์ ผ่านโปรแกรม Zoom ตามวันและเวลาที่ สสวท. กำหนดซึ่งจะแจ้งให้ทราบต่อไป โดยสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ https://www.ipst.ac.th/unit-dpst 

อ่านประกาศฉบับเต็ม: https://drive.google.com/file/d/1ibtG1ly8ESfqZtCjRj4t5R3yk4XqyU4z/view?usp=sharing 

สำหรับ รายชื่อผู้ได้รับทุนพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ทุน พสวท.) ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ประจำปีการศึกษา 2567 มีดังนี้

1.นางสาว ปาณิสรา โฆษิตสุรังคกุล เตรียมอุดมศึกษา
2.เด็กชาย ปริญ มิตรารัตน์ เตรียมอุดมศึกษา
3.นางสาว ปริยฉัตร ศรีคงคา เตรียมอุดมศึกษา
4.นาย ฉันทัช เชื้อสะอาด เตรียมอุดมศึกษา
5.นางสาว พิชชาพร อื้อภากรณ์สกุล นางสาว เตรียมอุดมศึกษา

6.เด็กชาย นนท์ปวิธ ชัยฤทธิ์ เตรียมอุดมศึกษา
7.นาย ณภัทร กังวานสุระ เตรียมอุดมศึกษา
8.นาย ธศธรณ์ จันทร์ศรี บดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี)
9.นางสาว ณัฐณิชาต์ จันทร์ชูวงศ์ บุรีรัมย์พิทยาคม
10.นางสาว อัณณา นันทสำเริง เบ็ญจะมะมหาราช

11. นางสาว ธัญญรัตน์ ก้อนทอง เบ็ญจะมะมหาราช
12.นาย จิณณะธรรม คำศรีสุข มงฟอร์ตวิทยาลัย
13.นาย ชยพล นนทสูติ สวนกุหลาบวิทยาลัย
14.นาย ปาณัช โชติวิทยารัตน์ สวนกุหลาบวิทยาลัย
15.นาย วิฑัญญู อร่ามแสงจันทร์ สวนกุหลาบวิทยาลัย

16.เด็กหญิง โสพิชา งามสวย สาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายมัธยม
17.นางสาว จุฬาลักษณ์ ศรีเมือง สามเสนวิทยาลัย
18.นางสาว พิชชาภัทร อนุรักษ์ สุราษฎร์ธานี

5 พฤษภาคม วันคล้ายวันประสูติ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ หรือพระนามลำลองว่าพระองค์ติ๊ด ทรงประสูติเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2527 ทรงเป็นพระธิดาองค์เล็กในสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี มีพระเชษฐภคินี 1 พระองค์ คือ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ.2527 ได้มีการพระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ณ พระที่นั่งมูลสถานบรมอาสน์ หมู่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ตามโบราณราชประเพณี โดยพระองค์ทรงเป็นพระราชนัดดาในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทั้งทรงเป็นพระภาคิไนยในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เมื่อครั้งประสูติ พระองค์มีฐานันดรศักดิ์เป็น พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้า เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาพระโอรสพระธิดาในสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ให้ดำรงฐานันดรศักดิ์เป็น พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้า ทุกพระองค์

ต่อมาในรัชสมัย รัชกาลที่ 10 วันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อาลักษณ์ อ่านประกาศกระแสพระบรมราชโองการ เฉลิมพระนาม พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ เป็น ‘พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ’ พระราชทานน้ำพระมหาสังข์ใบมะตูม ทรงเจิมแล้วพระราชทานพระสุพรรณบัฏ เครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ฝ่ายใน ชั้นปฐมจุลจอมเกล้า และเหรียญรัตนาภรณ์ ร.10 ชั้นที่ 1

พระองค์ทรงเข้ารับการศึกษาระดับอนุบาลที่โรงเรียนจิตรลดา เมื่อปี พ.ศ. 2530 จากนั้นประทับ ณ รัฐแมริแลนด์ สหรัฐอเมริกา และทรงเข้าศึกษาที่สถาบันศิลปะวอชิงตัน (The Art Institute of Washington) จนสำเร็จการศึกษา ต่อมาทรงย้ายไปศึกษาต่อด้านแฟชั่นดีไซน์ในสถาบันศิลปะแคลิฟอร์เนีย (The Art Institute of California) ด้วยสนพระทัยด้านกราฟิกดีไซน์และแอนิเมชั่น และประทับอยู่ลำพังพระองค์ในอพาร์ตเมนต์ใกล้สถาบันดังกล่าว

ต่อมาในปี 2552 ได้ทรงโอนย้ายหน่วยกิตทั้งหมด เพื่อมาทรงศึกษาต่อในสาขาหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาออกแบบนิเทศศิลป์ วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งใช้เวลาเพียง 4 เทอม ประมาณ 1 ปีครึ่งเท่านั้นก็สามารถสำเร็จการศึกษาด้านการออกแบบนิเทศศิลป์ตามที่ตั้งพระทัยไว้

ทรงสำเร็จการศึกษาในปี 2553 และทรงเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรในปี 2554 จาก ‘สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี’ ณ อาคารชุมพรเขตอุดมศักดิ์ หอประชุมกองทัพเรือ

เมื่อสำเร็จการศึกษา พระองค์ทรงนำความรู้มาออกแบบผลิตภัณฑ์ในโครงการสวนจิตรลดา โดยทรงเลือกทำการรีแบรนดิ้งผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของแบรนด์จิตรลดา เพื่อให้ดูร่วมสมัย และเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น ทรงลงมือปรับโลโก้ใหม่ให้ดูทันสมัยแต่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ความเป็นไทย และคงความเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติของจิตรลดาไว้อย่างเหนียวแน่น

พร้อมกันนี้ พระองค์ได้ทรงออกแบบแพคเกจจิ้งสินค้าของจิตรลดาใหม่ มากกว่า 20 ไลน์ เพื่อสร้างความสดใหม่และน่าสนใจให้กับแบรนด์ ตลอดจนออกแบบลายเสื้อฝีพระหัตถ์ ‘ทุ่งภูเขาทอง’ เพื่อสมทบทุนบูรณะอุโบสถวัดภูเขาทอง และออกแบบลายเสื้อและถุงผ้า ‘ช้างนพสุบรรณ’ เพื่อนำทุนไปบูรณะวัดวัง อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ที่เสียหายจากอุทกภัย เมื่อปี พ.ศ. 2554

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ทรงประกอบพระกรณียกิจเกี่ยวกับศิลปะ, พระพุทธศาสนา และโครงการเกษตรตัวอย่างในพระดำริที่จังหวัดสุรินทร์ น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาปรับใช้ในโครงการเกษตรส่วนพระองค์

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ทรงสนพระทัยด้านกราฟิกดีไซน์และแอนิเมชั่นเป็นทุนเดิม รวมถึงโปรดการออกแบบโบรชัวร์และโปสเตอร์ ผลงานศิลปนิพนธ์หลังสำเร็จการศึกษานิเทศศิลป์คือ ‘โครงการปรับรูปแบบบรรจุภัณฑ์ทางการเกษตรโครงการสวนจิตรลดา’ ที่ปรับเปลี่ยนและออกแบบบรรจุภัณฑ์ของสินค้าโครงการจิตรลดา ภายใต้แนวคิด ‘ชีวิตที่กลมกลืน (Living Harmony)’

ผลงานของพระองค์ถูกจัดในนิทรรศการมีเดียอาตส์เอ็กซีบีเชิน (Media Arts Exhibition : MAX 2011) ร่วมกับผลงานของบัณฑิตท่านอื่น ที่สำเร็จการศึกษาหลักสูตรจิตรกรรมและศิลปกรรมในปีนั้น ซึ่งผลงานของพระองค์ได้รับคำชื่นชมจากผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดอกเตอร์ สุรพงษ์ เลิศสิทธิชัย ว่าทำได้ดีและมีลักษณะเฉพาะ

‘น้องอิน-น้องเอม’ คว้ารางวัลชนะเลิศ ระดับ ม.ปลาย ในงาน ‘GLOBE SRC 2024’ จากผลงาน ‘การสืบค้นความสามารถการกักเก็บคาร์บอนของพืชในบริเวณที่พักฯ’

‘น้องอิน-น้องเอม’ ผู้ริเริ่มโครงการ ‘Below the Tides : Zero Starving Sea Turtles’ (อิ่มท้องน้องเต่า) และหลานปู่ของนายวิชัย ทองแตง ประธานมูลนิธิหนึ่งน้ำใจ One Love Foundation คว้ารางวัลชนะเลิศ ระดับ ม.ปลาย ในงาน ‘GLOBE SRC 2024’ จากผลงาน ‘การสืบค้นความสามารถการกักเก็บคาร์บอนของพืชในบริเวณที่พักฯ’

เมื่อไม่นานมานี้ สสวท. หรือ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ประกาศรับสมัครผลงานวิจัยวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม ระดับนักเรียน ประจำปี 2567 หรือ ‘GLOBE Student Research Competition (GLOBE SRC) 2024’

โดยโครงการนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยน ผลการศึกษาค้นคว้าวิจัยของนักเรียน ร่วมกับครู นักวิทยาศาสตร์ และชุมชน ในการเรียนรู้และเข้าใจความสัมพันธ์ของสิ่งแวดล้อมที่เป็นองค์ประกอบของโลก (ดิน น้ำ บรรยากาศ และสิ่งปกคลุมดิน/สิ่งมีชีวิต) ในลักษณะของวิทยาศาสตร์โลกทั้งระบบ ที่เชื่อมโยงกับชีวิตจริง เกี่ยวกับปัญหาและวิธีการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ในท้องถิ่นของตนอย่างเป็นระบบ โดยใช้หลักวิธีดำเนินการตรวจวัดของ GLOBE ในการเก็บข้อมูลและส่งข้อมูล เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสมาชิกในโครงการ GLOBE ทั้งในประเทศและต่างประเทศ 

ซึ่งเป็นการส่งเสริมประสบการณ์ ทักษะชีวิต ความคิดวิเคราะห์และความคิดสร้างสรรค์เพื่อนำไปสู่การรู้เท่าทันสถานการณ์ การเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม นำประสบการณ์ที่ได้รับไปปรับใช้เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิต และ นำไปสู่การสร้างความยั่งยืนในการรักษาสิ่งแวดล้อมร่วมกันในระดับท้องถิ่น ระดับภูมิภาค และระดับโลก

โดยสามารถสมัครได้ถึงวันที่ 15 ก.พ.67 ที่ผ่านมา เงื่อนไขการสมัครดังนี้ (https://drive.google.com/drive/folders/1h0wxqAO452VQ2U7Ap9sINRfZX8JvO9OX) จากนั้นคณะผู้วิจัยที่ผ่านการคัดเลือก (นักเรียนและครูที่ปรึกษา) จะต้องเข้าร่วมการประชุมวิชาการ GLOBE Student Research Competition 2024 เพื่อนำเสนอผลงานวิจัย และเข้าร่วมการสัมภาษณ์จากคณะกรรมการฯ ในวันที่ 29 - 30 เมษายน 2567 ณ โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ กรุงเทพมหานคร 

ล่าสุด (30 เม.ย. 67) หนึ่งในผลงานวิจัยวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม ในงาน ‘GLOBE Student Research Competition (GLOBE SRC) 2024’ ที่ได้รับรางวัลก็คือ ผลงานวิจัยเรื่อง การสืบค้นความสามารถการกักเก็บคาร์บอนของพืชพรรณในบริเวณที่พักอาศัย เพื่อเปรียบเทียบกับคาร์บอนฟุตพรินท์ของคณะวิจัย โดยมี นายอริณชย์ ทองแตง และเด็กหญิงอริสา ทองแตง คณะผู้วิจัย และ นางสาวชมชนก สุทธาภาศ ครูที่ปรึกษางานวิจัย โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี ได้รับรางวัลชนะเลิศ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ในการประกวด GLOBE Student Research Competition 2024 ระหว่างวันที่ 29-30 เมยายน 2567 ณ โรงแรมแอบบาสซาเตอร์ กรุงเทพมหานคร โดยได้รับประกาศนียบัตร โล่รางวัล และเงินรางวัล 30,000 บาท

ทั้งนี้ นายอริณชย์ ทองแตง (อิน) และเด็กหญิงอริสา ทองแตง (เอม) เป็นผู้ริเริ่มโครงการ ‘Below the Tides : Zero Starving Sea Turtles’ (อิ่มท้องน้องเต่า) ที่มุ่งมั่นตั้งใจสานต่อความรัก สู่การเป็นผู้ให้ เพิ่มโอกาสรอดชีวิตของ ‘เต่าทะเล’ ให้กลับคืนสู่ธรรมชาติ เพื่อปรับสมดุลระบบนิเวศใต้ท้องทะเลไทยให้สมบูรณ์และยั่งยืน นอกจากนี้ยังเป็นหลานปู่ของนายวิชัย ทองแตง ประธานมูลนิธิหนึ่งน้ำใจ One Love Foundation


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STUDY TIMES
Take Me Top